จากการจัดลำดับท็อป 10 ของสตรีที่รวยที่สุดในโลกล่าสุด ชื่อของ ฟร็องซวส แบตตองคอร์ต เมเยอร์ส ทายาทบริษัทเครื่องสำอางเมืองน้ำหอม ลอรีอัล มาเป็นอันดับหนึ่ง โดยเธอร่ำรวยถึง 929,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ฟร็องซวส เป็นหลานของ อูแชน ชูเอลเลอร์ ผู้ก่อตั้งลอรีอัล ด้วยการคิดค้นสูตรยาย้อมผมที่เขาเรียกว่า ออเรอัล ออกมาขายให้ช่างผมชาวปารีเซียง ในปี 1907 ก่อนจะจดทะเบียนเป็นบริษัทภายใต้ชื่อ ลอรีอัล ในเวลาต่อมา
ในปี 1957 ลีลีอาน แบตตองคอร์ต ลูกสาวของ อูแชน (แม่ของฟร็องซวส) สืบทอดกิจการบริษัทของบิดา สามีของลีลีอานคือ อองเดร แบตตองคอร์ต เป็นนักการเมืองชาวฝรั่งเศส ทำให้พวกเขาเป็นคู่สามี-ภรรยาที่ทรงอิทธิพลในฝรั่งเศส และกิจการก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เติบโตกลายเป็นโกลบัลแบรนด์ในยุคสมัยของลีลีอาน
หลังจากที่มารดาเสียชีวิตในปี 2017 ฟร็องซวส ก็เข้ามาอยู่ในทำเนียบสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกทันที และยังครองแชมป์มาจนกระทั่งปีล่าสุด
ในสมัยที่มารดายังมีชีวิตอยู่ ความสัมพันธ์ของเธอกับแม่ไม่ค่อยจะดีนัก “ฉันไม่ค่อยเจอกับลูกสาวเลย และก็ไม่อยากเจอด้วย สำหรับฉัน ลูกสาวกลายเป็นคนไม่มีตัวตนไปแล้ว” ลีลีอาน เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ในปี 2008
ความร้าวฉานระหว่างแม่ลูกเริ่มต้นขึ้นในปี 2007 หลังจากที่ฟร็องซวสยื่นฟ้องเพื่อนสนิทของแม่ ฟร็องซัวส์-มารี บานิเยร์ ช่างภาพชื่อดัง ที่เธอเห็นว่าจะมาหลอกเอาหุ้นของธุรกิจครอบครัว
คดีนี้รู้จักกันในนาม คดีแบตตองคอร์ต ยืดเยื้อในศาลมาถึงปี 2015 ในที่สุดศาลตัดสินว่า ฟร็องซัวส์-มารี บานิเยร์ กระทำความผิดจริงฐานอาศัยโรคจิตเสื่อมของลีลีอาน เป็นช่องทางให้ได้มาซึ่งหุ้นของบริษัทลอรีอัล
นอกจากถือหุ้นในบริษัทลอรีอัล 33 เปอร์เซนต์แล้ว ฟร็องซวส ยังเป็นนักเขียนอีกด้วย โดยเธอเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเทพนิยายกรีก ไปจนถึงเรื่องราวอิงคัมภีร์ไบเบิ้ล
ย้อนไปในปี 1987 เธอเคยก่อตั้งมูลนิธิ แบตตองคอร์ต ชูเอลเลอร์ ร่วมกับมารดา เพื่อที่จะสนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และด้านมนุษยธรรมด้วย
ในขณะที่พ่อแม่ของเธอชื่นชอบจัดงานสังคมหรูหรา แต่ฟร็องซวสดูจะมีบุคลิกที่ตรงกันข้าม เธอชื่นชอบการเล่นเปียโน และอ่านหนังสือมากกว่าที่จะเข้าร่วมงานปาร์ตี
หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้มหาวิการโนเทรอดามในกรุงปารีส ฟร็องซวส บริจาคเงินในนามบริษัทลอรีอัลและครอบครัว แบตตองคอร์ต เมเยอร์ส 226 เพื่อช่วยบูรณะมหาวิหารจากยุคกลาง ที่เป็นแลนด์มาร์คของปารีสขึ้นมาใหม่