เอ่ยชื่อ “มาดามบิ๋ง-นันทมาลี ภิรมย์ภักดี” หลายคนคุ้นหูเป็นอย่างดี แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะชาติตระกูล หรือสเตตัสสะใภ้ตระกูลใหญ่อย่าง “ภิรมย์ภักดี” เพียงอย่างเดียว แต่ฉายาเจ้าแม่เฟอร์รารีที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เดิมพันด้วยความสามารถและแพสชันที่เธอทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อพิสูจน์ว่าเธอคู่ควรกับการเป็นเอ็มดีหญิงคนแรกและคนเดียวในเอเชียของเฟอร์รารีต่างหาก ทำให้ชื่อของผู้บริหารหญิงเก่งและแกร่งไม่เคยห่างหายไปจากแวดวงสังคม
ก่อนจะมาเป็นเจ้าแม่เฟอร์รารีที่หลายคนรู้จัก หากไปย้อนดูโปรไฟล์ของมาดามบิ๋ง จะพบว่า นอกจากเส้นทางชีวิตของเธอจะน่าสนใจไม่น้อย ต้นตระกูลของเธอก็ไม่ธรรมดา บิ๋งเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของ “อภินันท์ ปวนะฤทธิ์” อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กับ “ม.ร.ว.มาลินี จักรพันธุ์” ธิดาของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยังทรงมีความสามารถพิเศษทางด้านการประพันธ์คำร้องและทำนองเพลง
ผลงานที่สำคัญที่สุดคือ การถวายงานด้านการประพันธ์เนื้อร้องประกอบทำนองเพลงพระราชนิพนธ์อันดับแรก แสงเทียน ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงพระยศเป็น “สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช” และยังได้ทรงประพันธ์คำร้องถวายอีก 28 เพลง เช่น ยามเย็น, สายฝน, เทวาพาคู่ฝัน, แก้วตาขวัญใจ, ลมหนาว, แสงเดือน, พรปีใหม่ ฯลฯ
ดังนั้น บิ๋งจึงมีศักดิ์เป็นพระนัดดาของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ และเป็นลูกพี่ลูกน้องของ “คลอเดีย จักรพันธุ์” อดีตนักแสดงชื่อดัง ซึ่งมารดาคือ ม.ร.ว.จันทิรา จักรพันธุ์ มีศักดิ์เป็นพี่สาวของ ม.ร.ว.มาลินี จักรพันธุ์
ตั้งแต่อายุ 14 ปี บิ๋งถูกส่งเรียนที่เวสตันเบิร์ต โรงเรียนหญิงล้วนในอังกฤษ ก่อนจะย้ายมาสอบเข้าโรงเรียนเซนต์ เอดเวิร์ด ซึ่งแต่เดิมเป็นโรงเรียนชายล้วน เพิ่งเปิดรับนักเรียนหญิงเป็นปีแรกตอนที่บิ๋งมาสอบ โดยรับจำกัดเพียง 20 คนเท่านั้น สำหรับเหตุผลที่ทำให้เด็กหญิงบิ๋งตัดสินใจย้ายโรงเรียนก็เพราะอยากท้าทายตัวเองจากที่เคยทั้งเรียนและแข่งกีฬากับเพื่อนผู้หญิง อยากลองมาแข่งกับผู้ชายดูบ้าง
หลังจากเรียนจบมัธยม บิ๋งเลือกเรียนต่อด้านประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย SOAS London University ที่อังกฤษ แต่ยังเรียนไม่ทันจบครอบครัวก็ตัดสินใจให้เข้าพิธีหมั้นกับ “จ๊ะ-วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี” (ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลภิรมย์ภักดี ลูกชายของ “วุฒา ภิรมย์ภักดี” ประธานกรรมการบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด) วรวุฒิมีพี่น้องทั้งหมด 3 คนได้แก่ วุฒินันต์ ภิรมย์ภักดี, ณัฐวรรณ ทีปสุวรรณ และธนะวุฒิ ภิรมย์ภักดี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด, รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด และรองประธานและกรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด
หลังจากเข้าพิธีหมั้น บิ๋งจึงย้ายตามคู่หมั้นไปเรียนต่อด้านประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโอ๊กแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากเรียบจบก็เดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อรับพระราชทานน้ำสังข์จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ก่อนจะเดินทางพร้อมสามีไปเรียนต่อด้านการเงินและการตลาดที่ซิมมอนส์ คอลเลจ บอสตัน สหรัฐอเมริกา
หลังจากเรียนจบ บิ๋งเริ่มต้นทำงานเป็นพนักงานชั่วคราวที่ “Goldman Sachs” และอีกหลายบริษัทในบอสตันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ก่อนจะเป็นพนักงานประจำที่ Chase Manhattan Bank หลังจากครบกำหนดวีซ่าทำงาน 1 ปี ก็เดินทางกลับเมืองไทย เริ่มต้นงานแรกที่ซิตี้แบงก์ ทำอยู่ 8 ปี ก็ตัดสินใจลาออก เพราะตั้งท้องลูกแฝดชาย-หญิง (น้องเจม นันทวุฒิ และ น้องบีม วรณัน)
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นสาวแอ็กทีฟ บวกกับความรู้ความสามารถที่มี ทำให้บิ๋งรับบทคุณแม่ฟูลไทม์ได้ไม่นาน คุณพ่อสามีก็วางตัวให้มานั่งแท่นกรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ ตัวแทนจำหน่าย และซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารีแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ที่ทางครอบครัวของสามีนันทมาลีได้ร่วมลงทุนกับ “นายเฉลิม อยู่วิทยา” แห่งตระกูลกระทิงแดง เจ้าของเรดบูล และสยามไวเนอรี่ ซึ่งเธอยังนับเป็นผู้หญิงคนแรกที่ก้าวมาสู่ตำแหน่งนี้
จุดเด่นของบิ๋งที่ทำให้ได้รับการวางตัวมาดูแลธุรกิจที่ดูเหมือนว่าห่างไกลจากความชอบและความถนัดของผู้หญิง คือ ประสบการณ์ในการทำงานกับบริษัทไทยและต่างชาติมานาน บวกกับแพสชันที่มีต่อแบรนด์เฟอร์รารี ถึงจะไม่เข้มข้นเท่าคุณพ่อสามี และสามีซึ่งเป็นแฟนตัวยงของแบรนด์ แต่ในฐานะภรรยาที่ได้ติดสอยห้องตามสามีไปเกาะขอบสนาม ตลอดจนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของเฟอร์รารีคลับมาตลอดไม่พอ เธอยังเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ทำให้ดีลครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เข้ามาช่วยตั้งแต่การติดต่อกับบริษัทแม่เฟอร์รารี รวมถึงทำแผนงานในการดำเนินธุรกิจในไทย จนถึงการดูแลการสร้างโชว์รูม
เรียกว่ามาดามบิ๋งอยู่กับธุรกิจนี้มาตั้งแต่ยังไม่ตั้งไข่ ดังนั้น ไม่ต้องถามเลยว่าทำไมเธอถึงเหมาะสมจะถูกวางตัวในตำแหน่งนี้ ซึ่ง10 กว่าปีที่ผ่านมา เธอก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นำพาแบรนด์ม้าลำพองให้ทะยานไปได้อย่างเหนือชั้น จนได้รับฉายาว่า “เจ้าแม่เฟอร์รารี”
ในแง่ชีวิตครอบครัว บิ๋งสวมบทเป็นเวิร์กกิ้งมัมที่ดูแลลูกแฝดได้ไม่บกพร่อง สำหรับลูกชาย น้องเจม ต้องบอกว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว สมแล้วที่มีคุณปู่เป็นแฟนรายการแข่งขันรถฟอร์มูลาวัน (F1) และมีคุณพ่อเป็นนักแข่งมือรางวัลระดับแชมป์ประเทศไทยและเป็นนักสะสมรถสปอร์ตตั้งแต่ยุคคลาสสิกมาจนถึงยุคปัจจุบัน ในวัยเพียง 14 ปี เจมเป็นนักแข่งรถรุ่นจิ๋วที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย สามารถคว้าแชมป์ในรายการแข่งขันโกคาร์ตสุดยิ่งใหญ่ Rotax Max Challange Thailand 2019 รุ่น Junior Rookie มาครองได้สำเร็จ แถมยังคว้าแชมป์รายการ Rok Cup Asia 2019 ที่ประเทศสิงคโปร์มาได้สำเร็จ
ขณะที่ลูกสาว น้องบีม วรณัน ก็ไม่น้อยหน้า โดดเด่นในสายร้อง จนไปคว้ารางวัลเหรียญทองประเภทการขับร้องเพลงในการประกวดดนตรีคลาสสิกสำหรับเยาวชน The 1st Bangkok Classical Music Festival ที่จัดขึ้น Brighton College Bangkok ทำเอาคุณแม่บิ๋งปลื้มปริ่มเป็นที่สุด
แหม..ชักอยากรู้แล้วว่า มาดามบิ๋งทำบุญด้วยอะไร ชีวิตนี้ถึงได้ลักกี้แบบ 3 in 1 ทั้งครอบครัว งาน และความรัก