เอ่ยชื่อของ คิม ลิม คนทั่วไปโดยเฉพาะในสิงคโปร์ก็ต้องคิดถึงความงาม ความหรูหรา และ ปีเตอร์ ลิม บิดามหาเศรษฐีของเธอ รวมทั้งตอนนี้ต้องเพิ่มความเป็นผู้บริหารเต็มตัวเข้าไปด้วย
ล่าสุด คิม ได้อัพเดทเรื่องราวในชีวิต โดยเฉพาะสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการระบาดของโคโรน่าไวรัส ที่เธอบอกว่า “ชีวิตจะต้องเปลี่ยนไป” และทายาทอาณาจักรสุขภาพชั้นนำของสิงคโปร์ยังบอกว่า ไวรัสตัวนี้ได้สอนบทเรียนให้แก่เธอมากมาย
ทายาทธุรกิจวัย 28 เมื่อเร็วๆ นี้ได้สลัดภาพลักษณ์ของสาวสังคมไฮโซ นักบริหารรุ่นใหม่ เพิ่มบทบาทใหม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนขับรถส่งอาหารให้บรรดาบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งโรงพยาบาล โพลิคลินิก และคลินิกย่อยๆ ทั่วสิงคโปร์ บอกว่า “จริงๆ แล้ว ชีวิตของเรา เรียบง่ายไว้นั้นดีที่สุด”
คิม ต้องการให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหลาย ตั้งแต่หมอ พยาบาล ไปจนถึงแม่บ้านและพนักงานรักษาความปลอดภัยในสถานพยาบาล “ฉันต้องการให้พวกเรารู้ว่า คนที่อยู่ข้างหลังก็ต่างต่อสู้และสนับสนุนพวกเขาเช่นกัน”
สำหรับธุรกิจส่วนตัวของคิม ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ความงาม อิลลูเมีย เทราเปอติกส์ หรือสถาบันดูแลเส้นผม พาพีล่า แฮร์แคร์ ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ที่ถูกสั่งปิดทันทีตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
“ฉันก็กังวลมาก เพราะเราเพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ เอง คนที่เพิ่งเริ่มธุรกิจใหม่ๆ ทุกคนคงเข้าใจดี แต่หลายคนอาจจะมองว่า จะโวยวายทำไม พ่อเธอมันรวยจะตายไป ธุรกิจของเธอไม่เจ๊งง่ายๆ หรอก แต่มันคนละเรื่องกันมั้ยคะ ธุรกิจของฉัน ฉันก็ต้องประคับประคองไปเอง ไม่เกี่ยวกับพ่อเลยสักนิด”
คิม บอกว่า ถึงอย่างไรก็พยายามมองในแง่ดี “เราไม่ได้เลย์ออฟพนักงาน และยังจ่ายเงินเดือนปกติแม้เขาจะได้ได้เข้ามาทำงาน COVID-19 ทำให้ฉันตาสว่างขึ้นเยอะ ได้เห็นว่า มีคนสนับสนุนเราเยอะมาก และเราก็มีพนักงานที่ซื่อสัตย์”
ในช่วงล็อกดาวน์อยู่กับบ้าน คิมเล่าว่า ค่อนข้างงงๆ หลงวัน หลงคืน “ฉันรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน เศร้าใจที่ต้องเห็นคนป่วยมากมายขนาดนั้น แต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกภูมิใจในบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ ที่เสียสละทำงานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”
นอกจากคอยส่งข้าวส่งน้ำให้ตามโรงพยาบาลและหน่วยแพทย์ต่างๆ แล้ว ว่างๆ คิมก็ชอบนอนดูทีวีกับลูกชายวัย 3 ขวบ ไคเด็น “ฉันแทบลืมชีวิตแบบเดิมๆ ไปแล้ว ที่ต้องลุกขึ้นมาแต่งหน้า ทำผม แต่งตัวสวยๆ ทุกวัน ตอนนี้ฉันแค่ปล่อยให้สวยไปตามธรรมชาติ สิ่งที่ฉันคิดถึงคือการได้ออกไปเที่ยว ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อโรค”
ไลฟ์สไตล์แบบสาวนักท่องโลกก็ต้องยุติลงไปด้วย “ปกติ ฉันจะต้องเดินทางท่องเที่ยวอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะก่อนที่จะทำธุรกิจของตัวเอง แต่ตอนหลังก็เพลาๆ ลงนิดนึง ส่วนตอนนี้ก็รู้กันว่า การเดินทางต้องเป็น 0
“เมืองโปรดของฉันก็คือ ปารีส ลอนดอน เซอร์มัตต์ กรุงเทพฯ โซล แล้วก็ไทเป ฉันชอบอาหารที่เมืองไทยและลอนดอน ชอบความขาวโพลนของหิมะที่เซอร์มัตต์ ชอบช็อปปิ้งในปารีสและโซล และชอบวัฒนธรรมของไทเป”
คิม ลิม แทบทนไม่ไหวแล้วที่จะกลับไปทำงาน “ฉันฝันอยากอยู่ในธุรกิจด้านความงามมาตั้งแต่อายุ 19 ตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็เริ่มลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ จนได้มาเจอกับเอลิซาเบท เหลียง หุ้นส่วนที่ร่วมกันเปิดธุรกิจความงามทั้งสองแห่งด้วยกัน
“เราเข้ากันได้ดีมาก มองเห็นธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน COVID-19 ทำให้เราสะดุด ซึ่งเราต้องเรียนรู้การทำให้มันฟื้นคืนขึ้นมาให้ได้อย่างรวดเร็ว พอเกิดการระบาดของไวรัส เราก็เลยได้เปิด อี-สโตร์ และตอนนี้ยอดขายออนไลน์ก็เริ่มอยู่ตัว และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นแล้ว”
ในฐานะที่เป็นสมาชิกของตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของสิงคโปร์ ทำให้การอุทิศตัวให้การกุศลเป็นเรื่องที่ทุกคนคาดหวัง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต COVID-19
“ปกติบ้านเราก็ทำงานการกุศลเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวฉันชอบเลือกช่วยองค์กรที่เราอินด้วย โดยเฉพาะองค์กรที่ช่วยเหลือสัตว์ หรือคนชรา”
สำหรับช่วง COVID-19 ที่มีการแนะนำให้รักษาระยะห่างทางสังคม ทำให้เธอได้แต่วิ่งส่งอาหารให้บุคลากรทางการแพทย์ ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ “เต่เราก็ต้องมีการวางแผนนะ มีการจัดสายส่งของแบบเป็นระบบระเบียบเชียวล่ะ” คิมบอกว่า ถ้าจะทำการกุศลก็อย่าไปคิดมาก “เราทำเราก็สบายใจของเราค่ะ แต่คนที่นี่ชอบพูดเรื่องคนอื่น เราก็อย่าไปสนใจฟังให้มาก ฉันคิดว่าคนพวกนั้นน่าจะเอาเวลาไปช่วยคนอื่นบ้างนะ
“คิดง่ายๆ แค่ทุกคนเลิกวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น แล้วยื่นมือเข้ามาช่วย ก็จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากเลย”
คิมบอกว่า COVID-19 สอนให้เธอมองเห็นความสุขอันเรียบง่ายของชีวิต “ตอนนี้ฉันรู้สึกมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มากขึ้น อย่างการได้ออกไปกินข้าวมื้อง่ายๆ แบบไม่ต้องหรูหรา ออกไปกินข้าวนอกบ้านได้นี่ดีใจจะแย่ ยิ่งถ้าได้พบเจอกับเพื่อนๆ หรือได้จับมือหรือสวมกอดกันได้ ตอนนี้มันมีคุณค่าทางจิตใจต่อฉันมากๆ”