ในวันสำคัญๆ โอกาสพิเศษๆ ทั้งหลายที่ต้องการสร้างความประทับใจให้น่าจดจำ แค่เค้ก ดอกไม้ ของขวัญ นั่นยังไม่พอ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้คือ ลูกโป่งแฟนซี ดีไซน์สวย ที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้สมบูรณ์แบบ ไม่เชื่อลองเลื่อนดูภาพไอจีของเหล่าคนดังทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งของ เก๋-ชลลดา, งานปาร์ตี้สละโสดของ สาวมิว-นิษฐา, วันเกิดของไฮโซสาว พลอยพยัพ ศรีกาญจนา หรือนักร้องสาว หวาย-ปัญญ์ธิษา ฯลฯ ต่างต้องมีพร็อบเก๋ๆ เป็นลูกโป่งหลากสีสัน หลายรูปแบบที่ครีเอตออกมาให้เข้ากับบรรยากาศ สื่อถึงตัวตนและวาระสำคัญได้อย่างมีความหมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานของสาวน้อยคนนี้ “จ๋อมแจ๋ม-พิมพ์พิชชา งามจิตสุขศรี” เจ้าของธุรกิจร้านลูกโป่งสุดแฟนซี iparty ที่มีลูกค้าระดับวีไอพีและคนดังมากมาย
เมื่อ 2 ปีก่อน จ๋อมแจ๋มตัดสินใจร่วมหุ้นกับเพื่อนมาลุยธุรกิจ iparty ซึ่งทำมาก่อนหน้าประมาณ 3 ปีเต็มตัว โดยจ๋อมแจ๋มเข้ามาช่วยเติมเต็มและขยายธุรกิจจากเดิมที่มีเพียงสาขาเดียว ที่เดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ขยายเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขาพระโขนง และเดอะ ปอร์ติโก หลังสวน
“เรามีทั้งหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ซึ่งใช้ชื่อว่า iparty_bkk มีบริการในการจัดลูกโป่งสำหรับลูกค้าในโอกาสต่างๆ ตั้งแต่งานวันเกิดเด็กแรกเกิด ไปจนถึงคุณปู่อายุ 80 ปี งานแต่งงาน งานเลี้ยงรุ่น งานเปิดตัวสินค้าของแบรนด์ต่างๆ ไปจนถึงงานเลี้ยงภายในบริษัท โดยเรามีทีมงานในการออกแบบ จัดหาและจัดเตรียมลูกโป่งให้ตามที่ลูกค้าต้องการภายในงบประมาณหรือธีมที่ลูกค้าอยากได้ โดยสามารถจัดให้ได้ทั้งที่บ้านลูกค้า หรือนอกสถานที่ อย่างร้านอาหาร โรงแรม ตลอดจนโรงพยาบาล”
เหตุผลที่ iparty ต้องมีถึง 3 สาขา กระจายอยู่ในต่างโลเกชัน เพราะต้องการเข้าถึงลูกค้าที่อาศัยอยู่ในย่านต่างๆ พร้อมทั้งประหยัดค่าขนส่งให้ลูกค้า กรณีที่สถานที่จัดงานอยู่ไกลจากร้าน เนื่องจากเวลาขนส่งลูกโป่งไปงาน ถ้าเป็นสเกลเล็กจะอัดแก๊ซฮีเลียมไปจากร้านเลย ทำให้ต้องใช้รถใหญ่ในการขนส่ง หรือหากเป็นงานใหญ่ที่ไปจัดลูกโป่งหน้างานได้ก็ต้องเตรียมถังแก๊สฮีเลียมไปหน้างานด้วย อาจจะไม่สะดวกในการขนย้ายมากนัก ดังนั้น การมีสาขาไว้ในจุดต่างๆ จะช่วยลดภาระค่าขนส่งให้ลูกค้าถูกลง เพราะทางร้านก็เลือกโลเกชันที่มักมีการใช้บริการ อยู่ใกล้โซนร้านอาหาร โรงแรม และโรงพยาบาล
“นอกจากข้อดีที่บอกมา ยังดีต่อลูกค้าที่ต้องการมาเลือกลูกโป่งด้วยตัวเอง หรืออยากมาปรึกษาว่าจะจัดแบบไหนดี แต่ถ้าเทียบแล้ว ลูกค้าที่ติดต่อทางออนไลน์จะเยอะกว่า ดังนั้น เราจึงมองว่า 3 สาขาที่มีอยู่ครอบคลุมแล้ว คงไม่ขยายเพิ่มในเร็วๆ นี้ ที่ตอนแรกวางแผนว่าจะมีเพิ่มคือ บริการรถขนส่งของเราเอง ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะทำ แต่พอเจอโควิด-19 เลยคิดว่าอาจจะพักไว้รอดูสถานการณ์ก่อน”
ถามว่าทำไมถึงมาลงเอยที่ธุรกิจนี้ได้ จ๋อมแจ๋มตอบอย่างอารมณ์ดีว่า จริงๆ เรียนมาคนละสายเลย เพราะหลังจากจบมัธยมฯ ที่สาธิตที่จุฬาฯ ก็เรียนต่อที่คณะเศรษฐศาสตร์ (อินเตอร์) ที่จุฬาฯ เพราะคิดว่าอยากทำงานสายการเงิน เคยไปฝึกงานที่ตลาดหลักทรัพย์ และทำงานเป็นนักวิเคราะห์ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อยู่ 1 ปี ก็ตัดสินใจลาออก
“จริงๆ คุณพ่ออยากให้รับราชการ แต่พอทำไปรู้สึกว่าไม่อิน อยากเจอความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิต เลยตัดสินใจขอคุณพ่อลาออกแล้วไปหาประสบการณ์ทำงานอยู่ที่ Branding Agency 2 ปี ก็มีไอเดียว่าอยากทำธุรกิจของตัวเอง จนมาเจอ iparty เลยมาร่วมหุ้น เพราะเห็นเทรนด์ของคนยุคนี้ว่าชอบฉลอง บวกกับมีไลฟ์สไตล์ชอบถ่ายรูป อย่างงานแต่งงานยุคนี้ไม่ได้มีแค่เค้ก หรือดอกไม้ แต่ต้องมีลูกโป่งด้วย ซึ่งเราก็อินอยู่แล้วเลยอยากเข้ามาทำตรงนี้ แม้จะดูเหมือนไม่ใช่สายตรงที่เรียนมา แต่ก็ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาทั้งหมด ในแง่วิธีการคิด การบริหารธุรกิจ ซึ่งหลังจากมาทำเต็มตัวรู้เลยว่าโจทย์ใหญ่ที่สุดคือ การบริหารคน”
จ๋อมแจ๋มยังบอกอีกว่า ที่มองว่าเรื่องคนสำคัญสุด เพราะพนักงานคือคนที่ต้องเจอกับลูกค้า “ยิ่งธุรกิจเราเป็นธุรกิจที่เข้าไปอยู่ในโมเมนต์พิเศษของลูกค้า ในโอกาสเฉลิมฉลอง ยิ่งต้องทำให้ดีไม่มีข้อผิดพลาด เรื่องส่งของล่าช้านี่ไม่ได้เลย เพราะเป้าหมายของเราคือ ต้องการให้ทุกคนแฮปปี้ ช่วงแรกๆ ที่มาทำ เราก็เป็นแอดมินตอบลูกค้าเองบ้าง ทำให้ได้เรียนรู้ลูกค้าไปในตัว รู้ว่าต้องละเอียดเบอร์ไหนในการคุยกับลูกค้า เพื่อไม่ให้การสื่อสารผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อน...
ที่สำคัญ ต้องพูดหรือให้คำปรึกษาลูกค้าอย่างไรให้ประทับใจ และอยากใช้บริการของเรา พวกนี้เป็นทักษะที่เราต้องเอามาถ่ายทอดและฝึกทีมขณะเดียวกัน ก็ต้องเทรนนิ่งพนักงาน อย่างปีที่แล้วเราก็พาพนักงานไปสิงคโปร์ ไปเทรนการทำลูกโป่งที่เป็นฉากตกแต่งขนาดใหญ่”
เพราะฉะนั้น สิ่งที่จ๋อมแจ๋มมองว่าเป็นจุดเด่นของ iparty คือ ความเข้าใจลูกค้า เพราะธุรกิจแบบนี้มีดีมานด์เยอะก็จริง แต่ก็มีซัปพลายไม่น้อย มีทางเลือกมากมายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ดังนั้น สิ่งที่จะสร้างความแตกต่าง คือ ไอเดียที่นำเสนอ เพราะลูกโป่งก็เหมือนๆ กัน สิ่งที่จะวัดคุณภาพคือ ไอเดียการมิกซ์แอนด์แมตช์
“อย่างฟีดในไอจีเรามีแบบให้ลูกค้าดูและเลือกเยอะมาก เราเชื่อว่าลูกค้าเข้ามาแล้วดูเพลิน หรือถ้าสนใจติดต่อเข้ามา เราสามารถให้คำปรึกษาแบบเทเลอร์เมดเพื่อหาแบบที่ลูกค้าชอบจริงๆ มากกว่ายัดเยียดสิ่งที่เราอยากขาย เลยทำให้เรามีลูกค้าที่มาใช้บริการแล้วประทับใจ กลับมาหาเราเยอะ ในขณะที่ลูกค้าใหม่ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ ที่ผ่านมาถ้าพูดถึงงานที่เราภูมิใจ มีหลายงานมาก ทั้งงานฉลองวันเกิดคุณปู่วัย 80 ปี งาน baby shower ของ เอมมี่-มรกต แสงทวีป”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงโควิด-19 ที่ทุกธุรกิจได้รับผลกระทบ จ๋อมแจ๋มเองก็เช่นกัน แต่อย่างน้อยเธอยังมองว่าโชคดีที่แม้ลูกค้าแบรนด์หรือบริษัทจะว่างเว้นจากการจัดงาน แต่การที่ลูกค้าไม่สามารถเดินทางไปหากันได้เหมือนปกติ ทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าจะเลือกส่งลูกโป่งเป็นตัวแทนแห่งความยินดี ขอบคุณ ห่วงใย หรือเฉลิมฉลองอยู่บ้าง เลยทำให้ธุรกิจยังไปต่อได้
มาถึงไลฟ์สไตล์วันว่างของจ๋อมแจ๋ม ที่ไม่ได้มีตารางงานแน่น ไม่ได้จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศเป็นเวลาประจำ เพราะทำงานผ่านออนไลน์เป็นหลัก เธอบอกว่าชอบออกกำลังกาย เพราะเป็นสายกินเลยต้องดูแลรูปร่าง เพียงแต่เปลี่ยนจากแต่ก่อนไปเข้ายิม เข้าคลาส พอโควิด-19 มาก็หันมาออกกำลังกายที่บ้านแทน
“โชคดีที่ชอบอยู่บ้านอยู่แล้ว นอกจากเล่นกับหมา ก็ปลูกต้นไม้ อย่างที่เห็นช่วงนี้กระแสปลูกต้นไม้กลับมาฮิต เราเองปลูกต้นไม้อยู่แล้ว เลยกลับมาปัดฝุ่น เปลี่ยนกระถาง ส่วนต้นไม้ที่เลือกปลูก ด้วยความที่เป็นสายมู (หัวเราะ) ก็เลือกปลูกต้นกวักมรกต เพราะเชื่อว่าช่วยเรียกเงินเรียกทอง แถมยังเลี้ยงง่าย หรืออย่างต้นที่มีใบด่างเห็นแล้วสวยดี ก็ซื้อมาเลี้ยงเพิ่ม นอกจากนี้ยังปลูกผักสลัด คะน้า ปวยเล้ง กับคุณพ่อ ใช้ปุ๋ยที่เราหมักเอง หมั่นใจว่าออร์แกนิกแน่นอน บางทีกินเองไม่ทันก็ตัดไปแบ่งเพื่อนๆ” จ๋อมแจ๋มเล่าอย่างอารมณ์ดีก่อนทิ้งท้ายว่า
“ช่วงที่ผ่านมา ถามว่าเครียดมั้ย ก็เครียด แต่สุดท้ายทุกคนต้องปรับตัวกับสถานการณ์ พยายามแก้ปัญหาให้ดีที่สุด วิกฤตครั้งนี้ทำให้รู้ว่า เราต้องวางแผนให้ดี รัดกุม จากที่คิดว่าเป็นคนชอบวางแผน แต่มาเจอโควิด-19 ก็คิดว่าต้องวางแผนให้รัดกุมกว่านี้ และมีแผนสำรอง เอ-บี-ซี-ดี ต้องวางแผนเผื่อไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ”
