>> ข่าวใหญ่ของการเคลื่อนไหวประท้วงเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมให้ชาวผิวสีในช่วงที่ผ่านมา คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ประเทศอังกฤษรวมตัวกัน โค่นรูปปั้นของ “เอ็ดเวิร์ด โคลสตัน” พ่อค้าทาสที่โด่งดังในสมัยศตวรรษที่ 17 โดยกลุ่มผู้ชุนนุมได้ใช้เชือกล่ามดึงรูปปั้นล้มลงมาจากอนุสรณ์ ก่อนจะนำมาสีแดงฉีดพ่น พร้อมกับคุกเข่ากดทับที่คอเป็นเวลา 8 นาที แสดงสัญลักษณ์เหมือนกับที่ จอร์จ ฟลอยด์ โดนกระทำจากตำรวจ ก่อนจะลากไปทิ้งที่แม่น้ำ นับเป็นการแสดงออกถึงการประท้วง คืนความยุติธรรมให้แก่บรรดาคนผิวสีที่เคยโดดกดขี่ในอดีต ไม่เพียงแต่รูปปั้นของเอ็ดเวิร์ดจะโดนกระทำเท่านั้น แต่ยังมีข่าวถึงอนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานของเหล่าคนดังในอดีตที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าทาส หรือการกดขี่คนผิวสีก็กำลังโดนก่อกวน สร้างความเสียหายไม่น้อยหน้ากัน ไม่ว่าจะเป็นนายพลวินสตัน เชอร์ชิลล์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนเก่งของอังกฤษ, กษัตริย์ลีโอโพลด์ที่ 2 ของเบลเยียม ฯลฯ
เอ็ดเวิร์ด โคลสตัน เป็นพ่อค้าชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยศตวรรษที่ 17 โดยเขาเป็นลูกหลานทายาทตระกูลค้าขายที่มั่งคั่งและเก่าแก่ของเมืองบริสตอล เมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ ว่ากันว่าบรรพบุรุษของเขาปักหลักที่เมืองนี้มาตั้งแต่ราวๆ ปี ค.ศ.1340 ตัวเอ็ดเวิร์ดเองเกิดเมื่อปี 1636 โดยเขาเป็นลูกคนโตของครอบครัว และได้สืบทอดกิจการค้าขายของครอบครัว ในช่วงแรกเขาทำการค้านำเข้า เสื้อผ้า น้ำมัน ผลไม้ ไวน์ จากเมืองท่าใหญ่ๆ ในยุโรป อย่างสเปน โปรตุเกส ก่อนจะเข้าร่วมกับบริษัท รอยัล แอฟริกัน ซึ่งเป็นบริษัทผูกขาดการค้าทาส ทองคำ เงิน และงาช้าง จากแถบชายทะเลฝั่งตะวันตกของแอฟริกา โดยบริษัทนี้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 2 และพระเชษฐา พร้อมกับผู้ร่วมลงทุนอย่างเหล่าพ่อค้าในกรุงลอนดอน และนักปราชญ์คนดังในสมัยนั้นอีกมากมาย
ช่วงที่เอ็ดเวิร์ด โคลสตัน ร่วมทำการค้ากับรอยัล แอฟริกัน ในช่วงปี 1680-1692 บริษัทได้ขนส่งทาสชาวแอฟริกันราว 84,000 คน มายังอเมริกาและประเทศในแถบแคริบเบียน เพื่อใช้แรงงานในการเกษตรอย่างไร่ยาสูบ ไร่อ้อย ไม่มีการบันทึกว่าเอ็ดเวิร์ดทำรายได้จากการค้าทาสเป็นจำนวนเงินเท่าใด แต่ว่ากันว่าต้องเป็นจำนวนมหาศาลไม่น้อย เพราะหลังจากนั้นเขาได้กลับมาก่อตั้งธุรกิจในประเทศอังกฤษ และได้กลายเป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ บริจาคเงินให้การกุศล พร้อมตั้งเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และโบสถ์มากมาย รวมถึงได้ก้าวขึ้นไปเป็นสมาขิกสภาของเมืองบริสตอลด้วย
ในปี 1721 ซึ่งเป็นปีที่เอ็ดเวิร์ดเสียชีวิตลง ครอบครัวของเขาได้บริจาคเงินให้การกุศลเป็นจำนวนมากถึง 7 หมื่นปอนด์ (เทียบเท่าหลายร้อยล้านบาทในปัจจุบัน) เขาเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของเมือง โดยทุกวันนี้ถนนหนทาง อาคาร สถานที่สำคัญต่างๆ ในเมืองบริสตอลก็ยังใช้ชื่อโคลสตันตามชื่อของเขาอยู่หลากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลโคลสตัน, โรงพยาบาลควีนอลิซาเบธ, โคลสตัน ฮอลล์, โคลสตันสกูล ฯลฯ รวมไปถึงโคลสตัน บัน ขนมปังรสหวานที่ทำจากแป้งยีสต์ พร้อมสอดไส้ด้วยผลไม้แห้งและเครื่องเทศ ที่ว่ากันว่าเอ็ดเวิร์ด โคลสตัน เป็นคนคิดค้นสูตร โดยโคลสตัน บัน เป็นที่โด่งดังในเมืองบริสตอล และเป็นที่นิยมในการแจกจ่ายกันในวันโคลสตันเดย์ หรือทุกวันที่ 13 พฤศจิกายนของทุกปี
และในปี 1895 เมืองบริสตอลได้สร้างรูปปั้นของเอ็ดเวิร์ด โคลสตัน ตั้งตระหง่านไว้กลางเมืองเพื่อแสดงความระลึกถึงคุณูปการมากมายที่เขาสร้างความเจริญให้กับเมืองนี้ ก่อนที่รูปปั้นนี้จะถูกโค่นลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา