พิสูจน์ได้จากฟีดในไอจีของหนุ่มจอม ที่ขยันถ่ายกับต้นไม้เป็นว่าเล่น ซึ่งไม่ใช่แค่การตามกระแส เพราะช่วงนี้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์หันมาถ่ายรูปกับต้นไม้กันมากมาย แต่เขามีรูปเก๋ๆ กับต้นไม้สวยๆ และแปลกตาจากทั่วทุกมุมโลกอวดลงโซเชียลมาพักใหญ่แล้ว แต่ละต้นบอกเลยว่าเห็นแล้วเป็นต้องตาร้อนผ่าว ยังไม่รวมทริปเก๋ๆ ก่อนโควิด-19 ที่คนรักต้นไม้เห็นแล้วต้องอิจฉา เพราะทริปที่หนุ่มจอมตระเวนไปเช็กอินไม่ใช่แลนด์มาร์กที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต แต่เป็นงานแฟร์ต้นไม้ ไม่ใช่แค่ไทยและต่างประเทศ แต่ผจญภัยไปถึงถิ่นที่มีพันธุ์ไม้แปลก ทั้งสวนพฤกษศาสตร์ทั่วโลก ไปจนถึงป่าอเมซอน
ทุกวันนี้เขาไม่ใช่แค่ปลูกต้นไม้เพราะใจรัก แต่ยังผันตัวมาทำธุรกิจขายต้นไม้และเป็นเจ้าของเพจ Live with plants ที่เป็นศูนย์รวมของคนรักต้นไม้อีกด้วย
“เมื่อปีก่อนผมสร้างบ้านหลังใหม่ และมีไอเดียจะแต่งสวนในบ้านเอง ผมเลยไปเดินหาต้นไม้ตามตลาดดังๆ ที่ขายต้นไม้ ทั้งสวนจตุจักร ตลาดขายส่งต้นไม้ซอยวัดพระเงิน ไม่น่าเชื่อ ผมสามารถใช้เวลาเดินดูต้นไม้ได้เป็นวันๆ โดยไม่รู้สึกเบื่อ ในทางกลับกันรู้สึกเอนจอยและอินมากๆ เดินดูไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งรู้สึกตื่นตาตื่นใจ จากแรกๆ ซื้อต้นไม้ต้นละ 20-30 บาท กลายเป็นเริ่มถลำลึก สนใจไม้แปลกๆ อย่าง ไม้ด่าง ไม้สะสม ซึ่งแต่ละต้นมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน หลังๆ มีบินไปต่างประเทศ อย่างเอกวาดอร์ เข้าป่าอเมซอน ไปหาพันธุ์ไม้จากทั่วทุกมุมโลกมาปลูกและสะสม ทั้งจากคอสตาริกา ปาปัวนิวกินี เม็กซิโก โคลัมเบีย บราซิล รวมทั้งสหรัฐฯ”
จอมยอมรับว่าการเดินทางทำให้ยิ่งได้เปิดโลกต้นไม้ที่แสนกว้างใหญ่ ได้มีโอกาสรู้จักกับนักสะสมผู้มีความรู้ ได้สังคมและเพื่อนใหม่ ทำให้ยิ่งชอบและอินกับต้นไม้ขึ้นไปอีก จนในที่สุด จากแพสชันทำให้เริ่มเห็นโอกาสทางธุรกิจ เลยตัดสินใจผันตัวเองจากนักสะสมมาขายต้นไม้ด้วย เพราะตลาดต้นไม้เป็นตลาดที่ใหญ่มาก มีลูกค้าอยู่ทั่วทุกมุมโลก ถึงขั้นมีคนเปรียบเปรยว่า ถ้ามีต้นไม้ไว้ก็เหมือนมีเงินดอลลาร์อยู่ในมือ!
“โชคดีที่ผมมีรุ่นพี่ที่รู้จักและอยู่ในวงการต้นไม้มาเป็น 10 ปี ช่วงแรกๆ เลยมีโอกาสได้ปรึกษาเกี่ยวกับต้นไม้ ว่าจะนำเข้าอย่างไร คุยไปคุยมาตอนนี้กลายเป็นหุ้นส่วนธุรกิจไปแล้ว (หัวเราะ) เราไม่มีหน้าร้าน แต่ขายทางออนไลน์ โดยต้นไม้ที่ขายมีตั้งแต่ต้นไม้ที่นำเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งในไทย ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเป็นต้นไม้จากต่างประเทศผมจะบินไปเลือกและซื้อเองถึงที่ เพราะอยากไปเห็นของจริง อย่างบางต้นเราก็ไปดูถึงป่า พอได้มาแล้วก็มีทั้งแบบซื้อมาขายไป กับแบบที่เราเอามาเพาะพันธุ์ แตกหน่อเอง
ซึ่งการเอามาเพาะก็ไม่ง่าย ต้องทำเป็นเรือนเพาะชำ เรือนกระจก เพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม” จอมยังบอกด้วยว่า นอกจากจะขายต้นไม้ในไทย เขายังตระเวนไปออกงานแฟร์เกี่ยวกับต้นไม้ในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อย่างที่อเมริกาไปทีก็ 10 วัน แต่ขายจริงประมาณ 3-4 วัน
“ก่อนจะเกิดโควิด-19 ผมเพิ่งกลับจากไปออกงานแฟร์ที่ JGP International Orchid Show at Tokyo Dome ประเทศญี่ปุ่นมา หลังจากนั้นก็พักยาวเพราะเดินทางไม่ได้ ผมเลยหันมาลุยธุรกิจขายต้นไม้เต็มตัว โดยเน้นช่องทางออนไลน์ควบคู่กับการทำเพจ Live with plants ซึ่งผมทำมาปีกว่าแล้ว เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับคนรักและหลงใหลในต้นไม้สวยงาม ไม้หายาก รวมถึงไม้นำเข้าจากต่างประเทศ ตั้งใจให้คนรักต้นไม้ เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์ พูดคุยเกี่ยวกับต้นไม้ และแลกเปลี่ยนความรู้กับผม โดยผมจะลงรูปและให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับต้นไม้ที่ไปเจอ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งกำเนิด วิธีดูแล สภาพอากาศที่เหมาะสม วิธีขยายพันธุ์และเครื่องปลูกที่เหมาะกับต้นไม้นั้นๆ
“อย่างตอนไปไมอามี ซึ่งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีสวนพฤกษศาสตร์ระดับโลก นอกจากผมจะได้ไปศึกษาพืชพันธุ์แปลกๆ สวยๆ ที่มีอยู่มากมาย ยังได้ไปศึกษาวิธีการจัดสวนแบบ Floridian garden style เพื่อเอามาปรับใช้และแบ่งปันในเพจด้วย เชื่อมั้ยว่าจากวันแรกที่ทำจนถึงวันนี้ เพจก็มีคนไลก์หลักหมื่น เริ่มมีชาวต่างชาติอินบอกซ์มาคุยมาถามและติดต่อขอซื้อต้นไม้ก็มี” ถามว่ารักต้นไม้ขนาดนี้ มีซื้อมาแล้วไม่อยากขายหรือไม่ จอมตอบอย่างอารมณ์ดีว่า มีหลายต้นมากที่ซื้อมาแล้วไม่อยากขายเพราะตั้งใจสะสมไว้
“อย่างต้นที่เห็นที่บ้านผม ผมสะสม เสน่ห์ของต้นไม้คือ ปลูกไปเรื่อยๆ ก็ผูกพัน เพราะเราดูแลให้อาหารให้น้ำทุกวันไม่พอ ยังต้องคอยศึกษาธรรมชาติของต้นไม้แต่ละต้นว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร ซึ่งแต่ละต้นก็ไม่เหมือนกัน บางต้นก็ชอบน้ำ บางต้นก็ต้องคอยหลบแดด ยิ่งเป็นพันธุ์ที่อาจไม่ได้เหมาะกับอากาศแบบบ้านเราก็ต้องมีเรือนเพาะ เรือนกระจกไว้เลี้ยง ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ลองผิดลองถูก มีต้นที่เอามาปลูกแล้วตายหลายต้นเหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม จอมมองว่าเขาโชคดีที่ค้นพบโอกาสในวิกฤต อย่างน้อยธุรกิจที่เขาสนใจและมีแพสชันก็มาถูกจังหวะ จากที่มีความนิยมอยู่แล้ว พอมาเจอวิกฤตโควิด-19 กลายเป็นว่ากระแสปลูกต้นไม้ยิ่งบูม
“โควิด-19 ส่งผลกระทบไปทั่วก็จริง แต่กลับทำให้เทรนด์ปลูกต้นไม้ยิ่งบูม เพราะฉะนั้น ผมเลยพยายามคิดบวก อย่างน้อยวิกฤตครั้งนี้ก็ทำให้ผมมีเวลามานั่งเพาะต้นไม้ เพราะไม่อย่างนั้นเวลาที่มีคงหมดไปกับการเดินทางไปดูต้นไม้ แต่พอทุกคนต้องกักตัวอยู่บ้าน กลายเป็นว่ามีเวลาจัดสวน ลงต้นไม้ใหญ่ ปรับเปลี่ยนมุมต่างๆ ในสวน ย้ายไม้กระถาง สำหรับไม้ที่ชอบแดดก็ปรับให้รับแดดหน่อย ส่วนไม้ชอบแดดรำไรก็ปรับไว้ใต้ต้นไม้ หรือที่ที่มีแดดไม่จัด ที่สำคัญ ผมว่าถ้าไม่มีโควิด-19 กระแสต้นไม้ก็ไม่ได้มาแรงแบบนี้ เพราะว่าคนไม่ได้อยู่บ้าน และมีเวลาชื่นชมกับความสุขเล็กๆ ที่สร้างได้แบบนี้”
ถามว่าในช่วงที่ต้องรับงานแสดงและดูแลต้นไม้ด้วย จอมมีวิธีแบ่งเวลาอย่างไร จอมเฉลยให้หายข้องใจว่า “ตอนนี้ผมยังรับงานละครเป็นหลัก ดังนั้น ผมให้เวลากับกองถ่ายมาก่อนเป็นอันดับแรก เพราะว่าเป็นงานที่รับมาแล้วต้องทำงานเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย” และเมื่อมีเวลาว่างถึงมาดูแลต้นไม้ ซึ่งหนุ่มจอมเปรียบเปรยไว้อย่างน่ารักว่า “เหมือนลูกก็จริง แต่ก็มีพี่เลี้ยง (คนงาน) ช่วยดูแล” ส่วนอีกหนึ่งกิจกรรมที่ขาดไม่ได้คือ การดูแลตัวเองอย่างมีวินัย เข้ายิมเพื่อฟิตร่างกายให้พร้อมสวมทุกบทบาท โดยเฉพาะบทบู๊ที่เจ้าตัวฝากผลงานให้ได้ชมมาแล้วนับไม่ถ้วน
“ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างงานในวงการบันเทิงกับการปลูกต้นไม้ ผมมองว่าในความต่างก็มีความเหมือนแบบที่คาดไม่ถึง สิ่งที่เหมือนกันคือเป็นงานที่ได้มอบความสุขให้แก่คนอื่น อย่างงานละคร ผมชอบความรู้สึกตอนไปกองถ่าย ได้ทำในสิ่งที่รัก พอได้เห็นผลงานดีๆ ออกมา หรือเห็นเรตติ้งละครดีๆ ผู้ชมชอบ เราก็มีความสุขไปด้วย เหมือนกับเวลาที่ปลูกต้นไม้ หรือไปเลือกต้นไม้มา ผมเอนจอยอยู่กับต้นไม้ได้ทั้งวัน จนแม่บ่นว่าบ้านจะเป็นป่าอยู่แล้ว แต่เวลาที่เห็นต้นไม้ในบ้าน นอกจากบ้านจะร่มรื่นแล้ว ยังได้ฝึกสมาธิ ยิ่งเวลาที่ได้ส่งต่อต้นไม้ให้คนที่รักต้นไม้แล้วเขามีความสุข ผมก็มีความสุขด้วย”
สำหรับอนาคต จอมย้ำว่า ความตั้งใจที่จะตามเก็บต้นไม้สวยๆ ทุกต้นบนโลกใบนี้ยังไม่เคยจางหาย แม้จะดูเป็นฝันที่ใหญ่จนเป็นจริงยาก แต่ก็ยังแอบหวังว่าจะพยายามปั้นฝันให้เป็นจริงให้ได้