ไมเคิล เฟลป์ส นับเป็นนักกีฬาโอลิมปิกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง แต่ในด้านการใช้ชีวิตนั้นเขาประสบปัญหาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า ติดเหล้า ติดยา ต้องไปเข้าโปรแกรมเลิกมาหลายหน
ล่าสุด เขาออกมายอมรับว่า กลับมาเผชิญภาวะจิตตกอีกครั้งในช่วงที่ต้องกักตัวหยุดเชื้ออยู่กับบ้าน จนอยากจะเรียกว่า หม่นหมองที่สุดเท่าที่เคยจิตตกมาเลยด้วยซ้ำ
ไมเคิล เฟลป์ส เข้าร่วมเป็นหนึ่งใน 12 คนที่ออกรายการ “รีเซ็ต ยัวร์ ไมนด์” รายการออนไลน์ของยาฮู ไลฟ์ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยรายการให้ผู้เข้าร่วมอัดวิดีโอชีวิตประจำวันระหว่างกักตัว ก่อนจะนำมาออกอากาศพร้อมกัน
แคนดิตวิดีโอของไมเคิล แสดงให้เห็นว่า เขากักตัวอยู่กับบ้านแบบเศร้าๆ ไร้ชีวิตชีวา ซึ่งตัวเขาเองก็ออกมายอมรับเลยว่า เป็นช่วงเวลาที่หม่นหมองสุด เกือบถึงจุดที่อยากจะฆ่าตัวตายเลยทีเดียว
รีเซ็ต ยัวร์ ไมนด์ เซสชั่นนี้ รวมเอาคนดังๆ อย่างเซเรน่า วิลเลียมส์ ฮิลาเรีย บอลด์วิน เมยิม บิยาลิค จูว์ล ดีพัค โชปรา เควิน เลิฟ จิลเลียน มิเชลส์ และไชลีน วู้ดลีย์ เพื่อที่จะได้เรียนรู้การผ่านพ้นและสภาพจิตของแต่ละคนระหว่างการกักตัวอยู่บ้าน
“ผมรู้สึกถึงช่วงเวลาที่หม่นหมองที่สุดในชีวิต แล้วมันก็ยังโจมตีผมต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อน จากวันเป็นสัปดาห์ มันน่ากลัวมากเลย” ไมเคิล เฟลป์ส สารภาพกลางรายการ
แน่นอนว่า สาธารณชนรู้กันดีว่า เขาเคยผ่านช่วงเวลาแย่ๆ ในชีวิตมาก่อนหน้านี้ “แต่ก่อนผมมีช่วงจิตตกสองสามวันก็หายไป แต่ช่วง COVID-19 นี่มันมาพร้อมความเครียดสุดๆ ผมคิดว่าเป็นช่วงที่ความเครียดเข้ามาโจมตีผมอย่างรุนแรงที่สุด ด้วยความที่เรายังมองไม่เห็นอนาคต ว่ามันจะคลี่คลายไปได้ยังไง มันจะจบลงเมื่อไหร่ และเราจะกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติได้ตอนไหน”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไมเคิลเองมีความกังวลว่า ความเครียดครั้งนี้จะเพิ่มความคิดจะฆ่าตัวตายของเขาให้มากขึ้น “มันเป็นหนักเลยตอนที่ผมอ่านข่าวเรื่องมีแพทย์หรือพยาบาลที่ฆ่าตัวตายเพราะคนไข้ที่ป่วยเป็น COVID-19 ของพวกเขาเสียชีวิต
“ผมต้องพยายามลดข้อบ่งชี้การฆ่าตัวตายลงให้ต่ำ หรือไม่ก็ต้องทำให้มันไม่เพิ่มขึ้น ยิ่งพยายามยิ่งทำให้รู้สุกเครียดและคลั่งขึ้นมาอีก ผมอยากจะร้องไห้มากเลย มันผ่านไปได้ยากลำบากจริงๆ
“โดยส่วนตัวของผมเป็นโรคซึมเศร้า และรู้สึกอยู่แล้วว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ ผมเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันน่ากลัวมาก” ไมเคิลยอมรับ
สิ่งที่ยังฉุดรั้งนักกีฬาว่ายน้ำ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกหลายสมัยเอาไว้ได้ ก็คือ ลูกชาย 3 คนของเขา “ผมอยากมีเวลาอยู่กับพวกเขาทุกวัน และวันที่ผมจิตตกสุดๆ ผมได้มองดูพวกเขา นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมผ่านวันเวลาที่เลวร้ายมาได้จนถึงตอนนี้”
นอกจากนั้น ไมเคิล เฟลป์ส ยังบอกว่า โชคดีที่เขามีพื้นฐานเป็นนักกีฬา จึงทำให้เขารอดพ้นมาได้
“ผมลองมองตัวเอง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ด้วยความที่ผมเป็นนักกีฬาและต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน นั่นก็ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจิตได้ประมาณหนึ่ง แล้วก็ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากนี้ ต้องตั้งเป้าหมายอะไรบางอย่าง เช่นวันนี้อยากจะออกไปเดิน ก็ต้องเดิน พยายามทำอะไรที่เราอยากทำ แล้วทำให้ดีที่สุดก็จะรู้สึกตัวเองว่ายังมีคุณค่า และอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป” ไมเคิลแบ่งปันกับผู้ชมรายการ
“ตอนนี้ผมก็พยายามเปลี่ยนความคิดลบๆ ให้กลายเป็นเรื่องคิดบวก พยายามตั้งเป้าหมายในชีวิตและทำให้สำเร็จให้ได้ เมื่อคุณพยายามตั้งสติ หรือลองถอยหลังออกมาจากจุดเดิมที่เคยอยู่ หายใจเข้าลึกๆ แล้วก็พยายามเริ่มต้นใหม่ ทุกอย่างก็เป็นไปได้ครับ”
เมื่อมองย้อนไปดูความสำเร็จในอดีต ไมเคิลบอกว่าเขาโชคดีที่ทำได้ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ทุกอย่าง “ตอนนั้นมันรู้สึกดีมากๆ จริงๆ แต่การที่เราสำเร็จก็ไม่ใช่ว่า จะไม่ได้ผ่านความยากลำบากอะไรเลยนะครับ
“การที่เราเป็นักกีฬาแล้วมาพูดถึงความทุกข์ทรมาน นั่นก็จะกลายเป็นจุดอ่อนของเราไปในทันที โดยเฉพาะการเป็นนักกีฬาชาย เราต้องแสดงให้เห็นว่า ฟิตพร้อม ห้ามทำทีท่าอ่อนแอเป็นอันขาด”
ปัจจุบัน การพูดถึงสภาพจิตใจของไมเคิลไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป เขาออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ครั้งแรกในปี 2018 โดยยอมรับว่า เขาจิตตกอย่างมากในปี 2014 และเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย
“ผมเป็นคนตีค่าตัวเองต่ำ ไม่รักตัวเองเอาเสียเลย พูดตามตรงนะ ผมไม่คิดอยากจะมีชีวิตอยู่” ไมเคิลเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้
“ตอนนั้นมันเป็นเวลาที่แย่สุดๆ ผมไม่อยากจะเจอหน้าใครเลย เพราะรู้สึกว่า ผมทำให้พวกเขาผิดหวังในตัวผม และผมก็ทำให้ตัวเองผิดหวังในตัวเองด้วย มันเกินจะทนไหวต่อไปแล้ว
“ผมคิดเรื่องฆ่าตัวตายวนไป 3-4 วัน ผมไม่อยากจะออกไปจากบ้าน ไม่อยากพบเจอใครทั้งนั้น แล้วในที่สุดผมก็คิดได้ว่า มันแย่แล้ว ผมควรที่จะร้องขอความช่วยเหลือ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใครเลย แต่ตอนนั้นผมคิดได้ว่า ผมต้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคน ความคิดนั้นเปลี่ยนชีวิตของผมไปในทันที”
ไมเคิล เฟลป์ส เพิ่มเติมอีกว่า ตอนนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต โดยเขาเพิ่งจากประกาศเลิกเล่นทีมชาติในปี 2012 แล้วยังจะเรื่องแตกคอกับโค้ชว่ายน้ำทีมชาติ บ๊อบ โบว์แมน อีก หลายเรื่องประดังประเดมาจู่โจมจนไม่รู้จะผ่านไปได้อย่างไร
ในปี 2014 เขาประกาศจะกลับมาลงเป็นตัวแทนทีมชาติอีกครั้ง ทว่า กลับถูกจับข้อหาเมาแล้วขับ หลังจากเคยโดนจับมาแล้วในปี 2004 ซึ่งหลังจากเข้าโปรแกรมรีแฮบแล้วก็ดูจะผ่านไปได้ด้วยดี โดยในปี 2016 ไมเคิลกลับมากวาดเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกที่ริโอ เด จาเนโร ได้อีก 5 เหรียญรวด โดยเฉพาะเหรียญทองว่ายผีเสื้อ 200 เมตร ที่ถูกแชด เลอ คลอส ช่วงชิงไปในปี 2012