ภาคประชาชน ชี้ ร้านเหล้าท้าทายจัดปาร์ตี้ยา-ก๊งเหล้า ต้องลงโทษหนักสั่งปิดยาว หากเจ้าหน้าที่รัฐฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ต้องลงโทษหนักกว่าคนทั่วไป ไม่ปกปิดช่วยเหลือ หวั่นช่วงห้ามขาย กลุ่มคนติดเหล้าลงแดง คนชายขอบเข้าไม่ถึงการรักษา วอนคนใกล้ชิดช่วยเฝ้าระวัง รีบนำส่งโรงพยาบาล
วันนี้ (15 เม.ย.) นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ขณะนี้เกือบทุกจังหวัดออกประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เป็นการใช้อำนาจระดับจังหวัดจัดการ ไม่ใช่อำนาจจากส่วนกลาง แม้จะมีบางจังหวัดที่ห้ามเพียงบางส่วน แต่โดยภาพรวมถือว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าต้องห้ามไปแล้วในทุกจังหวัด ความจำเป็นที่ต้องตัดวงจรการแพร่เชื้อ คือ การตั้งวงกินดื่มกันเอง เพราะแม้ร้านเหล้าผับบาร์ถูกปิดไปหมดแล้ว แต่โดยความคุ้นชินและความประมาท ทำให้คนบางกลุ่มยังตั้งวงก๊งเหล้ากัน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ประกอบกับการจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนช่วงเวลาเคอร์ฟิว ที่กลับมาจากการตั้งวงดื่มสุรา
“สะท้อนว่า คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องยกระดับความเข้มข้นบังคับใช้กฎหมาย เพราะถือเป็นการใช้เสรีภาพกินดื่มที่สร้างความเสียหายให้กับสังคมโดยรวมอย่างร้ายแรง ทั้งความประมาทเมาแล้วขับ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอยู่แล้ว หนำซ้ำยังเป็นการทำลายหลักการรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถือเป็นหัวใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในตอนนี้ จึงจำเป็นต้องเข้มข้นบังคับใช้กฎหมายขั้นสูงสุด อีกทั้งยังพบว่าผู้กระทำผิดส่วนหนึ่งก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเสียเอง จึงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดไม่ให้เกิดการช่วยเหลือ ปกปิดความผิด โทษอาญาต้องหนักกว่าประชาชนทั่วไป รวมทั้งโทษทางวินัยที่ต้องเฉียบขาดด้วย” นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้จะฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมิได้ ประชาชนต้องช่วยกันเฝ้าระวัง แจ้งเหตุ มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งวงดื่มในระดับชุมชนกันด้วย ซึ่งหากยังจัดการไม่ได้ ก็ต้องแจ้งตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้เข้ามาดำเนินการ ซึ่งหัวใจสำคัญ คือ การปิดข้อมูลให้เป็นความลับของผู้แจ้งเบาะแส ไม่ให้เกิดความขัดแย้งตามมาในชุมชน สิ่งที่อยากฝากสำหรับนักดื่ม ช่วงเวลานี้ลด ละ เลิก ดีที่สุด เพราะแอลกอฮอล์มันเข้าไปทำลายนักรบในร่างกายให้อ่อนแอ พ่ายแพ้ต่อเชื้อไวรัส แต่หากยังทำได้ยาก ก็ขอให้เลือกทางในการกินดื่มคนเดียว เพียงเล็กน้อย ก็จะช่วยลดความเสี่ยงช่วงนี้ได้มาก
ด้าน นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา กล่าวว่า ในเวลาที่ทุกฝ่ายกำลังช่วยกันแก้ไขปัญหา แต่กลับพบว่ามีร้านเหล้าผับบาร์นอกรีตบางราย ยังดื้อจัดปาร์ตี้ ดื่มเหล้า รวมไปถึงเสพยาเสพติด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวกันแทบทุกวัน ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายกับคนกลุ่มนี้ต้องไม่ลูบหน้าปะจมูก ต้องเด็ดขาด และควรนำคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 มาจัดการด้วยซึ่งอาจถึงขั้นปิดร้าน 5 ปี หรือปิดถาวรได้ ส่วนกรณีที่มีข่าวเสียชีวิตจากการขาดสุรา ทั้งนี้ หลังจากที่ทุกจังหวัดออกประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตจากการขาดสุราที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งในสถานการณ์พิเศษนี้ คนใกล้ชิด ญาติ มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการช่วยเฝ้าสังเกตอาการ พยายามให้ค่อยลดปริมาณการดื่มลงไปเรื่อยๆ มีการพูดคุยให้กำลังใจ ไม่ตำหนิทับถม หรือญาติของผู้ป่วยอาจโทรขอคำปรึกษาไปที่สายด่วน 1413 เพื่อเตรียมการรับมือ ข้อสำคัญไม่ควรปล่อยให้ผู้ที่ติดสุราอยู่คนเดียว หากขาดเหล้าเกิน 6 ชั่วโมง และมีอาการมือสั่น เหงื่อออกมาก กระวนกระวาย มีไข้สูง เห็นภาพหลอน ให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับยาทดแทนเหล้าและทำการรักษาโดยด่วน เพราะอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
“ตอนนี้ทราบว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมรับมือกับปัญหาคนติดสุรากลุ่มนี้แล้ว ร่วมถึง กทม.ด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ประชาชนเองก็ต้องช่วยกันติดตามเฝ้าระวังด้วยอีกแรง หากร่วมกันรับมือ ทำงานเชิงรุกเพื่อลดผลกระทบที่ตามมาให้ได้มากเท่าไหร่ จะเป็นผลดีต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในภาพรวมด้วย” นายคำรณ กล่าว