ผู้นำหญิงที่ได้รับคำชมเชยมากที่สุดในโลกยุคโคโรนาไวรัส ก็คือนายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ จาซินดา อาร์เดิร์น ผู้บดขยี้กราฟจำนวนผู้ติดเชื้อให้ดิ่งหัวลงได้เร็วที่สุดในโลกก็ว่าได้
จาซินดา เป็นรายแรกเลยที่ตัดสินใจนำเอาการตั้งรับระดับ 4 ออกมาใช้ ด้วยการปิดพรมแดนทุกทาง ขจัดสาเหตุทุกประการที่จะเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อ จนเห็นผลทันทีในอีก 10 วันต่อมา โดยวอชิงตันโพสต์รายงานว่า เป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้โลกรู้ว่าการปิดประเทศ และการรักษาระยะห่างทางสังคมแบบไม่มีข้อแม้ สามารถช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้อย่างเห็นผล
นอกจากการตัดสินใจที่เฉียบขาดในการสั่งล็อกดาวน์ประเทศโดยไม่รีรอแล้ว นายกฯ หญิงนิวซีแลนด์ยังออกมาประกาศเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมาว่า เธอและคณะรัฐมนตรีจะหักเงินเดือนตัวเอง 20% เป็นเวลา 6 เดือนต่อจากนี้ เพื่อนำเงินไปอุดช่องว่างทางรายได้ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโคโรนาไวรัสอีกด้วย
ใครที่ไม่ใช่ประชากรนิวซีแลนด์ หรือไม่ได้มีที่พำนักในนิวซีแลนด์ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมาตรการดังกล่าวมีผล 1 เดือนเต็ม แต่ก็เริ่มเห็นการลดลงของผู้ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 4 เมษายนเป็นต้นมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์จากพรรคแรงงานคนนี้ ได้รับยกย่องในด้านการนำประเทศชาติฝ่าวิกฤต หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่เดือนตุลาคม 2017 จาซินดาก็ต้องพิสูจน์ตัวเองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการผ่านด่านการกีดกันทางเพศ การจัดระเบียบเรื่องค้าอาวุธ และการเป็นแม่ลูกอ่อนที่ทำงานการเมือง
จาซินดาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวเคร่งศาสนา มีคุณพ่อคุณแม่เป็นตำรวจที่มุรุปาราและมอร์รินสวิลล์ บนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่าสมัยเรียนเป็นเด็กเนิร์ด
เธอเป็นสมาชิกของโบสถ์นิกายมอร์มอน แต่ประกาศออกจากศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในปี 2005 หลังจากที่โบสถ์ออกมาโจมตีกลุ่มเพศทางเลือก โดยตอนนี้จาซินดาประกาศตัวว่าเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า
จาซินดาได้รับเลือกเป็นผู้แทนเข้าทำงานในสภาครั้งแรกตอนอายุ 28 ปี ในฐานะตัวแทนพรรคแรงงาน โดยขณะนั้นเธอคือ ส.ส.ที่อายุน้อยที่สุดของนิวซีแลนด์
9 ปีให้หลัง จาซินดาได้ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรคแรงงาน และเมื่อ แอนดรูว์ ลิตเติล หัวหน้าพรรคประกาศลาออกจากตำแหน่ง เธอก็ได้เลื่อนเป็นหัวหน้าพรรค และปรากฏการณ์ “จาซินดามาเนีย” ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เธอเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในเดือนตุลาคม 2017 กลายเป็นนายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ที่อายุน้อยที่สุดในรอบ 150 ปี จาซินดาบริหารประเทศโดยเน้นเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ลดช่องว่างทางเศรษฐกิจของประชาชน รวมทั้งเน้นการดูแลทางด้านสุขภาพจิตเป็นสำคัญ
จาซินดาให้กำเนิด เนฟ เท อโนฮา อาร์เดิร์น เกย์ฟอร์ด ลูกสาวของเธอ กับแฟนหนุ่มพิธีกรรายการทีวี คลาร์ก เกย์ฟอร์ด ในเดือนมิถุนายน 2018 ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีเพียง เบนาซีร์ บุตโต อดีตนายกฯ ของปากีสถานเท่านั้นที่ให้กำเนิดบุตรระหว่างอยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศ
หลังลาคลอด 6 สัปดาห์ จาซินดาก็กลับมาทำงานรับใช้ชาติต่อทันที โดยให้สามีเป็นฝ่ายอยู่บ้านเลี้ยงลูกแทน
บ่อยครั้งที่เธอออกมาพูดถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการกีดกันทางเพศและเชื้อชาติ ตอนที่ลูกสาวของเธออายุได้ 3 เดือน เธอก็พาไปประชุมสหประชาชาติด้วย โดยหวังกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับผู้หญิงที่ทำงานการเมือง
“ฉันอยากให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงที่ทำงานทางการเมือง หรือทำงานอะไรก็ตาม สถานที่ทำงานควรจะเปิดใจและเปิดโอกาสให้พวกเธอ” จาซินดากล่าวกับซีเอ็นเอ็น
เมื่อนิวซีแลนด์ประสบกับเหตุการณ์กระหน่ำยิงมัสยิดที่ไครสต์เชิร์ชเมื่อเดือนมีนาคม 2019 โดยชายผู้ก่อเหตุนั้นพบว่าเป็นชาวออสเตรเลียที่เป็นผู้นำต่อต้านมุสลิม ทำให้จาซินดารีบออกมาเรียกร้องให้ชาวโลกต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ
“ที่นิวซีแลนด์เผชิญอยู่ คือการนำเอาความรุนแรงเข้ามาต่อต้านความเชื่อของคนที่แตกต่างกัน ฉันคิดว่าโลกของเราไม่ควรที่จะมีพรมแดนของความปลอดภัยและความอดทนหรอกค่ะ” เธอกล่าวกับบีบีซี
แอ็กชันต่อมาของจาซินดาคือการจัดระเบียบการค้าอาวุธในประเทศทันที โดยออกกฎหมายห้ามมีการซื้อขายอาวุธหลายชนิด โดยเฉพาะปืนกล และปืนยาว ในเดือนเมษายน 2019 โดยให้โอกาสผู้ที่ครอบครองปืนต้องห้ามทั้งหลายนำมาส่งคืนให้รัฐบาลจนถึงสิ้นปี และให้เงินคืน 95% ของราคาสินค้า