เรียนไม่ตรงสาย แต่ได้ทำงานที่รักถือว่าโชคเข้าข้าง แต่สำหรับคนที่ค้นหาตัวเองเจอตั้งแต่เด็ก และยังได้เติบโตในสายงานที่รักคือที่สุดแห่งความโชคดี อย่างสาวน้อยผู้โชคดีคนนี้ “มิ้งค์-ทิพฤดี ยงสกุล” ลูกสาวคนสวยของ “คณิต กับ หม่อมหลวงสิริทิพย์ ยงสกุล” เจ้าของธุรกิจ ภูเก็ต โบ๊ท ลากูน มารีน่า ที่ปัจจุบันรับหน้าที่เป็น Special Event Manager ของโรงแรมอนันตรา สยาม ในเครือไมเนอร์
เธอไม่เพียงใช้แพสชันที่รักในงานบริการ ชอบงานโรงแรมและหลงใหลในเรื่องของอาหารอย่างล้นปรี่มาต่อยอดในการทำงาน แต่ยังพกพาความสามารถมาเต็มจนเป็นใบเบิกทางให้เธอได้รับโอกาสในการทำงานภายใต้อาณาจักรไมเนอร์มากมาย ชนิดที่หลายคนได้ฟังต้องอิจฉา
หลังจากเรียนที่โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนาจนถึงอายุ 13 ปี มิ้งค์ก็ย้ายไปเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษ ก่อนจะเรียนต่อที่ London College Fashion เพราะสนใจด้านแฟชั่น แต่หลังจากได้มีโอกาสไปฝึกงาน ทำให้ค้นพบว่าแฟชั่นไม่ใช่สายงานที่รัก พอปริญญาโทเลยตัดสินใจเบนเข็มไปเรียนต่อด้าน Luxury Hospitality & Event Management ที่ International University of Monaco
“นอกจากจะเป็นสายกิน มิ้งค์ยังมองว่าเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ไม่พอ (หัวเราะ) ยังให้ความสำคัญต่อการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปรับประทานอาหารที่ร้าน หรือไปพักโรงแรม ดังนั้น เลยมองว่าการทำงานโรงแรมน่าจะเป็นงานที่ทำให้เราได้สัมผัส และส่งต่อประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้คนอื่นด้วย เลยตัดสินใจมาเรียนสายนี้ แต่เหตุผลที่เลือกเรียนที่โมนาโกแทนที่จะเป็นสวิสเพราะมิ้งค์อยากหาที่เรียนที่แปลกกว่าคนอื่น บังเอิญมีเพื่อนที่โมนาโกแนะนำให้มาเรียนที่นี่ หลังจากไปศึกษาแล้วก็สนใจ เพราะได้เรียนเรื่องเรือยอชต์ด้วย ซึ่งครอบครัวเราก็ทำธุรกิจนี้อยู่แล้ว เลยมองว่าน่าจะเป็นประโยชน์”
มิ้งค์ใช้เวลาร่วม 2 ปีเติมความรู้ด้านโรงแรม “เชื่อมั้ยว่ามหาวิทยาลัยที่มิ้งค์เลือกมีคนไทยเรียนแค่ 2 คน และถ้าไปดูทำเนียบศิษย์เก่า มีคนไทยเรียนแค่ 3 คนเท่านั้น ทั้งที่เป็นมหาวิทยาลัยที่เด่นเรื่องการโรงแรมมาก หลังจากเรียนจบ มิ้งค์คิดว่าตัวเองยังอยู่ในโหมดที่ยังอยากเรียนรู้อะไรอีกหลายอย่าง เลยตัดสินใจยังไม่กลับมาทำธุรกิจที่บ้าน แต่เลือกมาสมัครงานที่ไมเนอร์เพราะเป็นเครือใหญ่ มีทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหารที่มิ้งค์สนใจ คิดว่าน่าจะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง”
4 ปีแล้วกับการทำงานที่ไมเนอร์ มิ้งค์ยอมรับว่าไม่ผิดหวัง ไมเนอร์เป็นโรงเรียนสำคัญที่ทำให้เธอได้เปิดโลกแห่งการทำงาน
“ตั้งแต่เด็กครอบครัวสนับสนุนเต็มที่ในสิ่งที่เรามอง เชื่อว่าเป็นเส้นทางที่ใช่ มิ้งค์โชคดีที่รู้ตัวเร็วว่าชอบอะไร รักในสิ่งไหน และทำในสิ่งนั้นมาตลอด จนมาทำงาน มิ้งค์ก็เลยได้นำความรู้ที่เรียน และประสบการณ์ที่มีมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานด้านการตลาด ประชาสัมพันธ์ หรือแม้แต่อีเวนต์ ซึ่งมิ้งค์เคยไปฝึกงานที่วิเวียน เวสต์วูด ช่วยทำแฟชั่นโชว์ จนรู้ซึ้งเลยว่ากว่าจะออกมาเป็น 1 อีเวนต์ไม่ง่ายเลย”
ช่วงที่เริ่มต้นทำงานที่ไมเนอร์ มิ้งค์เล่าอย่างออกรสว่า เริ่มจากตำแหน่ง Marketing Executive ทำได้ 8 เดือนก็ได้เลื่อนตำแหน่งให้มาดูแลทั้งการตลาด ประชาสัมพันธ์ รวมทั้งอีเวนต์ด้วย ระหว่างที่ทำงานยังได้มีโอกาสร่วมใน New Generation Talent Program อีกด้วย
“โปรแกรมนี้เปิดโอกาสให้พนักงานที่อายุ 25 ปีขึ้นไปจนถึง 30 ต้นๆ ที่มีอายุงานไม่ต่ำกว่า 1 ปีได้มาเข้าคอร์สร่วมกัน แต่ละปีจะคัดพนักงานแค่ 15 คนเท่านั้น มิ้งค์เองเป็น 1 ในนั้น โปรแกรมนี้สร้างประสบการณ์ดีๆ มากมาย เพราะคนที่มาเข้าร่วมมาจากหลากหลายสาขาธุรกิจของไมเนอร์ ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร แฟชั่น สินค้าไลฟ์สไตล์ต่างๆ เราได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ตอนนี้ก็เหนื่อยนะคะ เพราะช่วงที่อยู่ในโปรแกรมก็ยังต้องทำงานควบคู่ไปด้วย แต่ก็สนุกมาก ได้ความรู้ ได้มีโอกาสไปดูงานต่างประเทศ แถมยังได้เพื่อน มีมิตรภาพดีๆ ได้คอนเกคชันที่สานต่อมาถึงทุกวันนี้
และก่อนจะปิดคอร์สทุกคนต้องเสนอโปรเจกต์พัฒนาธุรกิจ โดยมิ้งค์เลือกทำโปรเจกต์ปรับลุค “สไปร์มาร์เกต” ร้านอาหารไทยในโรงแรมอนันตรา สยาม ซึ่งมีอายุร่วม 30 ปีให้มีชีวิตชีวาขึ้น มีการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ การตกแต่ง รวมถึงเมนูอาหารใหม่ทั้งหมดให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งโปรเจกต์นี้ก็ได้ผ่านการอนุมัติจนลงมือทำออกมาจริงๆ ซึ่งทางร้านก็ได้เปิดโฉมใหม่ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา”
นอกจากโปรแกรมดังกล่าว เมื่อไม่นานมานี้มิ้งค์ยังได้มีโอกาสสำคัญในการเป็นตัวแทนคนไทยไปเทรนนิ่งที่ บริษัท คอร์บิน แอนด์ คิง เชนร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในกรุงลอนดอนของอังกฤษ เป็นเวลา 6 เดือน
ความบังเอิญคือเธอรู้จักร้านอาหารในเครือนี้ตั้งแต่เรียนอยู่ลอนดอน เคยเป็นลูกค้า และเคยไปสมัครงาน แต่ตอนนั้นด้วยข้อจำกัดบางอย่างทำให้ไม่ได้ทำงาน ใครจะคิดว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงาน ซึ่งไม่ได้ดูแค่ร้านใดร้านหนึ่ง แต่เข้าไปศึกษาทั้งเชน มิ้งค์เล่าอย่างออกรสว่า เดือนแรกที่ไปก็ได้ลงไปลุยหน้างานจริง คือไปทำในครัว ไปช่วยเสิร์ฟ เป็นพนักงานบริการ พาลูกค้าไปนั่งที่โต๊ะ จนเดือนต่อมาถึงได้ไปเรียนรู้ด้านบริหาร และช่วงหลังก็หันมาดูด้านโซเชียลมีเดียและพาร์ตเนอร์ชิป เพราะช่วงที่ไปพนักงานที่ทำตำแหน่งนี้ลาออกพอดี
“ทำไปเรียนรู้ไป จนตอนแรกเขาอยากให้อยู่ทำต่อ แต่ทางไทยเรียกตัวให้กลับ เลยกลับมา เป้าหมายในการไปดูงานของมิ้งค์คือ ศึกษาระบบว่ามีอะไรน่าจะนำมาปรับใช้กับที่ไทยได้ ขณะเดียวกัน ก็นำโนว์ฮาวจากไทยไปส่งต่อด้วย ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิต ได้มีโอกาสเจอกับช่างภาพอาหารระดับโลก เป็นคนที่เราติดตามผลงานของเขามาตลอดด้วย” มิ้งค์บอกเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
นอกจาก 2 งานหลักที่เป็นบทพิสูจน์ถึงความเป็นดาวเด่นของไมเนอร์ไทยแล้ว มิ้งค์ยังเป็นผู้สร้างมิติใหม่ให้กับเทศกาลอาหารและไวน์ เวิลด์ กูร์เมต์ เฟสติวัล ซึ่งเธอเข้ามาร่วมได้ 2 ปีในฐานะ Fun Manager
“ตำแหน่งนี้เพิ่งมีตอนที่มิ้งค์เข้ามา หน้าที่หลักของเราอยู่นอกเหนือตารางงานของเชฟ เพราะเรามีหน้าที่สรรหากิจกรรม เพื่อให้เชฟมิชลินจากทั่วโลกที่มาร่วมงานได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ พาเขาไปเที่ยว ไปสัมผัสเมืองไทย จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งพาเชฟไปเดินตลาดคลองเตย ดันเป็นวันที่ฝนตกหนักมาก แต่ก็ยังเป็นประสบการณ์ที่เชฟประทับใจ ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจ อยากจะนำวัตถุดิบจากตลาดคลองเตยมาใช้ นอกจากทริปเดินตลาด ก็พาไปเที่ยว ถือเป็นการส่งต่อประสบการณ์ดีๆ ให้เชฟมิชลินที่มา นอกจากมาทำงานยังได้ความสนุกและความประทับใจกลับไป เชฟทุกคนชอบมาก ที่สำคัญ ยังเป็นการสร้างคอนเนกชัน ทำให้มิ้งค์รู้จักกับเชฟมิชลินทั่วโลก ถ้าเดินทางเมื่อไหร่เขาก็ชวนเราไปที่ร้านของเขา”
ถือเป็นหนึ่งโบนัสชีวิต เพราะปกติมิ้งค์ชอบเดินทางอยู่แล้ว แต่หมุดหมายการเดินทางของเธอไม่ได้ปักว่าอยากไปสถานที่ไหนเป็นพิเศษ แต่เลือกว่าอยากไปกินอาหารที่ไหน ครั้งหนึ่งที่เธอขับรถ 5 ชั่วโมงจากโมนาโกไปรับเพื่อนที่อิตาลีเพื่อไปกินอาหารร้านโปรด ปรากฏว่าออกจากร้านอาหารเจอดักปล้น พาสปอร์ตหาย แต่โชคดียังมีเงินติดตัว เลยทำให้เป็นมื้อที่จำไม่ลืม
“ไม่ใช่แต่ในต่างประเทศ ร้านมิชลินในไทยมิ้งค์ก็ไป พยายามไปลองให้ครบ คือจะมีลิสต์ร้านอาหารเลยว่า อยากไปร้านไหนบ้าง ค่อยๆ เก็บรายชื่อในลิสต์ให้ครบ แต่ละสัปดาห์ต้องมีไปสำรวจร้านใหม่ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่มิชลินนะคะ ร้านข้างทางร้านไหนขึ้นชื่อว่าอร่อยมิ้งค์ก็ตระเวนไปหมด (หัวเราะ) ตอนนี้มีหลายร้านเลยที่ยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที อย่าง ร้านศรณ์ อันนี้จองไปแล้ว คิวยาวมาก เลยยังไม่ได้ไปชิมเลยค่ะ”
ส่วนไลฟ์สไตล์วันว่าง เห็นเป็นสายกินก็จริงแต่มิ้งค์ก็ชอบเข้าครัว “ไม่ค่อยถนัดอาหารไทย เน้นไปทางอาหารฝรั่งมากกว่า เมนูเด็ดคือ ลาซานญา เพราะเป็นคนชอบกินเมนูแป้ง ซึ่งต้องพยายามลด ก็ต้องออกกำลังกาย มิ้งค์ชอบว่ายน้ำ อีกอย่างคือชอบอาบแดดให้ผิวแทนๆ ซึ่งมิ้งค์ว่าเวลาแทนจะดูผอมกว่าด้วยค่ะ (หัวเราะ) ผิวเข้มๆ ช่วยพรางหุ่นได้จริงๆ นะ” สาวมิ้งค์ทิ้งท้ายเคล็ดลับที่ช่วยให้ดูผอมแบบทันตา สาวๆ ไม่เชื่อลองไปใช้ดู