วันนี้ Celeb Online ขอมาเจาะสไตล์ของสาวฟรุ้งฟริ้งที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย! “ก้อย-ชญาณ์ทิพย์ รวงผึ้งทอง” เจ้าของไอเดียแบรนด์กระเป๋าแฮนด์เมดสุดเก๋ อย่าง "Happy Berry" ที่เธอร่วมกับเพื่อนๆ สร้างความสนุกในการแต่งตัวให้แก่วัยรุ่นไทยมาเกือบ 20 ปีแล้ว
เป็นวัยรุ่นยุค 90’s กลุ่มแรกๆ ที่ลุกขึ้นมาสร้างปรากฏการณ์เรื่องแฟชั่นในยุคสยามและเซ็นเตอร์พอยต์เฟื่องฟู จนกระทั่งทุกวันนี้ Happy Berry ก็ยังเป็นแบรนด์แฟชั่นฝีมือคนไทยที่ยังคงความสนุกสนาน และเป็นผู้นำเทรนด์อยู่เสมอ โดย “ก้อย-ชญาณ์ทิพย์ รวงผึ้งทอง” ได้พาเรานั่งไทม์แมชชีนย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เริ่มสร้างแบรนด์ของตัวเองว่า
“ตอนนี้ทำแบรนด์แฟชั่น “Happy Berry” กับเดอะแก๊งมาจะ 20 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่สมัยเรียนปี 2 ที่คณะครุศาสตร์ เอกศิลปะ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวิชาอินดัสเตรียลดีไซน์ อาจารย์ให้จับกลุ่มกันทำงานส่ง โดยกลุ่มเราต้องทำการผลิตกระเป๋าส่ง เราก็ช่วยกันดีไซน์ฟังก์ชันและรูปแบบ ส่งอาจารย์เสร็จก็ออกขายที่งานกิฟต์อาร์ตที่คณะจะจัดเป็นประจำทุกปี โดยเอาผลงานของนิสิตมาขาย ปรากฏว่ากระเป๋าเราขายดีมาก เพราะคณะเราติดกับสาธิตจุฬาฯ สไตล์ถูกใจวัยรุ่นก็เลยเป็นที่โด่งดัง พอจบงานก็มีคณะอื่นๆ ตามมาออเดอร์อีก เราก็เลยเริ่มทำขายในมหาวิทยาลัยก่อน แล้วก็เปิดร้านขายที่สยามสแควร์”
แม้จะเป็นทายาทเจ้าของธุรกิจปั๊มน้ำมัน แต่เมื่อเรียนจบเธอก็ยังคงมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ตนเองชอบ ด้วยการทำแบรนด์ Happy Berry อย่างจริงจังมากขึ้น และยังต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะ ในยุคออนไลน์และยุคของโซเชียลมีเดีย
“ช่วงแรกๆ ที่ทำกับเพื่อนๆ ก็ทำเอาสนุก ไม่ได้แบ่งหน้าที่กันตายตัว พอเห็นว่าค่อนข้างไปได้ดีก็เลยเริ่มจริงจัง แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพิ่งจะมาช่วงหลังๆ ที่เน้นเรื่องออนไลน์ เดี๋ยวนี้ก็มีวางขายอยู่ที่สยามพารากอน ถือว่างานนี้เป็นงานที่สนุกและเราชอบที่สุด ทุกวันนี้ยังคงลงมือทำกันเองอยู่ กระเป๋าทุกใบต้องผ่านมือเรา และต้องหาไอเดียใหม่ๆ ตลอด ส่วนหนึ่งมาจากสิ่งที่เราอยากใช้ เดี๋ยวนี้มีโซเชียลมีเดียที่ทำให้เราเห็นอะไรมากมาย และท่ามกลางกระแสรักษ์โลก ช่วงนี้ก็เลยหันมาทำถุงรักษ์โลกที่ทำมาจากถุงแบรนด์เนม แล้วเอามาเคลือบพลาสติกทำให้ถือซ้ำได้บ่อยๆ”
อย่างที่กล่าวไปตอนแรกแล้วว่า เธอเป็นสาวหัวใจฟรุ้งฟริ้งคนหนึ่งของเมืองไทย แม้ว่าจะเป็นสไตล์ที่เป็นซิกเนเจอร์ที่ทำให้หลายคนร้องอ๋อเมื่อพูดถึง ก้อย Happy Berry แต่เมื่อเวลาผ่านไปความฟรุ้งฟริ้งอาจจะไม่มาก แต่เปลี่ยนเป็นความสนุกสนาน และกล้าที่จะแต่งตัวในแบบที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
“เรื่องสไตล์ก้อยเป็นคนที่แต่งตัวได้หมดทุกแนว สปอร์ตก็ได้ ฟรุ้งฟริ้งก็ได้ พอโตขึ้นอาจจะไม่ฟรุ้งฟริ้งแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือสีสันคัลเลอร์ฟูลสุดๆ เราเป็นคนสนุกกับการแต่งตัว สไตล์ที่คนอื่นๆ เห็นแล้วใช่ก้อยเลย ก็คือสีสัน ลวดลายเยอะๆ แต่เป็นคนที่ชอบแต่งแบบชุดเดียวจบ ไม่ชอบใส่หลายชิ้น ไม่หลายเลเยอร์ มีความเป็นเลดี้เซ็กซี่ แต่ไม่โป๊ เน้นใส่อะไรที่เข้ารูปมากกว่า เพราะเราตัวเล็ก แบรนด์ที่ชอบที่สุดคงจะเป็น โดลเช่ แอนด์ กาบบานา (Dolce & Gabbana)”
การนั่งเมาท์กันในครั้งนี้เรายังล้วงความลับได้อีกหนึ่งอย่าง นั่นคือ เธอเป็นเจ้าแม่อีเบย์ และเจ้าแม่ชอปปิ้งออนไลน์ ที่แม้จะได้รับของไม่ตรงปกแต่ก็ยังไม่เข็ด!
“เดี๋ยวนี้ชอปปิ้งง่าย แล้วก้อยเองก็จะเป็นประเภทมีความสามารถในการเสาะหาแบรนด์แปลกๆ (หัวเราะ) เช่น เวลาเห็นอินฟลูเอนเซอร์ต่างประเทศเขาแต่งตัวแล้วชอบ เราก็จะเจาะเข้าไป สืบหาว่าไอเท็มนั้นเป็นของแบรนด์อะไร บางตัวเป็นแบรนด์ของรัสเซียหรือประเทศแปลกๆ เราก็เสาะหาจนเจอว่าขายที่ไหน บางทีไม่มีส่งเมืองไทย ก็จะส่งข้อความไปหาให้ส่งมาให้หน่อย
ชอปออนไลน์ก็เคยเจอประสบการณ์ได้ของไม่ตรงปกด้วย คือได้ของปลอม แต่เราก็พยายามแจ้งไปทางผู้ดูแลของเว็บที่เขาเป็นช่องทางในการขาย แต่บางทีก็ไม่ได้ผล โดนหลอกมาก็เยอะแต่ก็ยังชอปอยู่ เดี๋ยวนี้เว็บในเมืองไทยก็เยอะ ชอปสนุกและปลอดภัยด้วย”
นอกจากการชอปปิ้งออนไลน์แล้ว ก็มีบางวันที่ได้เวลาออกไปชอปปิ้งกับเดอะแก๊ง ที่ออกไปด้วยกันทีไรมีแต่คำว่า “พัง” กลับมาทุกครั้ง และนอกจากจะเสียเงินกับการซื้อเสื้อผ้า กระเป๋าให้ตัวเองแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เธอห้ามใจไม่เสียเงินไม่ได้ก็คือ สารพัดไอเท็มของสัตว์เลี้ยงที่หลายๆ แบรนด์พากันดีไซน์ออกมาสวยไม่แพ้ของคน และก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปของเจ้าแม่นักเสาะแสวงหา ที่จะหาไอเท็มเด็ดๆ ให้ตัวเอง และบรรดาน้องๆ ของเธอให้เก๋กู้ด ปังกว่าใครๆ