ช่วงปีที่ผ่านมา เราได้เห็นข่าวความถดถอยของธุรกิจฟาสต์แฟชั่นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผลการดำเนินงานที่ขาดทุนอย่างหนักของ H&M หรือการยอมแพ้ของ Forever 21 ก็ตามที คงมีเพียงแต่แบรนด์จากญี่ปุ่น อย่าง Uniqlo และ ZARA จากสเปนเท่านั้น ที่ยังสามารถสะกดคำว่ากำไรได้อยู่แต่ในรายของ ZARA แม้ตัวเลขยังอยู่ในแดนบวก แต่ก็ถือว่าถดถอยจากปีก่อนๆ อย่างน่าใจหาย จึงไม่แปลกใจเลยที่ อามันซิโอ ออร์เตก้า มหาเศรษฐีชาวสเปนเจ้าของแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นเบอร์ 1 ของโลก จะเริ่มเปลี่ยนทิศทางการทำธุรกิจของตัวเองไปให้ความสำคัญกับธุรกิจใหม่ๆ ที่ให้ผลกำไรทางตัวเลขที่งดงามกว่า อย่างเช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เซาต์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า ออร์เตก้าได้ทำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองในพื้นที่ไพรม์โลเกชั่นที่อยู่ใน 9 ประเทศชั้นนำทั่วโลก ได้แก่ อังกฤษ, แคนาดา, ฝรั่งเศศ, อิตาลี, เม็กซิโก, โปรตุเกต, เกาหลีใต้, สเปน และสหรัฐอเมริกา โดยประเมินว่ามูลค่าอาณาจักรธุรกิจอสังหาฯ ของ มิสเตอร์ ออร์เตก้า น่าจะอยู่ราวไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาทเลยทีเดียว และนั่นคือตัวเลขประเมินจากปีที่แล้วเท่านั้น แม้ปัจจุบันนี้ ออร์เตก้า วัย 83 ปี และจะได้ออกจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบริษัท แต่ก็ยังคงถือหุ้นอยู่ถึง 59 เปอร์เซ็นต์ในแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นอันดับ 1 ของโลก และนั่นทำให้ชื่อ อามานซิโอ ออร์เตก้า อยู่ในอันดับ 6 ของมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ตามการจัดอันดับจาก นิตยสารฟอร์บส์
บรรดานักวิเคราะห์ทางการเงินมองไปในทิศทางเดียวกันว่า การขยับมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของออร์เตก้า เป็นเรื่องของการทำธุรกิจระยะยาว มากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น จากราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะอาคารต่างๆ ที่ ออร์เตก้าเป็นเจ้าของ ล้วนแต่เป็นอาคารที่บริษัทชื่อดังเช่าอยู่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศของเฟซบุ๊ก, อะเมซอน หรือแม้แต่ ร้านแอปเปิ้ลสโตร์หลายสาขา ก็เช่าพื้นที่ของออร์เตก้าอยู่แทบทั้งสิ้น และคาดกันว่าสิ้นปีนี้ตัวเลขกำไรที่ธุรกิจอสังหาฯ จะมอบให้ออร์เตก้า น่าจะอยู่ที่ราวๆ 7 หมื่นล้านบาทเลยเชียว!
