xs
xsm
sm
md
lg

“ฌาน ชานนท์” หนุ่มนักธุรกิจฝีมือเฉียบ ที่ชีวิตมีแต่คำว่า “งาน” กับการปรับตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>>ตลอดเส้นทางการทำงานในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ห้างสรรพสินค้าเซน แม้จะมีความท้าทายเรียงเข้ามาให้ ฌาน ชานนท์ นักการตลาดหนุ่มไฟแรงต้องฝ่าฝัน แต่เขายังเชื่อมั่นในพลังการเรียนรู้และพร้อมจะรับมือกับโลกใบเก่าที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปอย่างแข็งแกร่ง

“หน้าที่ของผมตอนนี้คือ ดูภาพรวมด้านการตลาด กิจกรรมส่งเสริมการขายตั้งแต่โปรโมชัน อีเวนต์ การทำประชาสัมพันธ์และโฆษณา เรียกว่าเติบโตมากับสายงานนี้ ขึ้นอยู่ว่าเป็นการตลาดแบบไหน เพราะสิบปีที่แล้วที่ผมเข้ามาร่วมงานกับเครือเซ็นทรัล ก็เริ่มทำในส่วนอีเวนต์ของห้างฯเซน ก่อนจะเปลี่ยนไปด้านส่งเสริมการขาย ทำโปรโมชัน ดูแลการตลาดแผนกแฟชั่นของเซ็นทรัลชิดลมและสาขาอื่นๆ ชั่วคราว แล้วกลับมาทำงานด้านการตลาดอีกครั้งที่เซน”

และในวันที่โลกเปลี่ยน ดิจิตอลเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของคนยุคนี้มากขึ้น

“การทำงานทุกวันนี้ค่อนข้างยุ่งและเหนื่อยกว่าแต่ก่อน เพราะต้องทำไปปรับไปตลอดสัก 5-6 ปีที่แล้ว การทำงานการตลาดอาจจะมีแพลตฟอร์มที่ชัดเจน ทุกอย่างมีสูตรสำเร็จ แต่มายุคดิจิตอลทุกคนต้องปรับตัวอยู่ตลอด แพลตฟอร์มเดิมๆ ใช้ไม่ได้อีกต่อไป”

ในเมื่อกรอบการทำงานแบบเดิมถูกทลาย หัวใจสำคัญที่สุดของการทำตลาดกลับกลายเป็นการแข่งขันว่าใครจะกุมคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ที่สุดไว้ในมือได้มากกว่ากัน ในฐานะนักการตลาดที่อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านเขายอมรับอย่างใจกว้างว่า “เราเป็นคนยุคเจนเอ็กซ์ ดิจิตอลไม่ใช่สิ่งที่เราเรียนมา เป็นเรื่องใหม่ที่ต้องศึกษาเพิ่ม ไม่เฉพาะในธุรกิจค้าปลีก แต่ธรุกิจค้าส่ง หรือ เอสเอ็มอี ล้วนต้องปรับตัว”

ท่ามกลางกระแสดิจิตอลที่โหมกระหน่ำ ฌานบอกว่าเขาเองก็ต้องหันมาบุกตลาดออนไลน์มากขึ้น เพียงแต่โจทย์ที่ต้องไม่ลืมคือ จะเชื่อมโยงระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์อย่างไร ทำอย่างไรให้คนในออนไลน์มาที่ห้างเรา เริ่มต้นด้วยการปรับปรุงภายในห้างให้มีความทันสมัย นำดิจิตอลเข้ามาปรับใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง

“ถามว่ายากมั้ย ก็ยากตอนเริ่มปรับตัว แต่สิ่งที่ยากคือ เราไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ใช่หรือเปล่า เพราะถึงจะเริ่มมีไกด์ไลน์ให้เราเดิน แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าที่ทำอยู่ปลายทางคือสำเร็จหรือเปล่า ตอนนี้เราเหมือนกำลังอ่านหนังสือเล่มใหม่ ทุกวันนี้ผมคิดว่าตัวเองยังรู้น้อยมาก เทียบกับเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้เลย เรื่องโซเชียลนี่เขารู้แบบเจาะลึก เราเองถึงจะใช้บ้างแต่ก็ใช้แบบพื้นฐาน ยังไม่ถึงขั้นทำดิจิตอล มาร์เกตติ้งได้ดี แต่สุดท้ายผมเชื่อว่าเราต้องทำให้ได้”

ไม่เพียงดิจิตอลจะเข้ามาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค หากแต่ประสบการณ์ชีวิตก็บ่มเพาะให้เขาสลัดภาพหนุ่มสังคมคนเก่ากลายเป็นนักการตลาดหนุ่มที่ดูภูมิฐานได้อย่างเต็มภาคภูมิ ฌานบอกเล่าด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “แต่ก่อนด้วยความเป็นเด็กผมอาจจะสนุกกับการออกงานสังคม ได้สังสรรค์ พบปะเพื่อนฝูง แต่วันนี้เหมือนเรามาถึงจุดอิ่มตัว เริ่มมีเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองประสบความสำเร็จและมีคุณค่า ทุกวันนี้เลยหันมาโฟกัสกับงานเต็มที่”

นอกจากจะทุ่มสุดตัวเพื่อสร้างผลงานให้ดีที่สุดแล้ว ยามเมื่อถอดหมวกนักการตลาดฌานก็ยังท้าทายตัวเองด้วยอีกบทบาทที่เขารัก นั่นคือ ผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์แฟชั่นสำหรับคุณสุภาพสตรี อย่าง Insomnia by Vara,Reflex Angela และ C’V Hommeสำหรับคุณสุภาพบุรุษ

“ชอบแฟชั่นมาตั้งแต่เด็ก จนวันหนึ่งได้เจอหุ้นส่วนที่เป็นอินทีเรีย เคยทำแบรนด์เสื้อผ้ามาก่อน เห็นเราสนใจเลยชวนมาทำด้วยกัน โดยเขาจะดูเรื่องออกแบบ ส่วนผมจะดูมาร์เกตติ้ง เราเริ่มต้นจากแบรนด์ Insomnia by Varaที่มาของชื่อคือ เป็นคนชอบทำงานกลางคืน คำนี้มีความหมายว่านอนไม่หลับ เลยคิดว่าน่าจะตรงกับเราเลยเอามาใช้ แต่เพื่อไม่ให้ชื่อแบรนด์ไปพ้องกับคนอื่น เลยเติมชื่อของหุ้นส่วนเข้าไป”

เขาเล่าอย่างออกรสว่า แบรนด์ Insomnia by Vara เกิดมาพร้อมโชคและโอกาสจริงๆ เพราะแม้แต่ตัวเขาเองตอนแรกยังไม่แน่ใจและคิดว่าเปิดได้ไม่กี่เดือนต้องปิดหรือเปล่า แต่ปรากฏว่า จากที่ขายทางไอจี กลับได้มาเปิดเป็นป็อปอัพสโตร์ที่เซน ปรากฏว่าทำยอดได้ดีจนได้พื้นที่ประจำ แต่ด้วยคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่ชัดเจน คุมโทนเฉพาะขาว-ดำ เน้นเสื้อผ้าที่เน้นคัตติ้ง ทรวดทรงองค์เอวของผู้หญิง เลยทำให้หลังจากปั้นแบรนด์ได้ 1 ปี เขาตัดสินใจที่จะเปิดแบรนด์ใหม่เพื่อขยายกลุ่มลูกค้า

“แบรนด์ใหม่คือ Reflex Angelaตั้งใจขยายมาจับกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น ทำราคาที่เอื้อมถึงมากขึ้น พร้อมเพิ่มลูกเล่นของผ้าพรินต์ ติดเลื่อม มีความหวานเข้ามาผสม ความพิเศษคือ ทุกปีจะทำคอลเลกชันพิเศษเป็นชุดราตรีสำหรับลูกค้าตะวันออกกลาง เพราะช่วงหลังเดือนรอมฎอน ลูกค้าจากตะวันออกกลางจะเดินทางมาเมืองไทยเยอะ ซึ่งก็คิดไม่ผิด เพราะทำออกมาแล้ว ถึงจะไม่ถูกใจคนไทย แต่ขายดีมาก“

ฌานยังไม่หยุดแค่นั้นเขาเดินหน้าโปรเจกต์ใหม่ด้วยการปั้นแบรนด์ C’V Homme

“ทำแบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงมาแล้วก็อยากทำแบรนด์ผู้ชายบ้าง ตอนแรกคิดว่าจะง่ายนะครับ ปรากฏยากมาก เพราะผู้ชายซื้อของยากกว่าผู้หญิง ช่วงแรกๆ ที่ยังจับทางไม่ถูกก็เหนื่อยอยู่ แต่ตอนนี้เราพยายามนำเสนอว่าเราเป็นแบรนด์เมโทรเซ็กชวล มีทั้งเสื้อผ้าแบบแคชวลและสูท เพิ่มความยูนีคให้แบรนด์ด้วยการนำลายพรินต์ ลายทหารเข้ามาใช้”

ถึงหมวกสองใบที่สวมอยู่ จะกินเวลาในแต่ละวันของฌานไปเกือบหมด แต่เพื่อไม่ให้เสียชื่อหนุ่มเฮลตีที่มีวินัยในการดูแลตัวเองขั้นเทพ เขาจึงเจียดเวลา 3-4วันต่อสัปดาห์เพื่อเข้ายิมไม่เคยขาด เพราะรู้ดีว่า การออกกำลังกายคือยาวิเศษที่ช่วยให้แข็งแรงและยังเป็นผู้ชายวัย 40 ที่ดูดีกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน นอกจากนี้ หากมีเวลาว่างฌานยังไม่ทิ้งการเดินทางเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ

“ผมจะมีทริปท่องเที่ยวทุกปี แต่อาจจะไม่เยอะ เพราะต้องทำงานสองอย่างไปคู่กัน ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าการทำงานสองอย่างให้ดีเป็นเรื่องยาก แต่ผมเชื่อว่าเราทำได้ ถ้าปรับตัว ปรับเวลา ปรับความคิด จะมีช่วง 2 ปีที่เริ่มทำแบรนด์ ยุ่งมากจนแทบไม่ได้ไปไหนเลย แต่พอตอนนี้แบรนด์เริ่มอยู่ตัวก็พอปลีกเวลาไปเที่ยวได้บ้าง อย่างปีหน้าผมก็มีแพลนว่าจะไปยุโรป แต่อาจต้องเคลียร์คิว เพราะอย่างน้อยก็ต้องลางาน1 อาทิตย์” ผู้บริหารคนเก่งที่แทบทุกลมหายใจเข้า-ออกมีแต่คำว่า “งาน” กล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น