xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตัว “ฟอว์น-ไปยดา มหิทธนันท์” ผู้กุมหัวใจ “พอล-ภัทรพล ศิลปาจารย์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>>กติจะเห็นภาพเซเลบริตีสาวสวยคนนี้ “ฟอว์น-ไปยดา มหิทธนันท์” ในมาดเวิร์กกิงวูแมนคนเก่งแสนกระชับกระเฉงในฐานะทีมเบื้องหลังความสำเร็จของร้านอาหารชื่อดัง Hyde & Seek แต่ตอนนี้เรากำลังได้เห็นมุมหวานๆ ของเธอ ในฐานะผู้กุมหัวใจ “พอล-ภัทรพล ศิลปาจารย์” อดีตพระเอกรูปหล่อที่หันมาสวมบทนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง โดยทั้งคู่คบหาดูใจกันมาพักใหญ่และกำลังหวานสวีตแบบสุดๆ ซึ่งถ้าใครอยากรู้ลึกถึงเส้นทางความรักของทั้งคู่แบบล้วงลึก เซเลบออนไลน์พาทั้งคู่มาเปิดใจให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่แรกและที่เดียว

ก่อนจะล้วงลึกไปถึงเส้นทางความรักแสนโรแมนติก เราถือโอกาสอัปเดตหน้าที่การงานของทั้งคู่กันก่อน เริ่มจากฝ่ายหญิงหลังจากคร่ำหวอดในวงการอาหารมา 7 ปี ตอนนี้เธอกำลังทำโปรเจกต์ใหม่ที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ ส่วนจะเป็นแบรนด์หรือสินค้าอะไร เธอขออุบไว้ก่อน แต่รับรองว่าภายในปีนี้จะได้เห็นกันอย่างแน่นอน

“ตอนนี้อยู่ในช่วงระหว่างเตรียมการ ชีวิตเลยยุ่งมาก ฟอว์นจะจัดตารางตัวเองไว้เลยว่าแต่ละวันต้องทำอะไร ถ้าช่วงไหนต้องลุยงาน ฟอว์นทุ่มเต็มที่ ถ้ามีเวลาจะออกกำลังกาย ที่ชอบมากคือต่อยมวย เล่นมา 2 ปีแล้ว พี่พอลชวนเพราะเขาเล่นมาก่อน”

มาถึงตรงนี้หวานใจที่นั่งอยู่ข้างๆ และแอบหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเก็บภาพแฟนสาวเป็นระยะ ถือโอกาสขยายความว่า “ผมเริ่มออกกำลังกายด้วยการต่อยมวยมาเกือบ 15 ปีแล้ว เพราะตอนนั้นผมมีละครที่ต้องรับบทเป็นลูกนักมวย ปรากฏว่าเรียนแล้วชอบเลยเล่นมาเรื่อยๆ พอแนะนำให้เขาเล่น เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้แข็งแรงเกินคาดนะครับ จำได้ว่าตอนที่ชวนเล่นใหม่ๆ ยังต่อยไม่เป็น แต่เขาซื้อนวมมาเตรียมไว้ 3คู่แล้ว (หัวเราะ)”

เจอแฟนหนุ่มเผาแบบนี้ เล่นเอาสาวสวยอดยิ้มตามไม่ได้ ก่อนจะเล่าต่อถึงอีกหนึ่งกิจกรรมที่เธอสนใจ “ฟอว์นชอบเรียนรู้ สมัยนี้มีคอร์สเรียนมากมาย เวลาที่เราทำงาน หรืออ่านหนังสือเจออะไรแล้วรู้สึกสงสัยเราจะไม่เก็บไว้ แต่จะมองหาคอร์สเรียนที่ช่วยเราหาคำตอบ อาทิตย์หน้าจะไปเรียนคอร์ส Digital Marketing คอร์สนี้ไปกับพี่พอลด้วย

แต่ปกติเราไม่ต้องไปเรียนด้วยกันหมดนะ แล้วแต่ว่าสนใจหรือเปล่า อย่างช่วงนี้ฟอว์นไปเรียนคอร์สเต้นก็ไปคนเดียว แต่ทุกครั้งที่เราไปเจอคอร์สอะไรน่าสนใจ เราก็จะไลน์คุยกันตลอด เพราะฟอว์นอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่มีความเป็นผู้หญิงอยู่เยอะ เราไปกินข้าว ดูหนัง ชอปปิ้งคนเดียวได้ไม่มีปัญหา(ยิ้ม)”

ฟังเรื่องของฝ่ายหญิงมาพักใหญ่ เราก็มาอัปเดตเรื่องหนุ่มหล่อที่ถ้าไม่รู้ว่าอายุ 39 แล้ว คงไม่เชื่อเพราะยังหล่อใส เหมือนสมัยเป็นพระเอกไม่มีผิด

พอลเล่าให้ฟังว่าเขาเกษียณตัวเองตั้งแต่อายุ 35 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นนักลงทุน เป็นนักเขียน และผู้ที่ช่วยติดอาวุธด้านการเงินและสุขภาพให้คนทั่วไปผ่านโซเชียลมีเดีย

“นิยามคำว่าเกษียณของผมคือ เราไม่ต้องทำงานเพื่อเงิน แต่เลือกทำเฉพาะสิ่งที่อยากทำ ซึ่งผมเชื่อว่าเมื่อเรามีอิสระทางการเงิน ในหัวไม่ต้องคิดแต่เรื่องรายได้ ก็ทำให้เรามีพื้นที่ในสมองมากพอที่จะคิดทำสิ่งที่เป็นประโยชน์อื่นๆ เพื่อสังคม ที่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ตัวผมคิดมาตลอดว่าอยากทำอะไรเพื่อสังคมก่อนที่จะตายจากโลกนี้ไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทำไมผมถึงอยากเกษียณเร็ว”

พอลอาจจะเป็นคนหนึ่งที่เจอโชคดีท่ามกลางวันที่ชีวิตเผชิญกับฝันร้าย ด้วยวัยเพียง 19 ปีครอบครัวเขาต้องเผชิญกับวิกฤตต้มยำกุ้ง จนทำให้มีปัญหาทางการเงิน จากที่จะเรียนต่อที่สหรัฐฯ ต้องกลับประเทศไทย บทเรียนชีวิตครั้งนั้นทำให้เขาได้มีโอกาสเติมความรู้ด้านการเงิน ลองผิดลองถูกในโลกการลงทุนมาตลอด จนมีความพร้อมที่จะนำความรู้ที่มีมาถ่ายทอดติดอาวุธทางปัญหาให้คนอื่นๆ ผ่านผลงานเขียนหนังสือระดับเบสต์เซลเลอร์ คู่ขนานไปกับการให้ความรู้ผ่านโซเชียลมีเดีย ขยายไปสู่ความสนใจด้านสุขภาพ

เขามีกิจกรรมโปรดอย่างการออกกำลังกายที่ตั้งเป้าไว้ต้องทำให้ได้ 4 วันต่อสัปดาห์เลยทีเดียว “ผมใช้ #bettereveryday เพราะฉะนั้นในเมื่ออาชีพของผมคือทำไห้ตัวเองเก่งขึ้นทุกวัน ไม่ได้มีรายได้เป็นที่ตั้ง ผมเลยต้องหาความรู้ตลอดเวลา ควบคู่ไปกับงานใหญ่ของผมในเวลานี้คือ การสร้างบ้านใหม่ ปกติผมไม่ใช่คนที่จะใช้คำว่ายากกับสิ่งที่ทำ แต่กับการสร้างบ้านผมยอมรับว่ายากจริงๆ”

เกริ่นมาถึงบ้านใหม่แบบนี้ เลยถือโอกาสถามให้แน่ใจก่อนว่า ใช่บ้านที่จะเป็นเรือนหอหรือเปล่า งานนี้ทำเอาทั้งสาวสวยและหนุ่มหล่อตรงหน้าคลี่ยิ้มพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย ก่อนพอลจะเฉลยว่า

“ใช่หรือเปล่าไม่สำคัญ เพราะบ้านหลังนี้ก็ยินดีต้อนรับแฟนสาวเสมออยู่แล้ว”

เขาเล่าต่อถึงความตั้งใจในการสร้างบ้านหลังนี้ว่า เป็นบ้านที่เคยมาดูตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว แต่ตอนนั้นด้วยราคาอาจจะเกินฝัน ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เขายังวนเวียนขับรถไปดูอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งเจ้าของประกาศขายและเมื่อเขามีกำลังทรัพย์มากพอจึงตัดสินใจซื้อ ความรู้สึกตอนนี้บรรยายสั้นๆ ได้ว่า “เหมือนฝันที่เป็นจริง”

จากเรื่องบ้านที่ฝังใจมานานถึงสิบปี คงเป็นเครื่องการันตีถึงคาแรกเตอร์ของผู้ชายที่มีความรักหนักแน่นได้ระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายคนที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุด คงหนีไม่พ้นผู้หญิงที่กุมหัวใจของพอลอยู่ในเวลานี้นั่นเอง

“เราคบกันมาเกือบ 5 ปี พี่พอลเป็นคนไม่เจ้าชู้เลยค่ะ ถามว่าเป็นผู้ชายโรแมนติกมั้ย ก็โรแมนติกนะ แต่ก็จะมีบางเรื่องที่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ” ระหว่างที่ฟอว์นกำลังชั่งใจว่าจะบรรยายถึงหนุ่มหล่อข้างๆ อย่างไร พอลถือโอกาสขัดจังหวะว่า “คำตอบแรกดีแล้ว” เล่นเอาแฟนสาวอมยิ้ม ก่อนจะบรรยายถึงชายหนุ่มข้างๆ ว่า

“ตลอดเวลาที่คบกัน เรารู้ว่าเขาทำหลายอย่างให้เรา เขาทำให้เรารู้ว่าเขารักเราในแบบที่เป็นเรา พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันไปตลอด เขาอาจจำวันสำคัญของเราไม่ได้ ไม่มีของขวัญในโอกาสพิเศษ แต่ถ้าเขาอยากซื้อให้ก็ซื้อเลย แรกๆ ก็มีงอนที่เขาลืมวันพิเศษๆ แต่ตอนหลังก็ชินค่ะ เพราะวันเกิดตัวเองเขายังจำไม่ได้เลย(หัวเราะ)”

เปิดฉากด้วยโมเมนต์หวานๆ แบบนี้ ชักสงสัยแล้วว่า จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างไร?

ฝ่ายชายเอ่ยปากว่าตนเป็นฝ่ายเริ่มปิ๊งก่อน โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว “เราเจอกันตามงานต่างๆ ผมยอมรับว่าชอบเขาที่รูปลักษณ์ภายนอกก่อน เขาเป็นคนสวยและไนซ์ ตรงสเปกผม ตอนนั้นด้วยความที่เราต่างมีแฟนทั้งคู่ …”

ยังไม่ทันที่จะเล่าต่อ สาวฟอว์นก็สวนขึ้นมา “สรุปมีแฟนเหรอ ไหนตอนนั้นว่าโสด”

งานนี้เล่นเอาหนุ่มพอลนิ่งแต่ยังไหลไปได้ว่า “ก็มีบ้างไม่มีบ้าง เป็นซีซัน” คำตอบนี้เล่นเอาฝ่ายหญิงคลี่ยิ้มที่จับจุดอ่อนของแฟนหนุ่มได้ ก่อนจะปล่อยให้พอลย้อนความหลังถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ต่อ

“หลังจากรู้จักกันตามงาน ผมก็ตัดสินใจแอดเฟซบุ๊กเขา เพื่อจะได้ไปตามส่องหน้าวอลล์ของเขา(ยิ้ม) มีอยู่วันหนึ่งเขาโพสต์ภาพตัวเองกับหนังสือธรรมะ ผมเลยยิ่งประทับใจว่า สวยแล้วยังจิตใจดีอีก วันนั้นผมเลยทำทีส่งข้อความไปหาเขาเพื่อเปิดหัวข้อชวนคุย”

พอได้ยินแบบนี้ สาวฟอว์นเลยรีบเสริมแบบหักมุมเล็กน้อยว่า “ความจริงแล้วหนังสือธรรมะที่โพสต์นั้น ฟอว์นไม่ได้อ่านนะคะ แต่ไปงานอีเวนต์เปิดตัวหนังสือพอดี” คำตอบนี้ทำเอาฮากันทั้งวง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนสองคนได้เริ่มเรียนรู้กัน แม้ฝ่ายหญิงในตอนนั้นจะยังไม่รู้ว่า อีกฝ่ายกำลังเข้ามาขายขนมจีบ จนกระทั่งเมื่อเธอเลิกกับแฟนเก่า พอลซึ่งเป็นสายส่องเฟซบุ๊กอยู่จึงเริ่มเข้ามาทำคะแนน

“วิธีจีบของเขาก็ยังไม่ทิ้งคาแรกเตอร์พิธีกร เป็นการตั้ง 20 คำถามว่าชอบฟังเพลงแบบไหน กินอาหารอะไร” เธอเริ่มเล่าถึงความหลัง หนุ่มพอลช่วยขยายว่า “เราคบกันตอนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่วัยรุ่นจีบกัน เพราะฉะนั้น เพื่อที่จะรู้จักเขามากขึ้น ผมก็ใช้คำถามเหล่านี้ เพื่อประเมินว่าเราจะมีอนาคตร่วมกันมั้ย ซึ่งคำตอบของเขาก็ทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนมีความคิด จิตใจดีเหมือนที่ได้ยินมาจริงๆ”

พอลบอกต่อว่า ที่คบหากันมา เวลายิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า สิ่งที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเขา และประทับใจเขาในช่วงแรกๆ ไม่ผิดเลย

“ผมเป็นคนช่างเลือก โดยเฉพาะ เรื่องแฟน เพราะผมว่าแฟนไม่เหมือนมือถือ หรือบ้าน ที่ไม่ชอบก็เปลี่ยนใหม่ เขาเป็นผู้หญิงที่ฉลาด มีไหวพริบ มีความคิดสร้างสรรค์ มุ่งมั่น ทำอะไรแล้วต้องทำให้ดี เห็นชิลๆ แบบนี้ แต่เวลาทำงานเขาจริงจังมาก คนชอบเรียนรู้ ยิ่งคบกันผมยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาเหมือนซื้อหุ้นถูกตัว และเป็นหุ้นที่ต้องถือระยะยาว” คำตอบนี้อาจแฝงไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่มีนัยและลึกซึ้ง

“ฟอว์นยังแซวเขาเลยว่า ถ่ายคู่กันครั้งนี้ แปลว่าห้ามทิ้งแล้วนะ(ยิ้ม) ฟอว์นว่า สิ่งที่ทำให้คู่เราคบกันได้แบบมีความสุข ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน เพราะเราสองคนคล้ายกัน เป็นคนน้อยๆ เหมือนกัน ชอบชีวิตเรียบง่าย ไม่ชอบเจอคนเยอะๆ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ อย่างตอนเราคบกันเราก็คุยกันเลยว่า เราจะไม่ถ่ายรูปคู่อัปลงไอจี เพราะด้วยความที่พี่พอลเป็นคนสาธารณะ จะมีบ้างที่เราโพสต์รูปคู่คือในเฟซบุ๊ก ที่มีแต่เพื่อนเรา”

“ปัญหาของเราเรื่องเดียวคือ ไม่มีใครยอมเลือกว่ากินอะไร เป็นมนุษย์อะไรก็ได้ทั้งคู่(หัวเราะ) สำหรับผม ฟอว์น ไม่ใช่แค่แฟน แต่เป็นเพื่อน ผู้สนับสนุน ให้กำลังใจ คอยเติมเต็มให้เรา เราไม่ใช่คู่ ที่ 1+1=2 แต่ 1+1=11” พอลนิยามถึงแฟนสาวอย่างหวานหยด

ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะเสริมว่า “เราไม่ใช่คู่ที่จะคบกันแล้ววาดฝันวันหนึ่งต้องแต่งงานและมีลูก เพราะนั่นเป็นแค่องค์ประกอบไม่ใช่ปัจจัยหลักที่เราจะใช้ชีวิตด้วยกัน เป้าหมายของเราคือ การใช้เวลาอยู่ด้วยกันในทุกๆ วันอย่างมีความสุขค่ะ”

ขอขอบคุณ “สยาม แอ็ท สยาม ดีไซน์ โฮเต็ล กรุงเทพฯ” เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น