>>ผู้บริหารยุคนี้นอกจากทำงานเก่งแล้วยังต้องบริหารทุกบทบาทในชีวิตให้ลงตัว เช่นเดียวกับผู้บริหารสาวเก่ง “มุ่ย-สลิลาพร กองทองมณีโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มี อินฟินิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่หากนาทีนี้เจอใครตั้งคำถามว่าทำงานอะไรอยู่บ้าง เจ้าตัวแทบจะต้องรีบตั้งคำถามกลับว่า อยากได้คำตอบในหมวดไหนดี เพราะมีหลายบทบาทเหลือเกิน ทั้งบริหารธุรกิจส่วนตัว ควบคู่ไปกับการสานต่อธุรกิจโรงงานผลิตยาและจำหน่ายยาสมุนไพรของครอบครัว
อย่างไรก็ตาม แม้จะต้องรับผิดชอบในหลากหลายบทบาท ทำงานแทบจะสัปดาห์ละ 7 วัน แต่ผู้บริหารสาวหน้าหวานยังยิ้มได้ เพราะสนุกกับการทำงานในทุกวัน เพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบและมีแพสชั่น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจของครอบครัว ที่แทบจะอยู่ในสายเลือด เพราะซึมซับมาตั้งแต่เด็ก กระทั่งต่อยอดมาสู่ธุรกิจส่วนตัวเมื่อ 3 ปีก่อน
“ด้วยความที่ที่บ้านเป็นโรงงานผลิตยาและจำหน่ายยาสมุนไพร มุ่ยเลยเลือกเรียนด้านบริหาร เพราะคิดว่าเป็นสายวิชาที่กว้าง สามารถต่อยอดธุรกิจได้ หลังจากเรียนจบก็เข้ามาช่วยงานที่บ้าน และเริ่มสนใจเรียนต่อปริญญาโทในสาขาที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจที่บ้านมากขึ้น เลยไปเรียนต่อด้านแพทย์แผนไทยเวชกรรมและไปสอบใบประกอบโรคศิลปะเป็นแพทย์แผนไทยเภสัชกรรม ก่อนไปเรียนต่อสาขาสุขภาพจิต จากภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ”
หลังจากช่วยงานที่บ้านมาร่วม 10 ปี มุ่ยตัดสินใจทำสิ่งที่ท้าทายขึ้นอีกขั้น ด้วยการสร้างธุรกิจของตัวเอง หลังจากเห็นช่องว่างในตลาดของอาหารเสริมในประเทศ จึงเริ่มทำการวิจัยตลาด เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า จนได้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไอซ์เบิร์ก บำรุงร่างกายและสมรรถภาพ ต่อยอดมาสู่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไอดี บำรุงสมองและสายตา
“ธุรกิจนี้เป็นการต่อยอดความรู้ด้านแพทย์แผนไทยที่มีอยู่เดิม พร้อมขยายฐานลูกค้าของเราจากเดิมที่เน้นผู้ใหญ่อายุ 50 ปีขึ้นไป ลงมาเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป จำได้ว่าครั้งหนึ่งคุณพ่อเคยเปรียบเทียบว่า ธุรกิจของครอบครัว ก็เหมือนบ่อปลาที่คุณพ่อหาปลามาเลี้ยงในบ่อให้แล้ว เราไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ดูแลปลาในบ่อให้ดี แต่เราเองต่างหากที่เลือกจะขุดบ่อปลาใหม่ เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ ถามว่ายากไหม แน่นอนค่ะ จากเดิมที่เราบริหารธุรกิจที่ค่อนข้างอยู่ตัว คุณพ่อวางรากฐานไว้ให้หมด ทั้งสร้างแบรนด์ และฐานลูกค้าไว้ให้ แต่นี่คือความภูมิใจที่เราจะได้พิสูจน์ตัวเอง”
นอกจากจะเป็นสาวเก่งที่บริหารเวลาจัดการกับทุกบทบาทได้อย่างลงตัว มุ่ยยังมีไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจนั่นคือ เธอเป็นสาวน้อยที่หลงใหลในการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ เธอสามารถหยิบกล้องตัวเก่งออกมาบันทึกภาพความทรงจำที่ประทับใจได้ในทุกวันโดยไม่จำเป็นต้องรอโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวเท่านั้น เพราะความสุขจากการถ่ายภาพของเธอสร้างได้ในทุกวัน เริ่มต้นง่ายๆ แค่มองออกไปนอกบ้าน แล้วเห็นภาพผืนนาตรงข้ามบ้านตัดกับขอบฟ้าที่หลากอารมณ์ในแต่ละวันก็มีเสน่ห์มากพอจะทำให้เธอมีความสุขและพอใจกับการหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกความทรงจำนั้นไว้ หรือบางครั้งการได้พบเจอคนแปลกหน้า แล้วหยิบกล้องมาเก็บภาพโมเมนต์ที่สะท้อนถึงอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายแต่เป็นธรรมชาติของผู้คนที่พบเจอก็สร้างความอิ่มเอมใจให้เธอได้แล้ว
สาวเก่งบอกเล่าด้วยดวงตาเป็นประกายว่าผู้ที่เป็นแรงบันดาลให้เธอหลงใหลในการถ่ายรูป คือ องค์พ่อหลวง ดั่งที่ทราบว่าพระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยด้านการถ่ายภาพ และโปรดการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังแห่งหนใด พระองค์จะทรงใช้กล้องส่วนพระองค์ถ่ายภาพทั้งสถานที่ บุคคล และเหตุการณ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังโปรดฉายพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระราชโอรส พระราชธิดาอยู่เสมอ
“หนึ่งในภาพฝีพระหัตถ์ที่มุ่ยประทับใจคือ พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชโอรสและพระราชธิดาของพระองค์ท่านในมุมที่เป็นธรรมชาติมากๆ ดูกี่ครั้งก็ประทับใจและเลือกน้อมนำเป็นตัวอย่าง เพราะเป็นแนวภาพที่มุ่ยชื่นชอบ นอกจากมุ่ยจะประจักษ์ในพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพแล้ว พระองค์ท่านยังทรงเป็นตัวอย่างเรื่องความพอเพียง เราจะเห็นว่ากล้องถ่ายรูปที่พระองค์ทรงเลือกใช้ ไม่ได้เป็นกล้องรุ่นใหม่หรือกล้องรุ่นพิเศษสุดอะไรเลย ทำให้เราย้อนคิดว่าการถ่ายภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพิเศษของกล้อง แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองของเราเอง กับภาพตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือสิ่งของที่เราถ่ายมากกว่า เพราะฉะนั้นนี่จึงเหมือนเป็นสิ่งย้ำเตือนที่ทำให้เรารู้จักความพอเพียง ไม่หลงไปกับวัตถุ" ผู้บริหารสาวหน้าหวานกล่าวทิ้งท้ายอย่างน่าประทับใจ :: Text by FLASH