xs
xsm
sm
md
lg

“สุทธิมา สุจริตกุล” กับความฝันพัฒนาศิลปะไทยให้ดังไกลระดับโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>>เธอคือ อาร์ทิสต์สาวที่รักงานศิลปะแต่วาดรูปไม่เป็น เธอคือ นักเรียนนอกที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนับสิบปี แต่อยากกลับมาพัฒนาวงการศิลปะบ้านเราให้ดังไกลไปในระดับโลก และในวัย 27 ปี เธอคือ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ “โนวา คอนเทมโพรารี แกลลอรี่” อาร์ตแกลเลอรีสุดฮิปแห่งใหม่ในบ้านเรา

แม้ “ดิสนีย์แลนด์” จะเป็นสรวงสรรค์ในวัยเด็กของใครหลายคน แต่โลกแห่งความสุขที่ “จุนโกะ-สุทธิมา สุจริตกุล” ลูกสาวคนเล็กของ “พิตราภรณ์ สังขทรัพย์” กับ “ติรวัฒน์ สุจริตกุล” ถวิลหาในวัยเด็กกลับไม่ใช่การไปพบเจอกับเหล่าตัวการ์ตูนที่กระโดดออกมาจากโลกจินตนาการ หากแต่เป็นการได้นั่งชมผลงานศิลปะเก๋ๆ ตามพิพิธภัณฑ์ ได้ศึกษาเรื่องราวเบื้องหลังภาพวาดหรือผลงานศิลปะ ที่ซ่อนความลับไว้มากมาย

“ตั้งแต่เด็กคุณพ่อคุณแม่ชอบพาโกะไปทำบุญที่วัด ซึ่งสำหรับเด็กรุ่นใหม่อาจฟังดูเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อ แต่สำหรับโกะการไปวัดคือความสนุก เพราะด้วยความเป็นเด็ก เราก็สนใจสิ่งรอบตัวไปเรื่อย การไปวัดไม่ได้มีแค่พระสงฆ์ การสวดมนต์ หรือนั่งกรวดน้ำเท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมที่งดงาม ไล่ตั้งแต่ตัวอาคาร พื้น ฝาผนัง ยิ่งพอโตขึ้นมาเราได้มีโอกาสไปต่างประเทศ ไปเห็นโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมแปลกตาจากวัดบ้านเรา ก็ยิ่งสนใจ ซึ่งโกะว่าทั้งหมดนี้คือ สิ่งที่หล่อหลวมและจุดประกายให้โกะหันมาสนใจด้านศิลปะ และหลงรักการไปพิพิธภัณฑ์โดยไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองสามารถเดินเล่นในพิพิธภัณฑ์ได้ 3 วันไม่เบื่อเลย (หัวเราะ)”

จุนโกะบอกว่า ถึงจะเริ่มปลูกต้นรักในงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอรู้ดีว่า จุดที่เธอยืนหาใช่การเป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน เพราะเธอไม่มีพรสวรรค์ด้านวาดรูปเลย ด้วยเหตุนี้เธอจึงถอยกลับมายืนในจุดที่ตัวเองมีความสุขมากกว่า นั่นคือ การเป็นผู้ชื่นชมงานศิลปะอย่างลึกซึ้ง


“โกะอาจจะเป็นพวกไฮเปอร์แอกทีฟเกินไป ไม่ใจเย็นพอที่จะนั่งวาดรูป ค่อยๆ สร้างผลงานขึ้นมา โกะจะรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า ถ้าได้ชื่นชมงานศิลปะแล้วตามไปศึกษางานนั้น ได้เข้าห้องสมุด หรือเข้าอินเทอร์เน็ต เพื่อติดตามแรงบันดาลใจที่แฝงอยู่ในผลงานนั้นๆ”

ด้วยความโชคดีที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรมาตลอด ดังนั้น เมื่อมีโอกาสไปเรียนต่อไฮสคูลที่อังกฤษ 2 ปี เธอจึงฉวยโอกาสที่โรงเรียนมัธยมของอังกฤษ เปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนวิชาที่สนใจเองได้ ด้วยการลงเรียนวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์ที่ใจรักแทนที่วิชาเลข และวิทยาศาสตร์ ซึ่งเจ้าตัวออกปากว่าไม่ถนัด นั่นถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้ลองพาตัวเองเข้าไปสู่สิ่งที่สนใจอย่างจริงจัง และยิ่งมั่นใจว่า เส้นทางที่เธอเลือกนั้นไม่ผิด ทว่า อาจเพราะรู้จักตัวเองดีเกินไป ทำให้เมื่อต้องเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัย เธอจึงยอมเลือกเส้นทางชีวิตที่อ้อมไปสักนิดก่อนจะไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจ

“ตอนเรียนปริญญาตรี โกะเลือกเรียนด้าน Fashion Journalism and Promotion ที่ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ อาร์ต ประเทศอังกฤษ แทนที่จะเรียนต่อด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ เพราะด้วยตัวหลักสูตรปริญญาตรี นักศึกษาไม่สามารถเลือกได้ว่าอยากจะเรียนศิลปะของชาติไหน ต้องเรียนรวมทั้งหมด ย้อนไปตั้งแต่สมัยกรีก โรมัน ซึ่งโกะไม่ชอบ เลยตัดสินใจเบนเข็มไปเรียนอย่างอื่นก่อน ค่อยกลับมาเรียนสิ่งที่ชอบจริงๆ

ตอนเรียนปริญญาโทถามว่า 3 ปีที่เรียนปริญญาตรีชอบไหม ก็ไม่ได้เลวร้าย แฟชั่นเป็นอีกโลกที่ทุกอย่างมาไวไปไว ต่างกับโลกของศิลปะ แต่ถึงจะไม่อินกับสิ่งที่เรียน โกะก็ไม่เคยคิดจะดรอปนะ แถมช่วงที่เรียนยังมีไปฝึกงานที่ดิออร์ด้วย โกะบอกตัวเองเสมอว่า เมื่อเลือกแล้วก็ต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจของตัวเอง”


หลังจากเรียนจบปริญญาตรี โกะหมายมั่นจะเรียนต่อปริญญาโท ด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ที่วิทยาลัยบูรพคดีศึกษาและการศึกษาแอฟริกา มหาวิทยาลัยลอนดอน ระหว่างรอผลสอบ เธอตัดสินใจไปเทกคอร์สด้านบิสซิเนส อาร์ต ที่สถาบันโซตบี้ เป็นเวลา 6 เดือน จุนโกะบอกว่า แม้จะเป็นคอร์สสั้นๆ แต่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก เหมือนได้พาตัวเองมาเจอกับคนที่พูดภาษาเดียวกัน ชอบอะไรเหมือนๆ กัน


“พอเรียนจบคอร์ส โกะก็ได้รับข่าวดีจากทางมหา’ลัยลอนดอนพอดี โดยโกะเลือกเรียนเฉพาะด้านเอเชียนอาร์ต ตามที่โกะสนใจ อย่างที่บอกว่าโกะได้แรงบันดาลใจด้านศิลปะจากการไปวัด เพราะฉะนั้น ศิลปะแขนงที่สนใจก็หนีไม่พ้นวัฒนธรรมบ้านเรา ขณะเดียวกัน คุณพ่อก็บอกโกะเสมอว่าเราต้องเลือกทำในสิ่งที่เรามีจุดแข็งด้านนั้นๆ ถ้าโกะไปเลือกเรียนศิลปะตะวันตก ซึ่งเราไม่ได้มีรากเหง้ามาจากตรงนั้น เราก็คงทำได้ไม่ดี”

การตัดสินใจยืนอยู่บนหลักการและเหตุผลนี้เอง ใครจะคิดว่าในเวลาต่อมาจะกลายเป็นใบเบิกทางสำคัญให้จุนโกะมีโอกาสร่วมงานกับเมโทโพลิแทน อาร์ตมิวเซียมระดับโลก ซึ่งกำลังจะจัดนิทรรศการ “Lost Kingdoms” โดยนำผลงานศิลปะจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปซ่อมแซม เพื่อจัดแสดงให้ชาวต่างชาติได้ชมก่อนส่งกลับคืนไปยังประเทศนั้นๆ พอดี

“ที่ได้งานนี้ไม่ใช่เพราะโกะเก่งนะ แต่โกะเชื่อว่าเพราะจังหวะชีวิตพาไป ด้วยหัวข้อของนิทรรศการที่เกี่ยวกับภูมิภาคอาเซียน เราเองไม่เพียงเรียนมาด้านนี้โดยตรง แต่ยังเป็นคนไทย เขาก็เลยยินดีให้เราไปร่วมงาน สำหรับโกะนี่คือโอกาสที่ดีที่จะได้เรียนรู้การทำงานของพิพิธภัณฑ์ระดับโลก แต่ช่วง 6 เดือนแรกที่ไป ค่อนข้างทรมาน เพราะเราใช้ชีวิตอยู่อังกฤษมานาน ไม่มีเพื่อนที่นิวยอร์ก การทำงานที่นั่นก็มีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่อยู่ไปก็ค่อยๆ ปรับตัวได้”

สองปีที่ทำงานที่เดอะ เมต นอกจากประสบการณ์ที่ได้รับ ที่นี่ยังเป็นจุดพลิกผันสำคัญในชีวิตของสาวน้อยตรงหน้าไม่น้อย จุนโกะบอกว่า ด้วยเนื้องานที่ต้องค้นหาข้อมูลอ้างอิงจากเอกสารและงานวิจัยเก่าๆ เป็นส่วนใหญ่ ทำให้เธอพบตัวเองในอีกมุมว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ จากเดิมที่คิดว่าตัวเองสนใจศิลปะแบบดั้งเดิม ความจริงแล้ว คอนเทมโพรารี อาร์ต หรือศิลปะร่วมสมัย อาจเป็นคำตอบที่ใช่มากกว่า เพราะการได้ศึกษาผลงานของศิลปินที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดแทนที่การศึกษาจากงานวิจัยเท่านั้นดูจะมีเสน่ห์สำหรับเธอมากกว่า

“หลังจบจากโปรเจกต์ที่ทำ เป็นช่วงที่วีซ่าโกะหมดพอดี ทางบ้านเองก็ตามตัวให้กลับ โกะเลยตัดสินใจเดินทางกลับมาเมืองไทย ตอนแรกตั้งใจว่าจะอยู่เมืองไทยไม่นาน และบินไปปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ เพราะที่นั่นเป็นศูนย์กลางของคอนเทมโพรารี อาร์ต ที่เราสนใจ แต่สุดท้ายไม่ได้ไป เพราะได้ผู้ใหญ่ในวงการแนะนำว่า แทนที่เราจะนำประสบการณ์ความรู้ที่มีไปต่างประเทศ สู้เอามาพัฒนาวงการศิลปะบ้านเราดีกว่า ซึ่งโกะฟังแล้วก็เห็นด้วยว่า เพราะบ้านเราเองก็มีศิลปินเก่งๆ มีฝีมือที่ไปดังในระดับนานาชาติมากมาย แต่คนไทยกลับมองข้ามศิลปินที่มีฝีมือเหล่านี้”


ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของ โนวา คอนเทมโพรารี แกลลอรี่ สถานที่ที่จุนโกะดำรงตำแหน่งผู้ก่อตั้งให้คำจำกัดความว่าเป็นมากกว่า แกลเลอรีขายภาพ หากแต่เธอต้องการให้ที่นี่เป็นแหล่งพื้นที่แสดงผลงานของศิลปินไทย เป็นแหล่งเรียนรู้ให้คนที่สนใจศิลปะได้เข้ามาพบปะ พูดคุย ค้นหาไอเดียที่ซ่อนอยู่ข้างหลังภาพ เป็นแหล่งให้คำปรึกษากับศิลปินรุ่นใหม่มีที่ยืนในวงการศิลปะไทย และไปไกลในเวทีโลก

“โกะไม่อยากให้คนมองว่าภาพวาด งานศิลปะเป็นแค่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง ที่มีเงินก็ซื้อไปประดับบ้าน เพราะงานศิลปะแต่ละชิ้นมีค่ามากกว่านั้น มีเรื่องราว แรงบันดาลใจ สิ่งที่ศิลปินต้องการสื่อซ่อนอยู่ในนั้นมากมาย แต่จะทำอย่างไรให้คนรู้สึกแบบนี้ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความรู้ ใช้เวลา ถามว่าเหนื่อยมั้ย โกะว่าเป็นความเหนื่อยที่สนุก มีความสุข คุณพ่อคุณแม่โกะท่านสอนเสมอว่าถ้างานที่เราทำไม่ได้ช่วยให้โลกใบนี้ดีขึ้น จะทำไปทำไม เพราะฉะนั้นในเมื่อวันนี้เรามีโอกาส ก็อยากจะช่วยพัฒนาวงการศิลปะบ้านเรา โกะมองว่าศิลปะทำให้โลกนี้สวยงาม น่าอยู่”

จุนโกะกล่าวทิ้งท้ายว่า วันที่ตัดสินใจเดินหน้า โนวา คอนเทมโพรารี แกลลอรี่ เธอให้เวลากับตัวเอง 3 ปี เพื่อผลักดันสิ่งที่ทำอยู่ให้ไปถึงจุดที่ตั้งใจ เพราะมองว่า 3 ปีเป็นช่วงที่ไม่เร็วหรือช้าเกินไปสำหรับการวัดผลสิ่งที่ทำ หากถึงวันนั้น สิ่งที่เธอพยายามไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คงถึงเวลาต้องหาช่องทางใหม่ๆ ในการบรรลุเป้าหมาย ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นรูปแบบไหน แต่ที่แน่นอน คือ ตัวเธอจะไม่มีวันเดินออกไปจากวงการศิลปะที่รักแน่นอน

ชีวิตในวันที่โลกไม่ได้หมุนด้วยศิลปะ

-“ไลฟ์สไตล์วันว่าง ชอบเล่นโยคะ ปีนเขา ไปเที่ยวทะเล ถ้ามีโอกาสจะออกเดินทางไปยังประเทศที่ Exotic หน่อย อย่างภูฏาน อินเดีย ส่วนหนึ่งอาจเพราะเรามีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในมหานครอย่างลอนดอน นิวยอร์กมาแล้ว เลยอยากลองไปศึกษาวัฒนธรรมของประเทศเหล่านี้”

-“เป็นสาวเฮลตี้ ตั้งแต่เทรนด์สุขภาพบ้านเรายังไม่มาแรงขนาดนี้ พิถีพิถันกับเรื่องอาหารการกิน ชอบไปเดินจ่ายตลาด และเข้าครัวทำอาหารกินเอง”

-“เป็นพวกโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ ตอนเด็กๆ เฮี้ยวมาก เคยย้ายไปเรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ต ชอบมาก เพราะช่วงที่ต้องห่างกับคุณพ่อคุณแม่ทำให้ยิ่งคิดถึงท่านและรักท่านมากขึ้น”

-“ถ้าตอนนี้ไม่ได้โลดแล่นในวงการศิลปะ ความฝันคืออยากเป็นนักข่าวซีเอ็นเอ็น หรือทำงานกับสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จะได้มีส่วนช่วยเหลือสังคม” :: Text by FLASH
กำลังโหลดความคิดเห็น