>>“ฉันไม่มีเวลา” นับเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ที่เราใช้เป็นข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกายให้เป็นนิสัย บางครั้งการขาดแรงจูงใจหรือไม่สนุกกับการออกกำลังกายก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งเช่นกัน แต่ว่าทำไมเราถึงมีเวลาว่างหลายชั่วโมงสำหรับการเล่นเฟซบุ๊ก อัปเดตความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ ไลน์ส่งสติกเกอร์อย่างสนุกสนาน หรือโพสต์รูปอาหารใหม่ๆ ลงอินสตาแกรมได้ล่ะ มันจะดีกว่าไหมถ้าคุณพักสิ่งเหล่านั้นเอาไว้สักประเดี๋ยว แล้วหันมาใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้นอีกสักนิด เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณในระยะยาว
ซาแมนธา เคลย์ตัน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการศึกษาด้านฟิตเนสระดับโลกของเฮอร์บาไลฟ์ ได้เน้นย้ำความสำคัญของการหาเวลาออกกำลังกายแม้คุณจะมีตารางเวลาอันแสนยุ่ง ซึ่งแท้จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่คุณอาจต้องวางแผนสักเล็กน้อยและจัดสรรเวลาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคุณ แนะนำว่า “โดยธรรมชาติแล้ว จังหวะร่างกายของคนเราจะปรับไปตามกิจกรรมและไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันในแต่ละวัน บางคนชอบตื่นเช้า ขณะที่บางคนอาจเริ่มต้นวันใหม่สายกว่าโดยไม่เกี่ยวว่าเขาเป็นคนนอนดึกอยู่แล้วหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเรื่องสมรรถภาพทางกาย ฉันเชื่อว่าร่างกายของคุณจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่สามารถออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพที่สุด และถ้าคุณอยากรู้ว่าช่วงเวลาไหนที่ดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกายของคุณแล้วล่ะก็ ลองสังเกตร่างกายของคุณ และจดบันทึกเอาไว้ทุกครั้งหลังออกกำลังกายดูได้เลย!”
หากคุณต้องการออกกำลังกายอย่างได้ผล กุญแจสำคัญอยู่ที่คุณต้องมี ‘พละกำลัง’ และ ‘ความรู้สึกที่ดี’ และถ้าคุณอยากรู้ว่าคุณควรออกกำลังกายช่วงไหนดีที่สุด ให้คุณลองประเมินตัวเองสัก 2-3 สัปดาห์โดยถามตัวเองดูว่า ช่วงเวลาใดเป็นช่วงเวลาที่คุณมีพละกำลังมากที่สุด นอกจากนี้ยังได้แชร์เคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้คุณพบคำตอบของคำถามที่ว่า “ฉันควรจะออกกำลังกายเวลาไหนดี” ได้อย่างง่ายดาย
1. ชอบตื่นเช้าจนเป็นนิสัย
การออกกำลังกายตอนเช้านั้นค่อนข้างดีกว่าช่วงเวลาอื่นๆ เพราะช่วงเช้าเป็นช่วงที่ร่างกายคุณได้ผ่านการพักผ่อนอย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่ระบบประสาทและสมองปลอดโปร่งและพร้อมที่จะทำงาน นอกจากนี้ ช่วงเช้ายังเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อมีพละกำลังมากที่สุดและช่วยให้คุณสามารถออกแรงฟิตได้มากขึ้นด้วย
การออกกำลังกายในตอนเช้าเหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
...คุณเป็นคนชอบตื่นเช้า ลองจัดสรรเวลาออกกำลังกายไว้ในช่วงเช้าของแต่ละวัน ก่อนที่คุณจะรู้สึกเหนื่อยล้าจากกิจกรรมต่างๆ ระหว่างวัน แต่ถ้าคุณมีตารางเวลาที่ค่อนข้างแน่น การออกกำลังกายตอนเช้าก่อนเริ่มทำงานจะช่วยให้คุณไม่ต้องปวดหัวหรือกลัวว่ากิจกรรมระหว่างวันจะมาเป็นอุปสรรคต่อการออกกำลังกายของคุณ
การออกกำลังกายในตอนเช้าไม่เหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
...คุณมักอารมณ์เสียและบูดบึ้งในตอนเช้า แถมรู้สึกไม่อยากลุกจากเตียง และยังงัวเงียในขณะที่เพิ่งตื่นนอน ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ล่ะก็ คุณควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในตอนเช้าเพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกเครียดและไม่อยากออกกำลังกายอีก คุณควรเลือกช่วงเวลาอื่นที่คุณรู้สึกระปรี้กระเปร่าและกระฉับกระเฉง พร้อมที่จะออกกำลังกายมากกว่า
2. กระฉับกระเฉงในช่วงบ่าย
การออกกำลังกายในตอนบ่ายเหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
...คุณรู้สึกมีพลังเพิ่มมากขึ้นในช่วงบ่ายของวัน มันเป็นความคิดที่ดีทีเดียวถ้าคุณจะใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์ด้วยการไปออกกำลังกายหรือขยับแข้งขยับขาให้รู้สึกกระฉับกระเฉง อีกทั้งการออกกำลังกายตอนบ่ายยิ่งจะได้ผลมากถ้าคุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีพลังเพิ่มขึ้นไปอีกหลังได้ออกกำลังกายในช่วงเวลานี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสมองของคุณจะโลดแล่นมากขึ้นสำหรับช่วงเวลาที่เหลือของวันด้วย
และอย่าลืมที่จะลองทานของว่างเพื่อสุขภาพในช่วงสายๆ หากคุณอยากออกกำลังกายในช่วงพักกลางวันหรือช่วงบ่ายโมงถึงบ่ายสอง เพราะคุณต้องเพิ่มสารอาหารให้กับร่างกายอย่างเหมาะสมเพื่อจะได้มีพลังทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดวันได้อย่างเต็มที่
การออกกำลังกายในตอนบ่ายไม่เหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
... พอตกเย็นร่างกายของคุณเริ่มเหนื่อยล้าจากการทำกิจกรรมต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น คุณพ่อคุณแม่วัยทำงานหลายคนที่มาออกกำลังกายช่วงพักเที่ยงเพราะไม่อยากให้การออกกำลังกายไปกระทบเวลาของครอบครัว แต่แล้วคนกลุ่มนี้ก็มักพบว่าตัวเองจะเริ่มอ่อนล้าตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม ถ้านี่ฟังดูเหมือนคุณแล้วล่ะก็ ให้ลองเปลี่ยนมาออกกำลังกายช่วงเช้าหรือกลางคืนแทนจะดีกว่า
แนะนำให้คุณลองใช้เวลาพักกลางวันมาอ่านนิตยสารหรือพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานแทน การที่เราทำกิจกรรมโดยไม่หยุดพักติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดความเครียด ซึ่งจะนำไปสู่การทานจุบจิบกลางดึกและยังทำให้อ้วนได้ง่ายอีกด้วย
3. ตื่นตัวที่สุดในช่วงเย็นหรือกลางคืน
การออกกำลังกายตอนกลางคืนเหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
...คุณมักรู้สึกกระฉับกระเฉงและตื่นตัวที่สุดในช่วงเย็นหรือเวลาที่คนอื่นๆ ปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ คุณควรจัดสรรเวลาช่วงเย็นหรือกลางคืนเพื่อมาออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วงเวลานี้จะช่วยลดความเครียดจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน ควบคู่ไปกับการดูแลร่างกายของคุณด้วย นอกจากนี้ การปิดท้ายวันด้วยการออกกำลังกายอย่างหนักนั้นจะช่วยให้คุณหลับสนิทมากขึ้นอีกด้วย
การออกกำลังกายตอนกลางคืนไม่เหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
...คุณรู้สึกเหนื่อยล้าหลังทำงานหรือกิจกรรมมาทั้งวัน ในกรณีนี้ คุณควรพักผ่อนมากกว่าพยายามที่จะออกกำลังกายอย่างหนัก เพราะการออกกำลังกายอย่างหนักในขณะที่คุณเหนื่อยล้าจะเพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายได้ และคุณจำเป็นต้องมีพละกำลังมากๆ สำหรับกิจกรรมที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนัก เป็นต้น แต่ถ้าช่วงเวลานี้เป็นเพียงช่วงเวลาเดียวที่คุณพอจะว่างออกกำลังกายได้ แนะนำให้คุณออกกำลังกายเบาๆ ที่ไม่หนักมาก เช่น การเดิน หรือ เล่นโยคะ แล้วค่อยมาออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือช่วงเวลาที่คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่านี้แทน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
เคล็ดลับดีๆ ของซาแมนธาจะช่วยให้คุณหาเวลาออกกำลังกายที่ใช่คุณได้จริง อีกทั้งยังนำไปทำตามได้ง่าย เธอยังแนะนำทิ้งท้ายอีกว่า “โดยสรุปแล้ว ช่วงเวลาที่เหมาะสมของการออกกำลังกายจะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และตารางเวลาของแต่ละคน ดังนั้นคุณควรเลือกช่วงเวลาให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและวิถีการใช้ชีวิตของตัวคุณเอง ตลอดจนมั่นใจว่าคุณมีพลังงานมากพอสำหรับกิจกรรมการออกกำลังกายที่คุณเลือก จากนั้นก็พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงและกระฉับกระเฉง พร้อมรับทุกสถานการณ์” :: Text by FLASH