“ สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วให้ความสำคัญเรื่อง “ข้าว” มากที่สุด เพราะอาหารทุกมื้อจะต้องมีข้าวเป็นหลัก ดังนั้นจึงต้องเป็นข้าวที่ดีและมีคุณภาพเท่านั้นจึงจะทำให้อาหารมื้อนั้นอร่อยไปด้วย ”
เพราะความเชื่อเช่นนี้ ราศรี ทานากา ประธานกลุ่ม บริษัทฟูจิ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นฟูจิ จึงเดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปบุกเบิกผืนดินที่จังหวัดเชียงรายจำนวนหลายสิบไร่ โดยหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวญี่ปุ่นไว้เมื่อหลายปีก่อนจนสามารถเก็บเกี่ยวและสีข้าว ด้วยกระบวนการพิถีพิถันทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ได้ข้าวญี่ปุ่นที่มีคุณภาพดีมาเสิร์ฟในภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นฟูจิทั่วประเทศ
และด้วยความภาคภูมิใจกับข้าวทุกเมล็ดจากแหล่งกำเนิดที่เชียงราย ฟูจิ กรุ๊ป จึงเชิญเหล่าลูกค้าระดับ top spender ที่มียอดรับประทานอาหารญี่ปุ่นกับที่ร้านไม่ต่ำกว่า2 แสนบาทต่อปี เพื่อไปร่วมสัมผัส“โรงสี ทนา เกรน”ดินแดนผลิตข้าวญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ Fuji Memorable Trip in Chiang Rai โดยมีศุ บุญเลี้ยง ศิลปินนักร้องและนักเขียนมาให้ความบันเทิงตลอดทริปด้วย
ลูกค้าวีไอพีทริปนี้มีด้วยกัน 40 คนตั้งต้นเดินทางจากกรุงเทพฯด้วยเครื่องบินไปยังท่าอากาศยานเชียงราย ทันทีที่พวกเราแตะพื้นดินของเชียงรายก็มุ่งตรงไป วัดพระแก้ว เพื่อเยี่ยมชมและสักการะพระหยกเชียงราย และเข้าชมพิพิธภัณฑ์โฮงหลวงแสงแก้ว ภายในพิพิธภัณฑ์ มีการจัดแสดงพระพุทธรูปสำคัญเก่าแก่หลายองค์ อาทิ พระพุทธศรีเชียงราย พระเจ้าทันใจ พระอู่ทอง ฯลฯ วัดพระแก้วแห่งนี้ นอกจากจะเป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงรายแล้ว ยังเป็นที่ที่ค้นพบพระแก้วมรกตซึ่งปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้ว กรุงเทพมหานคร
ต่อจากนั้นพวกเราได้เดินทางไปยังวัดพระสิงห์ ซึ่งทางฟูจิได้จัดเตรียม “ก๋วย” หรือ ชุดสังฆทานในชุดจักสานไม้ไผ่ ซึ่งเป็นลักษณะการถวายสังฆทาน ตามประเพณีพื้นบ้านทางเหนือ ให้กับพวกเราได้ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์
เที่ยงวันพอดี ได้เวลาอาหารมื้อกลางวันแล้ว จุดหมายของเราคือร้านMelt in your Mouth เพื่อรับประทานอาหารกลางวันในสไตล์ฟิวชั่น ท่ามกลางบรรยากาศ สวนดอกไม้อันสวยงามบนดอย
ส่วนช่วงบ่ายก็แวะอ. แม่ฟ้าหลวง เพื่อเข้าชมพระตำหนักดอยตุงซึ่งเคยเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานสำหรับการทรงงานของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พร้อมทั้งเดินชมหอแห่งแรงบันดาลใจ ห้องแสดงนิทรรศการพระราชกรณียกิจของสมเด็จย่า สัมผัสกับสีสันของดอกไม้นานาพันธุ์เมืองหนาวที่พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง ก่อนจะจบทริปของวันแรกด้วยอาหารมื้อเย็นพื้นเมืองแบบกาดมั่วสร้างความซื่นมื่นหลายแก่แขกทุกคน
เช้าวันที่ 2 พวกเราทุกคนอยู่ในชุดชาวนามารวมพลกันที่ล็อบบี้ของโรงแรม เพราะวันนี้พวกเราจะได้ไปชมกระบวนการผลิตข้าวญี่ปุ่นซึ่งนำมาเสิร์ฟในร้านอาหารฟูจิที่พวกเราทานกันเป็นประจำ
ณ โรงสีข้าวทนา เกรน “นายหญิง” ราศรี ทานากะพร้อมทีมงานมารอต้อนรับลูกค้าวีไอพีด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พิธีเริ่มขึ้นด้วยการเชิญทุกคนช่วยกันมอบทุนการศึกษาให้กับตัวแทนเด็กนักเรียนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย สายตาและรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุขของเด็กนักเรียนตัวน้อยทุกคนที่ได้รับทุน ทำเอาเหล่าคนเมืองอย่างพวกเราปลื้มใจที่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนมอบความสุขให้แก่เด็ก ๆ เหล่านี้
ราศี ได้เล่าถึงที่มาที่ไปของการเกิดโรงสีข้าวแห่งนี้ ว่าต้องการปลูกข้าวญี่ปุ่นเพื่อเอาไว้บริการลูกค้าของภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นฟูจิและ เพื่อเป็นการสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้กับเหล่าเกษตรกรในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง ให้มีความเป็นอยู่ที่ดี โดยโรงสีข้าวรับซื้อผลผลิตข้าวญี่ปุ่นคืนจากเกษตรกรที่รับต้นกล้าพันธุ์ข้าวญี่ปุ่นจากที่นี่ไปปลูกและยังประกัน ราคาเองอย่างเป็นธรรม โรงสีข้าวแห่งนี้ยังได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในการสีและการจัดเก็บข้าวญี่ปุ่ นเพื่อให้ เม็ดข้าวคงคุณค่าทางอาหารไว้อย่างมากที่สุด
“ ถึงแม้วันนี้เราจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว แต่ดิฉันยังมีความตั้งใจจะให้ลูกไร่ของเราต้องกินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนชาวนาญี่ปุ่นด้วย เราจึงเข้าไปช่วยลูกไร่ในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องเทคโนโลยีการปลูกไปจนถึงปัญหาหนี้สิน แต่เราจะเน้นให้พวกเขาต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้”
นอกจากการเยี่ยมโรงสีเพื่อชมขั้นตอนการสีและการจัดเก็บข้าว ในไซโลแล้ว ฟูจิยังได้จัดกิจกรรมการเวิร์คช็อปการทำซูชิญี่ปุ่นจากข้าวกล้องผสมธัญพืชอย่างง่ายๆ โดยได้รับความ สนใจในการร่วมทำกิจกรรมเป็นอย่างดี
ไฮไลต์ของวันนี้ชาวนาจำเป็นทุกคนสนุกและมีความสุขกับการทดลองปลูกข้าวจริง ๆ ตั้งแต่การปักต้นกล้าไปจนถึงการโยนต้นกล้า ที่เรียกเสียงหัวเราะจากชาวกรุงอย่างพวกเราที่ไม่เคยปลูกข้าวมาก่อน
และจากประสบการณ์เป็นชาวนาเพียงครึ่งวัน ที่ต้องดำนาท่ามกลางแสงแดดอันแรงกล้า ทำให้ทุกคนตระหนักว่ากว่าจะได้ข้าวมาสักเมล็ดหนึ่งนั้นช่างเหนื่อยยากสายตัวแทบขาด ดังนั้นพวกเราไม่ควรกินทิ้งกินขว้าง
หลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวัน คืนที่สองก็มีไฮไลต์สุดพิเศษสำหรับลูกค้าวีไอพี คือการไปเยี่ยมชม “หอคำ” ในยามค่ำคืนแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะกรุ๊ปเราเท่านั้น และดินเนอร์มื้อพิเศษในศาลาแก้วท่ามกลางแสงดาวเต็มท้องฟ้า กับอาหารอร่อย ๆ และการแสดงแสงสีเสียงสุดอลังการแบบล้านนา จบลงด้วยเสียงพลุดังกึกก้อง พร้อมกับลูกไฟสีสันสดใสที่กระจายเต็มท้องฟ้าสวยงามจนกลายเป็นความประทับใจของพวกเราไปอีกนาน
วันที่สามจึงเป็นวันสบาย ๆ ที่ปล่อยให้ทุกคนชอปปิ้งได้ตามอัธยาศัยครึ่งวัน และจบลงด้วยการแวะภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นฟูจิ สาขาเซ็นทรัล พลาซ่า เชียงราย เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน โดยฟูจิได้เซอร์ไพรซ์สมาชิกด้วยการเสิร์ฟเมนูโปรดของแต่ละคน ก่อนที่จะได้รับการกล่าวขอบคุณจากผู้บริหารระดับสูง เชฟ และ ทีมงานฟูจิ ทั้งหมด ที่รู้สึกขอบคุณจากใจจริงที่ได้รับการอุปการคุณอย่างดีเสมอมาจากสมาชิกฯ
ตลอดเวลา 3 วัน 2 คืนกับทริป Fuji Memorable Trip in Chiang Rai สร้างความประทับใจอย่างไรบ้าง ลองมาฟังควารมรู้สึกของลูกค้าที่มาทริปนี้กัน
คู่แรกสินชัย-กนกพร วรกิจสมบูรณ์ สองสามีภรรยาซึ่งรับประทานที่ร้านฟูจิมาตั้งแต่เปิดร้านใหม่ ๆ และรับประทานเกือบทุกวัน เผยว่า “ รู้สึกอบอุ่น มีความสุขและประทับใจกับการต้อนรับมาก ชอบสลัดเกือบทุกอย่างโดยเฉพาะยำทูน่า ส่วนสามีชอบเบนโตะเพราะทานแล้วคุ้มมาก”
ส่วนอีกคู่คือ เชิดพล-ภัทรภร สาธิตภัทร เป็นคนชอบอาหารญี่ปุ่นมาก และรับประทานมาหลายร้านจนในที่สุด เมื่อฟูจิเปิดร้านใหม่ ๆ ก็ได้มาชิมจนติดอกติดใจจากนั้นเลยกลายเป็นลูกค้าประจำที่จะต้องมาทานทุกวัน “ที่ผมประทับใจคือผมแพ้ผงชูรสมาก แต่มาทานที่ฟูจิแล้วไม่แพ้แสดงว่าไม่ใช้ผงชูรส ตอนนี้ผมทานที่ฟูจิทุกวันครับ ส่วนมาร่วมทริปนี้ประทับใจมากจนผมแต่งกลอนขอบคุณขึ้นมาให้กับทีมงาน”