“ถ้ารถยนต์เป็นเพชรผมคงเบื่อไปแล้ว เพราะอยากได้แบบไหนเราก็เจียระไนให้เป็นแบบนั้นได้เลย ไม่มีอะไรท้าทาย แต่รถยนต์มันมีดีไซน์ มีพัฒนาการทางเทคโนโลยีและกลไกต่างๆ ให้ได้เรียนรู้ตลอดเวลา ไม่มีทางเบื่อเลยครับ” นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ แชมป์-วิทวัส ชินบารมี หลงใหลยานยนต์อย่างหนัก ถึงขั้นสะสมไว้มากมาย ตั้งแต่ มินิคูเปอร์, เบนซ์, ลัมโบร์กินี, แมคลาเรน, โลตัส ฯลฯ และเขาก็ยังเลือกที่จะทำงานสายนี้อย่างมีความสุขอีกด้วย
แชมป์-วิทวัส ที่วันนี้ไม่ได้มาในฐานะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิชคาร์ จำกัด แต่มาในฐานะคนรักซูเปอร์คาร์ รถคลาสสิก และชื่นชอบที่จะเก็บรถไว้ชื่นชมเป็นสมบัติส่วนตัวมากถึงเกือบ 30 คัน โดยแชมป์เป็นลูกชายคนโตของ เสรี กับ สุนี ชินบารมี ผู้สร้างอาณาจักรนำเข้าซูเปอร์คาร์แบรนด์ดังเพียงเจ้าเดียวในเมืองไทย
หนุ่มหล่อเจ้าของมาดสุขุม หันมายิ้มให้เราก่อนจะพาไปยังโรงเก็บรถที่บ้านพักของเขา เพื่อพูดคุยและบอกเล่าเรื่องราวความรักความชอบของเขา ว่า เติบโตและอยู่ใกล้ชิดกับรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก ได้เห็นการทำงานของผู้เป็นพ่อ ได้คอยตามไปลองรถ ไปติดต่องานกับพ่อ ทำให้ซึมซับโดยไม่รู้ตัว
จากความสนใจสืบทอดรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นความรัก จึงไม่แปลกที่เมื่อจบปริญญาตรี ศิลปศาสตร์การตลาด จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เขาจึงเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวทันที “พ่อไม่ได้บังคับว่าลูกต้องมาช่วยงาน แต่เมื่อผมชอบทางนี้ พ่อก็เต็มใจบอกว่า ไม่ต้องทำที่อื่น ให้มาลองทำของเราเลย เมื่อมาทำแล้วได้เห็นรถมากมาย ได้ศึกษาอย่างจริงจัง ก็ยิ่งรู้สึกยิ่งรักรถมากยิ่งขึ้น”
นอกเหนือจากการทำธุรกิจขายรถนำเข้าแบรนด์ดัง อย่าง ลัมโบร์กินี จากอิตาลี รวมถึง แมคลาเรน และ โลตัส จากอังกฤษแล้ว อีกหนึ่งความสุขของแชมป์ก็คือ การสะสมรถในแบบที่ตัวเองชอบอีกด้วย โดยรถที่เขาสะสมจะเน้นเป็นซูเปอร์คาร์ และรถคลาสสิก ซึ่งแต่ละคันที่เขาซื้อเก็บ ส่วนใหญ่เป็นรถที่ไม่มีขายในท้องตลาดทั่วไป ซึ่งหากมีหลุดเข้ามาในท้องตลาดก็จะซื้อเก็บทันที เสน่ห์รถเก่าที่เขาสะสม นอกจากมีดีไซน์สวยแล้ว ยังต้องใช้ขับในชีวิตประจำวันได้ด้วย โดยเขาให้เหตุผลว่า
“จริงๆ แล้วรถคลาสสิกไม่จำเป็นต้องแพงหรือมียี่ห้อ อย่าง Porsche 964 Targa ชอบเพราะเป็นรถของคุณพ่อคุณแม่ที่เคยใช้งาน ผมไม่คิดจะขาย เอามาดูแลบำรุงซ่อมแซม ก็เป็นรถคลาสสิกของผม แถมยังมีเรื่องราวสำคัญคือ เป็นรถคันแรกของคุณพ่อคุณแม่ผมด้วย รถสะสมของผมไม่หวือหวาแต่เน้นที่ประวัติเครื่องยนต์และการใช้งาน คือยังขับไปไหนมาไหนได้มากกว่าซื้อมาจอดเฉยๆ” แชมป์กล่าว
ขณะที่พูด แชมป์ ยังคงพาเราเดินทัวร์พร้อมๆ กับชี้ชวนให้ดูรถเก่าที่เขาจอดเรียงไว้ทีละคัน และอธิบายคุณสมบัติไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าและแววตามีความสุข มี Mini Rover ซึ่งเป็นรถคันเล็กๆ ที่เก็บมานานกว่า 18 ปีแล้ว ขณะที่ Mercedes benz SL 420 คันขาวชอบที่เครื่องยนต์ โดยรถคันนี้คุณพ่อของเขาเป็นคนเลือกให้
สำหรับ Lamborghini Diablo สีแดง คันนี้ ชอบเพราะประตูกรรไกร, ไฟหน้าแบบ pop up ให้ความรู้สึกคลาสสิก สมัยนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เขาบอกว่าใช้บ่อยหน่อยเพราะเป็นเครื่อง V12 ขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถวิ่งได้ 300 กม./ชม. ในสมัยนั้นคือสุดยอดแล้ว ส่วน Lotus Exige V6 Cup สีเขียวเข้มของเขามีไว้สำหรับแข่งขัน
เมื่อถามถึงคันโปรด แชมป์ยอมรับว่า ตัดสินใจไม่ได้ว่ารักคันไหนมากเป็นที่สุด เนื่องจากรถที่สะสมทุกคันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าราคา รวมถึงประวัติของรถแต่ละคันล้วนแต่มีคุณค่าในตัวเอง “ผมไม่ได้หลงแค่ดีไซน์หรือเทคโนโลยีของเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ผมชอบศึกษาว่ารถแต่ละสมัย พัฒนาได้ดีสุดอยู่ตรงไหน และความสามารถของรถแต่ละคัน แต่ละยี่ห้อมันได้แค่ไหน เมื่อเราได้ขับแล้ว อารมณ์ตอนได้นั่งมันเหมือนพาผมย้อนกลับเข้าไปสู่ยุคนั้นได้จริงๆ ได้รับรู้อารมณ์ของคนสมัยนั้นว่า เขาเลือกรถคันนี้เพราะอะไร” แชมป์กล่าวด้วยสีหน้าอิ่มสุข เมื่อได้พูดถึงรถเก่าแต่ละยุค
ด้วยวัยเพียง 34 ปี กับไลฟ์สไตล์ของสะสมที่ดูจะเกินวัย ทำให้เราอดถามถึงความชอบอื่นๆ ของหนุ่มคนนี้ไม่ได้ “แชมป์” หัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกว่า เรือยอชต์ ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เขาชอบและสะสม ซึ่งแน่นอนว่าทั้งรถและเรือจะพาให้เขาได้ท่องเที่ยวไปที่ต่างๆ ที่เขาชอบ
ก่อนอำลาจากกัน เราอดย้อนถามถึงธุรกิจในความดูแลของเขาไม่ได้ ซึ่งแชมป์บอกว่าเป็นที่น่าพอใจ ปัญหาและอุปสรรคอาจมีบ้าง แต่เขาไม่เคยเก็บมาคิดให้เครียด พยายามหาทางแก้ไขให้เสร็จในแต่ละวันไป ส่วนอนาคตอันใกล้ อาจมีการขยายไลน์ออกไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย
เรื่อง : วรกัญญา
ช่างภาพ : พลภัทร วรรณดี