>>เอ่ยชื่อ “พอล สุจริตกุล” เขาอาจไม่ใช่หนุ่มสังคมคนดัง แต่เชื่อว่าชื่อของเขาคงพอจะคุ้นหูหรือผ่านตาใครหลายคนมาไม่น้อย เพราะเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ชื่อของเขากลายเป็นที่พูดถึงในฐานะผู้ที่มีโอกาสสัมภาษณ์เจ้าชายอับดุล มาทีน แห่งราชวงศ์บรูไน เจ้าชายสุดฮอตที่กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในหมู่สาวไทย ขณะที่พระองค์เสด็จเข้าร่วมการแข่งขันโปโล All Asia Cup 2016 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในครั้งนั้นชื่อของพอล อาจเป็นเพียงไม้ประดับบนโลกโซเชียล แต่หากได้ทำความรู้จักกับตัวตนของหนุ่มคนนี้อย่างลึกซึ้ง จะพบว่าเขาก็เป็นอีกหนึ่งหนุ่มมาดเซอร์ที่สาวๆ ไม่น้อยต้องยอมเทหัวใจให้กับความขี้เล่น มีเสน่ห์ ของเขา
ด้วยคาแรกเตอร์ที่ดูเป็นหนุ่มเซอร์ อารมณ์ศิลปิน ไม่น่าเชื่อว่า งานหลักที่พอลทำมาต่อเนื่องถึง 4 ปีแล้วนั่นคือ การเป็น English Communication Coach หรือโค้ชด้านภาษาอังกฤษ ลูกค้าราว 95% ของเขาเป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ส่วนอีก 5% เป็นคนไทย พอลบอกว่าลูกค้าของเขาแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยแข็งแรงและต้องการพัฒนา กับกลุ่มที่ภาษาอังกฤษแข็งแรงแต่ต้องการเรียนรู้การสื่อสารข้ามวัฒนธรรมอย่างมีประสิทธิผล
“ทุกวันนี้ผมมีลูกค้าที่ดูแลอยู่ประมาณ 18 คน ตารางการสอนของผมแน่นเอี้ยดทุกวัน จันทร์ถึงอาทิตย์ ผมดูแลลูกค้าทุกคนด้วยตัวเอง ถึงจะเป็นงานที่ต้องใช้พลังไม่น้อย แต่ผมก็มีความสุข เพราะอย่างน้อยผมได้เป็นนายตัวเอง สามารถจัดสรรเวลาที่จะไปทำในสิ่งที่เราสนใจได้นอกเหนือจากงานประจำ ทุกวันนี้ผมมีหลายบทบาท นอกจากเป็นโค้ชภาษาอังกฤษ ด้วยความที่มีใจรักในงานเขียน ผมยังเป็น contributor เขียนเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของผู้ชาย นอกจากนี้ ผมยังทำเว็บไซต์ของตัวเองชื่อว่า www.oldboytradingco.com หรือ Instagram: @oldboytradingco สำหรับขายสินค้าวินเทจออนไลน์”
เมื่อย้อนวันวานไปถึงเส้นทางชีวิตก่อนจะเข้ามาโลดแล่นในฐานโค้ชภาษาอังกฤษ พอลบอกเล่าอย่างเป็นกันเองว่า หลังจากเรียนจบไฮสคูลที่โรงเรียนนานาชาติไอเอสบี เขาก็ลัดฟ้าไปเรียนต่อด้านบิสซิเนสที่สหรัฐอเมริกา และเริ่มต้นทำงานที่สหรัฐฯ ก่อนตันสินใจเดินทางกลับมาเมืองไทย
“ผมอาจจะรู้ตัวช้าไปหน่อยว่าตัวเองชอบและอยากทำอะไร ด้วยความเป็นเด็ก ตอนนั้นผมรู้แต่ว่าสนใจด้านศิลปะ แต่ไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน ประกอบกับทางบ้านอยากให้เรียนด้านบิสซิเนส ผมก็เลยเบนเข็มมาเรียนทางนี้ เพราะคิดว่าถ้าในอนาคตมีพื้นฐานด้านบิสซิเนสติดตัวไว้ก็คงจะดี ช่วงที่ผมเรียนจบเป็นช่วงวิกฤตการเงินพอดี หางานทำค่อนข้างยาก แต่ผมยังโชคดีที่ได้งานที่บริษัทเทรนนิ่งแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเขากำลังมองหาคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาในสองวัฒนธรรม เพื่อเข้าไปเทรนชาวต่างชาติที่ต้องมาทำงานในเอเชีย ผมเองในฐานะเป็นเด็กเอเชียที่ได้มาเรียนต่างประเทศเลยมีคุณสมบัติเข้าข่าย และได้มาทำงานนี้ ผมทำอยู่ 3 ปี ก็ย้ายกลับมาทำต่อที่บริษัทลูกที่เมืองไทยอีก 2 ปี จนในที่สุดตัดสินใจมาทำของตัวเอง และกลายเป็นงานหลักของผมในตอนนี้”
มาถึงวันนี้ หากมองจากจุดที่ยืนกลับไปเมื่อครั้งวันวาน ถามว่ายังหวนคิดถึงความรักในศิลปะที่มีหรือไม่ พอลยอมรับตรงๆ ว่าเสียดาย แต่สิ่งที่เป็นทุกวันนี้ก็ไม่ได้เสียหาย เขามีความสุขกับงานที่ทำ และยังได้นำความชอบด้านศิลปะที่มีมาใช้ในหลายๆ งาน ทั้งการออกแบบหน้าเว็บไซต์ ทำแบรนด์ของตัวเอง
“ผมเชื่อว่าชีวิตคนเรามีเส้นทางของตัวเอง อย่างงานที่ผมทำทุกวันนี้ ผมเองก็ไม่เคยคิดจะมาทำ แต่พอได้มาทำก็รู้สึกว่าเหมาะกับผม บางครั้งคนเราอาจจะชอบอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำสิ่งนั้นได้ดีเสมอไป บางครั้งสิ่งที่เราไม่เคยคิดจะทำเลย อาจเป็นสิ่งที่เราทำได้ดีด้วยซ้ำ”
หนุ่มรุ่นใหม่ผู้กำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเอง ยังเผยถึงอนาคตที่วาดฝันด้วยแววตาที่มุ่งมั่นว่า เขาเลือกจะมีความสุขกับปัจจุบันไม่ได้คิดไกลว่า ธุรกิจต้องเติบโตมีบริษัทใหญ่โต เพราะรู้นิสัยตัวเองดีว่าเป็นคนที่มีความสนใจหลากหลาย เวลาสนใจอะไรก็จะทุ่มเทเวลาให้อย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ปิดโอกาสของตัวเอง ในทางกลับกัน เขาเลือกที่จะเปิดประตูแห่งโอกาสในชีวิตให้กว้าง เพื่อพร้อมรับกับสิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้ามา
อย่างไรก็ตามถึงจะดูเป็นหนุ่มอารมณ์ดี พลังเยอะ แถมช่างเจรจาแบบนี้ แต่พอลยอมรับว่า พอปิดสวิตช์โหมดทำงานในแต่ละวันเมื่อไหร่ เขาก็แทบหมดแรง จนไม่อยากไปสังสรรค์ที่ไหน เขาเลือกที่จะมีความสุขกับการอยู่เงียบๆ คนเดียว และพาตัวเองล่องลอยไปในจินตนาการกับหนังสือเล่มโปรด
“ผมชอบอ่านหนังสือแนวประวัติศาสตร์ ชอบดูสารคดี ถึงบางครั้งเนื้อหาจะหนัก แต่สำหรับผม นี่คือการผ่อนคลาย บางครั้งผมก็ต่อยอดความชอบในของโบราณไปสู่การท่องโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อตามหาของวินเทจ บางชิ้นได้มาก็สะสมไว้เอง บางครั้งก็นำไปขายต่อ ถือเป็นความสุขง่ายๆ ที่อยู่ในโลกส่วนตัวของผม”
อีกหนึ่งความสุขที่สัมผัสได้ของพอล ซึ่งไม่ต่างจากชายหนุ่มทั่วไปคือ รถ พอลเป็นหนุ่มรุ่นใหม่ที่หลงใหลในรถโบราณ รถคลาสสิก เขาบอกว่าก่อนหน้านี้เขามีรถคลาสสิก Toyota Celica TA23 ปี 1976 คันโปรด ที่ชอบนำออกมาขับกินลมเล่น แต่โชคไม่ดีเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้รถเข้าอู่เลยต้องพักยาวไป อย่างไรก็ตามแม้ความสุขของชีวิตในส่วนนี้จะต้องพับไปก่อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตของหนุ่มมาดเซอร์ขาดสีสัน เพราะเขาสารภาพตามตรงว่า ตอนนี้เวลาส่วนหนึ่งต้องสงวนไว้ให้กับการดินเนอร์กับคนรุ่นใจ เจอออกตัวมาขนาดนี้ ถึงจะไม่ขอให้ระบุชื่อคนรู้ใจออกสื่อ แต่อย่างน้อยก็ต้องให้หนุ่มพอลเฉลยถึงสเปกสาวที่ชอบให้สาวๆ ได้รู้ส่งท้าย
งานนี้หนุ่มสุดเซอร์กล่าวทิ้งท้ายอย่างหวานซึ้งชวนเคลิ้มว่า “ผมชอบผู้หญิงที่เป็นธรรมชาติครับ ไม่ต้องใส่บิ๊กอายหรือทำสวยด้วยวิธีใดๆ เพราะผมไม่ได้ชอบผู้หญิงที่ความสวย ที่มองกันไปนานๆ อาจเบื่อ หรือร่วงโรยตามกาลเวลา ผมชอบผู้หญิงที่มีเสน่ห์เพราะเป็นสิ่งที่ตรึงใจได้นาน คำว่ามีเสน่ห์ของผม เธออาจจะไม่ใช่คนที่สวยที่สุดในห้อง แต่สามารถทำให้ผมหยุดมองที่เธอเท่านั้นได้”
ขอขอบคุณ ร้าน Jonathan Adler สาขา Central world เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายภาพ