โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
องค์กรต่างๆ ที่เชิญไปบรรยายมักหาหัวข้อที่เหมาะกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่หรือให้เข้ากับสมาชิกในหน่วยงาน ดังนั้นก่อนบรรยายทุกเวทีผมจะต้องทำการบ้านทุกครั้งในเรื่องรายละเอียดขององค์กรที่เชิญ ด้วยศาสตร์อายุรวัฒน์ไม่จำกัดเฉพาะสุขภาพ หากแต่รวมถึงความสุข, บุคลิกภาพ และการเรียนรู้ชีวิตที่ควรทราบจึงทำให้ได้รับโจทย์หัวข้อบรรยายแบบต่างๆ ซึ่งหลายเรื่องไม่ใช่สุขภาพอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องการใช้ชีวิต
ตลอดเวลาที่เป็นวิทยากรมาได้พบเจอหัวข้อน่าสนใจที่ผู้จัดหามาให้อยู่เสมอ
เป็นต้นว่าให้คุยเรื่องความขัดแย้งในหน้าที่โดยที่ไม่ผิดกฎบ้านเมืองที่ต้องรักษาไว้ ยกตัวอย่าง ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ตรวจการและอีกฝ่ายเป็นผู้ถูกตรวจ ซึ่งจะต้องพูดให้ทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจและก็ยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ หรือสถาบันที่เกี่ยวกับการแสดงขอคิวให้ไปพูดกับน้องๆ ที่มาแข่งเรียลลิตี้รายการหนึ่ง เพื่อให้ได้ทั้งสุขภาพและกำลังใจออกแนว motivation บวก health ไปในตัว
รู้สึกสนุกเพราะได้พบกับเรื่องดีๆ ในทุกวันทุกคิวงานที่ไปบรรยายครับ
เป็นเพราะผู้ฟังทุกท่านล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ และผ่านงานมามากเลยได้คุยกันสนุก
ตัวผมเองเคยทำงานมาทั้งในวงการราชการและเอกชน เลยเข้าใจดีว่าพี่ๆ ทุกท่านต้องผ่านทั้งสุขและทุก, ความสนุก และอุปสรรค ซึ่งที่แน่ๆ คือ “รอยยิ้มและคราบน้ำตา”
ขอให้ภูมิใจว่านั่นคือ สิ่งที่ “คนทำงานจริง” ต้องเจอครับ
คนไม่ทำงานจะไม่ได้รับความแกร่งอันมีค่านี้
ซึ่งทางหนึ่งที่จะช่วยให้หัวใจเรา “แกร่ง” และ “แรงไม่ตก” ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดังมีแนวทางจาก American Psychological Association(APA) ที่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ใช้ชื่อฝรั่งว่าการสร้าง “เรซิลเลียนส์(Resilience)” ซึ่งถ้าแปลแบบนักวิชาการ ก็จะได้ว่าความสามารถในการปรับตัวรับอุปสรรค และความทุกข์ต่างๆ ซึ่งเข้ามาในชีวิตแล้วกลับมาเป็นปกติได้
แต่แปลง่ายๆ สไตล์อายุรวัฒน์ก็คือ ศักยภาพในการปรับตัวรับปัญหาชีวิตนั่นเอง ซึ่งผมขอนำมาปรับเป็นแบบไทยๆ เรียกว่าการใช้เทคนิคในแนวอายุรวัฒน์ในการสร้าง “เพชร” ขึ้นมาในตัวเรา เพราะผมเชื่อว่าในตัวทุกท่านมีเพชรน้ำหนึ่งแห่งชีวิตอยู่ทุกคน แค่อาศัยเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะให้ไว้ เพื่อเจียระไนเพชรดิบให้ออกมาระยับแสงให้โลกเห็น
มีวิธีสร้างเพชรที่ทุกท่านทำได้เองง่ายๆ ในวันนี้ครับ
>>10 วิธีพบทางแกร่งก่อนหมดแรง
1) สร้างเครือข่าย โดยเครือข่ายสำคัญที่ควรให้แกร่งไว้ก่อนที่จะก้าวไปที่เครือข่ายการงานหรือธุรกิจที่ปรารถนาคือ ความสัมพันธ์ในครอบครัวบ้านรวมถึง “เพื่อนร่วมงาน” และเมื่อถึงเวลาก็ขอให้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มคนที่เขารักเราเหล่านั้น
การเข้าร่วมกับองค์กรและสมาคมใดๆ ที่ช่วยเหลือสังคมก็เป็นการดี ขออย่าลืมว่าการสร้างเครือข่ายที่ดีคือ การช่วยเหลือคนอื่นในเวลาที่เขาต้องการครับ
2) เห็นความสบายในอุปสรรค เคยรู้สึกเบื่อกับความเปลี่ยนแปลงใช่ไหมครับ บางทีเรื่องนี้ทำให้เครียดด้วยซ้ำ แต่มีวิธีหนึ่งที่รับมือกับความรู้สึกนี้ได้คือ ให้รู้สึกว่า “ปัญหาคือเรื่องธรรมดาของชีวิต” ให้คิดว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เช่นเดียวกับท่านผู้อ่านที่เกิดมาเพื่อความพร้อมและสมบูรณ์แบบ
มนุษย์เราก็เกิดมาเพื่อรับปัญหาเช่นกัน เพราะฉะนั้นอยู่ที่การมองอุปสรรคนั้นแล้วว่าท่านจะมองให้มันเป็นสิ่งฉุดชีวิต หรือช่วยให้ท่านก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างภูมิใจในตัวเองครับ
3) รักความเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องท้าทายที่ทุกท่านทำได้ เพราะในโลกนี้มีสิ่งหนึ่งที่แยกคนเก่งออกมานั่นคือความสามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง หรือพูดง่ายๆ ว่าอยู่ไหนก็อยู่ได้ ให้ทำอะไรก็ทำได้ ไม่เกี่ยงงอนไว้ก่อน
คนที่มีทัศนคติเช่นนี้ในชีวิตจะเป็นคนเก่งที่แกร่งครับ เพราะถ้าเราไม่ใส่ใจในความเปลี่ยนรอบตัวมากเราก็จะมีใจที่ใช้โฟกัสกับเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น โดยไม่ถูกดูดพลังไปเสียก่อนจากความหัวเสียกับความเปลี่ยนแปลงรอบตัวครับ
4) สร้างแรงพุ่งสู่เป้า ความแรงของการออกตัวในแต่ละคนในตอนแรก อาจไม่ใช่เครื่องวัดความสำเร็จ เพราะคนที่ออกตัวแรงคราแรกอาจ “แรงตก” ในตอนปลายก็ได้ ส่วนคนที่ดูเรื่อยๆ อาจกลับกลายเป็นม้ามืดในโค้งสุดท้ายโดยเฉพาะในคนที่ทำตัว “เสมอต้นเสมอปลาย” ครับ
โดยเทคนิคสร้างแรงในข้อนี้คือ ให้ทำภารกิจไปทีละขั้นทีละตอนแม้จะดูเล็กน้อยก็ตาม แต่การแบ่งความสำเร็จเป็นขั้นเล็กก็เหมือนกับบันไดที่แม้จะก้าวทีละขั้น แต่ที่สุดก็ถึงจุดหมายเหมือนกันไม่ใช่หรือครับ
5) หาโอกาสในตัวเรา เช่นเดียวกับการมองปัญหา เทคนิคคืออย่าให้อารมณ์นำทางตัวเรา ให้เข้าใจว่าเรามีโอกาสเท่าๆ กับคนอื่นเขาครับ ดังที่เล่าไว้ตอนต้นว่าทุกเทคนิคที่นำมาได้เลือกและปรับให้ลงมือทำได้ไม่ติดทฤษฏีนัก
อย่างในเรื่องนี้วิธีหาโอกาสในตัวเองก็คือ การมองปัญหา หรือแม้แต่เรื่องร้ายแรงคอขาดบาดตายที่สุดให้เป็นโอกาสในการที่จะพัฒนาตัวเอง ซึ่งคนเราทุกคนมีเวลาที่รู้สึก “อ่อนแรง” ลงมาได้ครับ แค่ขอให้อย่าเลยเถิดไปถึง “อ่อนแอ” เพราะมันจะดึงพลังชีวิตเราออกมากเกินไปครับ
6) เข้าใจองค์กร ถ้าเข้าใจด้วยการมี “วิธีคิดที่ดี” ได้ท่านจะมีความสุขและมีแรงไม่หยุดในการทำงานครับ ซึ่งคนที่หมดแรงทำงานลงง่ายๆ หรือหมดไฟลงดื้อๆ นั้น ต้องลองย้อนกลับไปถามตัวเองตอนหายเหนื่อยว่าเราได้ใส่ความรักลงในงานนั้นพอหรือยัง
เพราะความเหนื่อยอาจทำให้เราท้อได้เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพียงแค่ท้อหรือเหนื่อยก็หยุดแต่ขอ อย่าเพิ่ง “เลิก” เพราะสิ่งที่ท่านทำมามันไม่ธรรมดา เป็นเรื่องน่าทึ่งที่ท่านทำประโยชน์ให้โลก ดังนั้นการสร้างวิธีคิดที่เอาใจองค์กรมาใส่ตัวเรา ก็เป็นทางหนึ่งที่ช่วยดึงเพชรในตัวท่านออกมาครับ
7) ย้อนสร้างความสุข กฎง่ายๆ ที่บางครั้งพื้นฐานเสียจนถูกลืมไปก็คือ เราทำอะไรไว้เราก็จะได้สิ่งนั้นตอบแทน ถ้าเราอยากได้พบกับความสุขก็คืนความสุขให้กับสังคมก่อน ไม่ต้องอะไรมาก แค่ให้ความสุขกับคนใกล้ตัวก่อนก็ช่วยได้มากครับ
แล้วถ้ายังมีแรงอยู่ก็ก้าวไปช่วยสังคมต่อไป ให้เพื่อนมนุษย์ท่านอื่นๆ มีความสุขแล้วด้วยกฎแห่ง “บุญสนอง” จะช่วยให้ตัวท่านจะได้สมปรารถนาโดยในบางคราวอาจคาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำครับ
8) สนุกกับอนาคต เรื่องนี้มีวิธีฝึกเพื่อให้เกิดเพชรในตัวขึ้นมาง่ายๆ คือ เมื่อไรที่ท่านพบพานสถานการณ์ตึงเครียดและเรื่องไม่ปรารถนา ขอให้ท่านมองไปยังอนาคตไกลๆ แล้วมองออกนอกตัวเองไปว่าถ้าเราเป็นคนอื่นในขณะนั้นจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
เรื่องนี้ฟังดูเหมือนยาก แต่หากฝึกแล้วจะค่อยๆ ทำได้แล้วจะ “ถอดใจ” แยกออกมาจากความเครียดได้มาก ขอให้ลองค่อยทำไปแล้วรับรองว่าทุกท่านเก่งแน่ครับ
9) จดสิ่งที่เกิด บันทึกเรื่องราวที่เกิดไว้ในกระดาษหรือหน้าจอแท็บเล็ตของท่าน จะได้ไม่เหลือที่ว่างในหัวใจให้เก็บเรื่องลบ ขอให้จบอยู่ที่หน้ากระดาษเท่านั้นแล้วหัวใจจะได้มีที่เก็บภาพที่สวยงามและเรื่องราวชวนให้สดชื่นหัวใจไว้
ขอท่านที่รักลองรับปัญหาอย่างรู้สึกกระตือรือร้น เป็นต้นว่าสร้างความรู้สึกว่าเป็นโจทย์ชีวิตที่น่าคิด ท้าทาย และน่าลองแก้ดูว่าจะเกินมือเราหรือไม่ ฝึกไว้บ่อยๆ แล้วเราจะสบตากับปัญหาได้ง่ายขึ้นครับ
10) เปิดหัวใจสู่มุมมองใหม่ ในโลกกว้างนี้มีสิ่งสวยงามให้พักตาพักสมองอยู่มาก หากเหนื่อยก็ต้อง “พัก” ครับ ขอให้ได้พักอย่างแท้จริงแล้วมองดูสิ่งต่างๆ รอบตัวแล้วหันมาดู “ในตัว” โดยเฉพาะดวงจิตของเราบ้าง
ถ้าเป็นทางพระท่านก็ว่าให้ดูที่ตั้งของจิต ซึ่งเรื่องนี้เราชาวพุทธมีภาษีดีกว่าทฤษฏีของฝรั่งมาก เพราะฝรั่งว่าให้สะกดจิตตัวเองให้เห็นในสิ่งที่ปรารถนาเพื่อให้กลบความกังวลเฉพาะหน้า
ทว่าทางพระเราท่านมีวิธีที่แก้ได้หมดจดกว่าคือ ให้เห็นในปัจจุบันนั้นแล้วตัดที่เหตุแห่งทุกข์ ซึ่งแค่คำสั้นๆ นี้ก็มีทางให้เราฝึกกันได้ยาวแล้วครับ
ทั้งหมดนี้ย้ำอีกทีว่าผมได้ปรับมาจากทฤษฏีแล้วผสานกับสิ่งที่ได้พบเห็นจากชีวิตการไปบรรยายตามองค์กรต่างๆมาตลอด โดยสรุปหัวใจที่อยากฝากไว้ให้กับเพชรน้ำหนึ่งทุกท่านก็คือ “การไม่ปิดตัวเอง” และ “เปิดหัวใจสู่โลกกว้าง” คือ เข้าใจทั้งตัวองค์กรที่ทำงานและเพื่อนร่วมงาน จะเป็นการสร้างความสุขใหักับตัวเองอย่างสำเร็จรูปครับ
ข้อสรุปที่เป็นวลีสั้นๆ นี้ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องอย่างไม่ท้อ โดยขอให้รู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่สูญเปล่าแน่นอนและรางวัลที่ชื่นใจนั้นจะได้กับผู้ที่ฝึก
ให้หัวใจเป็นเพชรแบบอายุรวัฒน์ครับ
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
องค์กรต่างๆ ที่เชิญไปบรรยายมักหาหัวข้อที่เหมาะกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่หรือให้เข้ากับสมาชิกในหน่วยงาน ดังนั้นก่อนบรรยายทุกเวทีผมจะต้องทำการบ้านทุกครั้งในเรื่องรายละเอียดขององค์กรที่เชิญ ด้วยศาสตร์อายุรวัฒน์ไม่จำกัดเฉพาะสุขภาพ หากแต่รวมถึงความสุข, บุคลิกภาพ และการเรียนรู้ชีวิตที่ควรทราบจึงทำให้ได้รับโจทย์หัวข้อบรรยายแบบต่างๆ ซึ่งหลายเรื่องไม่ใช่สุขภาพอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องการใช้ชีวิต
ตลอดเวลาที่เป็นวิทยากรมาได้พบเจอหัวข้อน่าสนใจที่ผู้จัดหามาให้อยู่เสมอ
เป็นต้นว่าให้คุยเรื่องความขัดแย้งในหน้าที่โดยที่ไม่ผิดกฎบ้านเมืองที่ต้องรักษาไว้ ยกตัวอย่าง ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ตรวจการและอีกฝ่ายเป็นผู้ถูกตรวจ ซึ่งจะต้องพูดให้ทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจและก็ยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ หรือสถาบันที่เกี่ยวกับการแสดงขอคิวให้ไปพูดกับน้องๆ ที่มาแข่งเรียลลิตี้รายการหนึ่ง เพื่อให้ได้ทั้งสุขภาพและกำลังใจออกแนว motivation บวก health ไปในตัว
รู้สึกสนุกเพราะได้พบกับเรื่องดีๆ ในทุกวันทุกคิวงานที่ไปบรรยายครับ
เป็นเพราะผู้ฟังทุกท่านล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ และผ่านงานมามากเลยได้คุยกันสนุก
ตัวผมเองเคยทำงานมาทั้งในวงการราชการและเอกชน เลยเข้าใจดีว่าพี่ๆ ทุกท่านต้องผ่านทั้งสุขและทุก, ความสนุก และอุปสรรค ซึ่งที่แน่ๆ คือ “รอยยิ้มและคราบน้ำตา”
ขอให้ภูมิใจว่านั่นคือ สิ่งที่ “คนทำงานจริง” ต้องเจอครับ
คนไม่ทำงานจะไม่ได้รับความแกร่งอันมีค่านี้
ซึ่งทางหนึ่งที่จะช่วยให้หัวใจเรา “แกร่ง” และ “แรงไม่ตก” ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดังมีแนวทางจาก American Psychological Association(APA) ที่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ใช้ชื่อฝรั่งว่าการสร้าง “เรซิลเลียนส์(Resilience)” ซึ่งถ้าแปลแบบนักวิชาการ ก็จะได้ว่าความสามารถในการปรับตัวรับอุปสรรค และความทุกข์ต่างๆ ซึ่งเข้ามาในชีวิตแล้วกลับมาเป็นปกติได้
แต่แปลง่ายๆ สไตล์อายุรวัฒน์ก็คือ ศักยภาพในการปรับตัวรับปัญหาชีวิตนั่นเอง ซึ่งผมขอนำมาปรับเป็นแบบไทยๆ เรียกว่าการใช้เทคนิคในแนวอายุรวัฒน์ในการสร้าง “เพชร” ขึ้นมาในตัวเรา เพราะผมเชื่อว่าในตัวทุกท่านมีเพชรน้ำหนึ่งแห่งชีวิตอยู่ทุกคน แค่อาศัยเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะให้ไว้ เพื่อเจียระไนเพชรดิบให้ออกมาระยับแสงให้โลกเห็น
มีวิธีสร้างเพชรที่ทุกท่านทำได้เองง่ายๆ ในวันนี้ครับ
>>10 วิธีพบทางแกร่งก่อนหมดแรง
1) สร้างเครือข่าย โดยเครือข่ายสำคัญที่ควรให้แกร่งไว้ก่อนที่จะก้าวไปที่เครือข่ายการงานหรือธุรกิจที่ปรารถนาคือ ความสัมพันธ์ในครอบครัวบ้านรวมถึง “เพื่อนร่วมงาน” และเมื่อถึงเวลาก็ขอให้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มคนที่เขารักเราเหล่านั้น
การเข้าร่วมกับองค์กรและสมาคมใดๆ ที่ช่วยเหลือสังคมก็เป็นการดี ขออย่าลืมว่าการสร้างเครือข่ายที่ดีคือ การช่วยเหลือคนอื่นในเวลาที่เขาต้องการครับ
2) เห็นความสบายในอุปสรรค เคยรู้สึกเบื่อกับความเปลี่ยนแปลงใช่ไหมครับ บางทีเรื่องนี้ทำให้เครียดด้วยซ้ำ แต่มีวิธีหนึ่งที่รับมือกับความรู้สึกนี้ได้คือ ให้รู้สึกว่า “ปัญหาคือเรื่องธรรมดาของชีวิต” ให้คิดว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เช่นเดียวกับท่านผู้อ่านที่เกิดมาเพื่อความพร้อมและสมบูรณ์แบบ
มนุษย์เราก็เกิดมาเพื่อรับปัญหาเช่นกัน เพราะฉะนั้นอยู่ที่การมองอุปสรรคนั้นแล้วว่าท่านจะมองให้มันเป็นสิ่งฉุดชีวิต หรือช่วยให้ท่านก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างภูมิใจในตัวเองครับ
3) รักความเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องท้าทายที่ทุกท่านทำได้ เพราะในโลกนี้มีสิ่งหนึ่งที่แยกคนเก่งออกมานั่นคือความสามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง หรือพูดง่ายๆ ว่าอยู่ไหนก็อยู่ได้ ให้ทำอะไรก็ทำได้ ไม่เกี่ยงงอนไว้ก่อน
คนที่มีทัศนคติเช่นนี้ในชีวิตจะเป็นคนเก่งที่แกร่งครับ เพราะถ้าเราไม่ใส่ใจในความเปลี่ยนรอบตัวมากเราก็จะมีใจที่ใช้โฟกัสกับเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น โดยไม่ถูกดูดพลังไปเสียก่อนจากความหัวเสียกับความเปลี่ยนแปลงรอบตัวครับ
4) สร้างแรงพุ่งสู่เป้า ความแรงของการออกตัวในแต่ละคนในตอนแรก อาจไม่ใช่เครื่องวัดความสำเร็จ เพราะคนที่ออกตัวแรงคราแรกอาจ “แรงตก” ในตอนปลายก็ได้ ส่วนคนที่ดูเรื่อยๆ อาจกลับกลายเป็นม้ามืดในโค้งสุดท้ายโดยเฉพาะในคนที่ทำตัว “เสมอต้นเสมอปลาย” ครับ
โดยเทคนิคสร้างแรงในข้อนี้คือ ให้ทำภารกิจไปทีละขั้นทีละตอนแม้จะดูเล็กน้อยก็ตาม แต่การแบ่งความสำเร็จเป็นขั้นเล็กก็เหมือนกับบันไดที่แม้จะก้าวทีละขั้น แต่ที่สุดก็ถึงจุดหมายเหมือนกันไม่ใช่หรือครับ
5) หาโอกาสในตัวเรา เช่นเดียวกับการมองปัญหา เทคนิคคืออย่าให้อารมณ์นำทางตัวเรา ให้เข้าใจว่าเรามีโอกาสเท่าๆ กับคนอื่นเขาครับ ดังที่เล่าไว้ตอนต้นว่าทุกเทคนิคที่นำมาได้เลือกและปรับให้ลงมือทำได้ไม่ติดทฤษฏีนัก
อย่างในเรื่องนี้วิธีหาโอกาสในตัวเองก็คือ การมองปัญหา หรือแม้แต่เรื่องร้ายแรงคอขาดบาดตายที่สุดให้เป็นโอกาสในการที่จะพัฒนาตัวเอง ซึ่งคนเราทุกคนมีเวลาที่รู้สึก “อ่อนแรง” ลงมาได้ครับ แค่ขอให้อย่าเลยเถิดไปถึง “อ่อนแอ” เพราะมันจะดึงพลังชีวิตเราออกมากเกินไปครับ
6) เข้าใจองค์กร ถ้าเข้าใจด้วยการมี “วิธีคิดที่ดี” ได้ท่านจะมีความสุขและมีแรงไม่หยุดในการทำงานครับ ซึ่งคนที่หมดแรงทำงานลงง่ายๆ หรือหมดไฟลงดื้อๆ นั้น ต้องลองย้อนกลับไปถามตัวเองตอนหายเหนื่อยว่าเราได้ใส่ความรักลงในงานนั้นพอหรือยัง
เพราะความเหนื่อยอาจทำให้เราท้อได้เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพียงแค่ท้อหรือเหนื่อยก็หยุดแต่ขอ อย่าเพิ่ง “เลิก” เพราะสิ่งที่ท่านทำมามันไม่ธรรมดา เป็นเรื่องน่าทึ่งที่ท่านทำประโยชน์ให้โลก ดังนั้นการสร้างวิธีคิดที่เอาใจองค์กรมาใส่ตัวเรา ก็เป็นทางหนึ่งที่ช่วยดึงเพชรในตัวท่านออกมาครับ
7) ย้อนสร้างความสุข กฎง่ายๆ ที่บางครั้งพื้นฐานเสียจนถูกลืมไปก็คือ เราทำอะไรไว้เราก็จะได้สิ่งนั้นตอบแทน ถ้าเราอยากได้พบกับความสุขก็คืนความสุขให้กับสังคมก่อน ไม่ต้องอะไรมาก แค่ให้ความสุขกับคนใกล้ตัวก่อนก็ช่วยได้มากครับ
แล้วถ้ายังมีแรงอยู่ก็ก้าวไปช่วยสังคมต่อไป ให้เพื่อนมนุษย์ท่านอื่นๆ มีความสุขแล้วด้วยกฎแห่ง “บุญสนอง” จะช่วยให้ตัวท่านจะได้สมปรารถนาโดยในบางคราวอาจคาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำครับ
8) สนุกกับอนาคต เรื่องนี้มีวิธีฝึกเพื่อให้เกิดเพชรในตัวขึ้นมาง่ายๆ คือ เมื่อไรที่ท่านพบพานสถานการณ์ตึงเครียดและเรื่องไม่ปรารถนา ขอให้ท่านมองไปยังอนาคตไกลๆ แล้วมองออกนอกตัวเองไปว่าถ้าเราเป็นคนอื่นในขณะนั้นจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
เรื่องนี้ฟังดูเหมือนยาก แต่หากฝึกแล้วจะค่อยๆ ทำได้แล้วจะ “ถอดใจ” แยกออกมาจากความเครียดได้มาก ขอให้ลองค่อยทำไปแล้วรับรองว่าทุกท่านเก่งแน่ครับ
9) จดสิ่งที่เกิด บันทึกเรื่องราวที่เกิดไว้ในกระดาษหรือหน้าจอแท็บเล็ตของท่าน จะได้ไม่เหลือที่ว่างในหัวใจให้เก็บเรื่องลบ ขอให้จบอยู่ที่หน้ากระดาษเท่านั้นแล้วหัวใจจะได้มีที่เก็บภาพที่สวยงามและเรื่องราวชวนให้สดชื่นหัวใจไว้
ขอท่านที่รักลองรับปัญหาอย่างรู้สึกกระตือรือร้น เป็นต้นว่าสร้างความรู้สึกว่าเป็นโจทย์ชีวิตที่น่าคิด ท้าทาย และน่าลองแก้ดูว่าจะเกินมือเราหรือไม่ ฝึกไว้บ่อยๆ แล้วเราจะสบตากับปัญหาได้ง่ายขึ้นครับ
10) เปิดหัวใจสู่มุมมองใหม่ ในโลกกว้างนี้มีสิ่งสวยงามให้พักตาพักสมองอยู่มาก หากเหนื่อยก็ต้อง “พัก” ครับ ขอให้ได้พักอย่างแท้จริงแล้วมองดูสิ่งต่างๆ รอบตัวแล้วหันมาดู “ในตัว” โดยเฉพาะดวงจิตของเราบ้าง
ถ้าเป็นทางพระท่านก็ว่าให้ดูที่ตั้งของจิต ซึ่งเรื่องนี้เราชาวพุทธมีภาษีดีกว่าทฤษฏีของฝรั่งมาก เพราะฝรั่งว่าให้สะกดจิตตัวเองให้เห็นในสิ่งที่ปรารถนาเพื่อให้กลบความกังวลเฉพาะหน้า
ทว่าทางพระเราท่านมีวิธีที่แก้ได้หมดจดกว่าคือ ให้เห็นในปัจจุบันนั้นแล้วตัดที่เหตุแห่งทุกข์ ซึ่งแค่คำสั้นๆ นี้ก็มีทางให้เราฝึกกันได้ยาวแล้วครับ
ทั้งหมดนี้ย้ำอีกทีว่าผมได้ปรับมาจากทฤษฏีแล้วผสานกับสิ่งที่ได้พบเห็นจากชีวิตการไปบรรยายตามองค์กรต่างๆมาตลอด โดยสรุปหัวใจที่อยากฝากไว้ให้กับเพชรน้ำหนึ่งทุกท่านก็คือ “การไม่ปิดตัวเอง” และ “เปิดหัวใจสู่โลกกว้าง” คือ เข้าใจทั้งตัวองค์กรที่ทำงานและเพื่อนร่วมงาน จะเป็นการสร้างความสุขใหักับตัวเองอย่างสำเร็จรูปครับ
ข้อสรุปที่เป็นวลีสั้นๆ นี้ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องอย่างไม่ท้อ โดยขอให้รู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่สูญเปล่าแน่นอนและรางวัลที่ชื่นใจนั้นจะได้กับผู้ที่ฝึก
ให้หัวใจเป็นเพชรแบบอายุรวัฒน์ครับ
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net