>>สำหรับการเติมเต็มชีวิตครอบครัวนั้น “ลูก” คือของขวัญชิ้นพิเศษที่สุด ยิ่งการมาพร้อมกันในครั้งเดียวถึง 3 หน่อ ยิ่งเป็นของขวัญที่เซอร์ไพรส์ “มุก-เพลินจันทร์ รุ่นประพันธ์” สาวนักออกแบบและคุณแม่ลูกดก ผู้ให้กำเนิด 3 หนุ่มน้อย น้องทริป-ปริญญ์ , น้องเทรย์-ปราชญ์ และน้องทรอย-ปราณ รุ่นประพันธ์ ซึ่งเธอบอกว่าหน้าที่ “แม่” ในการดูแลลูกชายวัยเดียวกัน 3 คน เป็นสิ่งหนักหนามาก แต่ก็เป็นความเหนื่อยที่ปนมากับความสุขฉะนั้นเธอยินดีรับบทบาท “แม่” อย่างเต็มใจ
ตั้งแต่ลิฟต์เปิดบนชั้นเพนต์เฮาส์ของคอนโดหรูกลางเมือง เราก็ได้ยินเสียงของคุณแม่มุก-เพลินจันทร์ ตะโกนเรียกหนุ่มน้อยทั้ง 3 คนให้ออกมาต้อนรับทีมงานของ Celeb Online โดยทั้ง 3 หนุ่มน้อยเป็นแฝดที่เกิดจากไข่คนละใบทำให้เราพอจะจำได้เมื่อคุณแม่มุกเริ่มแนะนำตัวแต่ละคน จากนั้นแม่มุกจึงเริ่มเล่าถึงวันที่เริ่มให้กำเนิด 3 หนุ่มจอมซ่าส์
“คุยกับสามี (แจ็ค-ปริญญา รุ่นประพันธ์) ว่าอยากมีลูก จึงลองไปทำ IVF (In Vitro Fertilization) หรือเด็กหลอดแก้วดู ซึ่งก่อนที่จะได้แฝด 3 เคยทำมาหนึ่งครั้งแล้วก็หลุดไป เราก็ยังไม่หมดความพยายามทำครั้งที่ 2 อีก แต่พูดกับสามีว่าถ้าครั้งนี้ทำแล้วไม่ติดก็ไม่ทำแล้วนะ ไม่ต้องมีลูกล่ะ ไปเที่ยวกันดีกว่า ซึ่งในการทำ IVF นั้นคุณหมอก็จะต้องทำเผื่ออยู่แล้วสำหรับในกรณีที่ไม่ติดโดยใส่ไข่ไป 2-3 ฟอง ปรากฏว่าติดทั้ง 3 คนเลย! ก็ตกใจนิดหนึ่งแต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุดเพราะลูกเป็นสิ่งที่เกิดจากเราสองคน”
โดยในช่วงที่ตั้งครรภ์นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับคุณแม่วัย 36 ในเวลานั้นพอสมควร ด้วยความที่เป็นคนตัวเล็กจึงทำให้มีอาการแพ้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงวันคลอด แต่โชคดีที่โดยส่วนตัวคุณมุกเองเป็นคนที่ดูแลร่างกายอย่างดี ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถึงทำให้หนุ่มน้อยทั้ง 3 สมบูรณ์แข็งแรง แม้คุณแม่จะต้องผ่านช่วงเวลานั้นมาอย่างเหน็ดเหนื่อย
“การเลี้ยงดูคน 3 คนที่อยู่ในตัวเราต้องทานอาหารให้ดี ดูแลสุขภาพเพื่อให้เขาแข็งแรง เนื่องจากเราเป็นคนตัวเล็กพอท้อง 3 คนก็ลำบาก ทานอะไรเยอะเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ แถมยังอาเจียนตั้งแต่วันแรกจนวันคลอดเลย เพราะในท้องแน่นอนมากทั้งอวัยวะของเรา ทั้งเด็กอีก 3 คน อวัยวะก็ถูกดันเหลือที่แค่นิดเดียว ก็เลยอาเจียน จนคุณหมอต้องใช้วิธีให้โปรตีนทางเส้นเลือดแทน ทุกสุดสัปดาห์จะต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลเพื่อไปนอนให้โปรตีน เพราะต่อให้เรากินมากเท่าไหร่ก็ไม่พอสำหรับเด็ก 3 คน ขนาดช่วงนั้นกินเนื้อเยอะมาก กินเนื้อปิ้งย่างเป็นตัวก็ยังไม่พอเลย (หัวเราะ)”
วิกฤตก่อนคลอดกับนาทีชีวิต
โดยปกติแล้วกำหนดคลอดของครรภ์ทั่วไปคือสัปดาห์ที่ 38 แต่เมื่อเป็นลูกแฝดซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของหมออย่างใกล้ชิดนั้น หมอมักจะมีกำหนดคลอดอยู่ที่ไม่เกิน 36 สัปดาห์ ซึ่งในวันที่ครบกำหนดตรวจตามปกติของสัปดาห์ที่ 36 นั่นเองกลับเป็นวันที่คุณหมอต้องทำคลอดให้คุณแม่แฝด 3 คนนี้อย่างฉุกเฉิน!!
“ตอนเราไปทำคลอดนี่ไม่ได้ตั้งใจจะไปผ่านะ เป็นการไปตรวจตามปกติ แต่หมอตรวจพบว่าสารอาหารไปไม่ถึงคนสุดท้าย ทำให้น้ำหนักตัวเขาเท่าเดิมมา 2 อาทิตย์แล้ว และพบว่าสายสะดือยืดออกตึงมาก เพราะความที่พื้นที่ในท้องมันแน่นมาก เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงอาหารมันถูกเสียดสีเหมือนหนังยางที่ยืดจนจะขาด จึงขอผ่าเลยซึ่งถ้าตอนนั้นไม่ผ่าคลอดทันที หรือช้าไปแค่ 15 นาที สายสะดืออาจขาด แล้วเด็กก็จะดึงเลือดจากคนอื่นรวมทั้งแม่ไปด้วย ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตทั้งหมดได้
ตอนคลอดออกมาเด็กๆ น้ำหนักน้อยมาก น้องทริปเกิดมาด้วยน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัม เทรย์หนัก 1.5 กิโลกรัม และทรอยหนักเพียง 990 กรัม แต่ละคนห่างกัน 1 นาทีเท่านั้น ซึ่งหลังจากคลอดลูกแล้วเรามักจะพูดกับสามีเสมอๆ ว่า Thank you for giving me the cutest boys (ขอบคุณที่ให้ลูกน่ารักๆ สำหรับเรา) เพราะการเป็นแม่เป็นอะไรที่ประเสริฐสุดของชีวิตแล้ว”
3 หนุ่ม 3 มุมซ่าส์
สำหรับคาแรกเตอร์ของสามแสบจอมซนทั้ง 3 คนคุณแม่มุกบอกว่ามีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ลักษณะของ “น้องทริป” เป็นเด็กใจดี เป็นที่รักของทุกคน ส่วน “น้องเทรย์” เป็นเด็กตลก แสนซนและมีเสน่ห์ในหมู่เพื่อน ส่วน “น้องทรอย” เป็นเด็กมีความรับผิดชอบสูง รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก และโอบอ้อมอารีกับเพื่อนๆ เสมอ
“เราตั้งชื่อตั้งแต่อยู่ในท้อง ซึ่งเรารู้ตำแหน่งของเขาก็จะพูดกับเขาและเรียนรู้ลักษณะนิสัยลูกตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว อย่างน้องทรอย ตอนอยู่ในท้องนี่จะดิ้นตลอดเวลา น้องเทรย์ตอนทำอัลตราซาวด์ไม่ค่อยได้เห็น เขาจะชอบหลบ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิมสามารถอยู่ เป็นเด็กที่สามารถทำอะไรคนเดียวได้ และทะเล้นชอบสนุกสนาน มีอยู่ครั้งหนึ่งพาลูกไปฮ่องกง ก็ให้เทรย์ห้อยนกหวีดและสอนว่าถ้าเกิดหาพ่อกับแม่ไม่เจอให้เป่านกหวีดแล้วพ่อกับแม่จะไปหา
เหมือนจะผ่านไปด้วยดี แต่ตอนจะขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทย จู่ๆ เทรย์หายไป ตกใจมาก วิ่งหากันใหญ่ สักพักได้ยินเสียงนกหวีด ก็วิ่งไปหาเขาก็บอกว่าพ่อกับแม่ให้นกหวีดมายังไม่ได้ใช้ก็เลยแอบไปหลังเคาน์เตอร์เช็กอิน แล้วลองเป่าดู (หัวเราะ) ส่วนน้องทริปก็จะเป็นเด็กใจดีทั้งคนที่โตกว่าและเด็กกว่า น้องทรอยก็จะเป็นแนวสนุกสนานเป็นที่รักของทุกคน”
แม้ว่าคาแรกเตอร์ของทั้ง 3 หนุ่มจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่ก็มีลักษณะนิสัยบางอย่างที่เหมือนกัน ซึ่งเกิดมาจากการอบรมและฝึกฝนจากคุณพ่อแจ๊คและคุณแม่มุก
“สิ่งที่เหมือนกันคือเป็นเด็กมีความรับผิดชอบ เช่น ถ้าถูกคุณครูลงโทษ เขาก็จะไม่ทำอีก เป็นเด็กที่รู้ผิดรู้ถูกและจำว่าสิ่งไหนควรทำสิ่งไหนไม่ควรทำ อย่างน้องทรอยเห็นเพื่อนที่โรงเรียนทะเลาะกันเขาก็จะเข้าไปห้าม แถมยังบอกว่าคนนี้ทำผิดต้องขอโทษคนนี้นะ ทุกอย่างอยู่ที่การสอนและการเลี้ยงดูของเราด้วยค่ะ”
การเลี้ยงดูจากแม่ว่าเข้มแล้ว แต่พ่อเข้มกว่า!!
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฝึก 3 หนุ่มน้อยในวัยเดียวกันให้อยู่ในกฎและระเบียบที่ดีในการใช้ชีวิตประจำวัน ในบางครั้งจึงต้องอาศัยความเข้มงวดและการเห็นตรงกันทั้งของพ่อและแม่ ซึ่งเมื่อเราถามถึงความเฮี้ยบของคุณแม่มุกนั้น คุณแม่มุกกลับบอกว่า “มุกว่ามุกเข้มแล้ว คุณพ่อเข้มกว่านะ!!”
“การเลี้ยงลูกคือเราจะเข้มงวด ไม่มีการตามใจ เพราะถ้าตามใจปุ๊บระบบเป๋ทันที เพราะถ้าตามใจแล้วต้องตามใจตลอด ไม่ได้เรามีลูก 3 คน ลูกบ้านนี้ต้องมีระเบียบพอสมควร ไม่มีการวางแนวทางว่าต้องการให้ลูกเป็นอย่างไร แต่เราตกลงกันว่าพ่อและแม่ต้องไปทางเดียวกัน เพราะสิ่งที่เราสอนคือสิ่งที่ดีกับลูกแล้ว ฉะนั้นเราต้องใจแข็งยอมดุเพื่อให้เขาเป็นคนที่ดี มีความรับผิดชอบและมีระเบียบวินัยในตัวเอง
เช่น สอนให้รู้ว่าคนทำผิดต้องขอโทษอีกคนหนึ่ง และสอนให้รู้จักแบ่งปัน เด็ก 3 คนนี้ไม่ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน ไม่มีของเล่นเหมือนกัน การซื้อของเหมือนกัน 3 ชิ้น เสื้อผ้าซื้อเหมือนกัน 3 ชุดเป็นการเปลืองสตางค์ ถ้ามีไม่เหมือนกัน 3 คนก็สลับกันใส่ การแต่งตัวเหมือนกันไม่ได้เท่ ทุกคนต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งแต่ละคนก็จะมีสีโปรดของตัวเอง
เวลาจัดงานวันเกิด เขาจะได้ของเล่นเยอะมาก คุณพ่อก็จะให้แกะทุกอันหมด แล้วให้เลือกมาเล่น 3 ชิ้น ที่เหลือเก็บใส่ตู้ ค่อยทยอยออกมาเล่น บ้านนี้ไม่มีการซื้อของเล่นให้ มีบ้างพวกของเสริมทักษะ หรือไม่ก็สอนว่าถ้าอยากได้อะไรก็ต้องทำงานเก็บเงินซึ้อเองหรือถ้าทำความดีจะซื้อให้ แต่ก็มีลิมิตว่าซื้อไม่เกินเท่าไหร่ เขาก็เชื่อฟังทุกคนไม่ดื้อ ซ่า ซน ตามประสาเด็กผู้ชายที่ทะเล้นสนุกสนาน แต่ไม่ก้าวร้าว”
กิจกรรมครอบครัว
สิ่งที่สานสัมพันธ์คนในครอบครัวได้ดีที่สุดก็คือการใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว หลายๆ ครั้งที่เราเห็นภาพครอบครัว “รุ่นประพันธ์” นั้นจะเห็นได้ว่าทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นดนตรี กีฬา ทั้งพ่อและมีจะคอยประกบ คลุกคลีอย่างใกล้ชิดกับลูกเสมอ
“เราจะมีกิจกรรมครอบครัวร่วมกันตลอดเวลา แม้ว่าเราจะมีพี่เลี้ยงช่วยดูแล แต่ก็จะให้ลูกอยู่กับพี่เลี้ยงน้อยที่สุด อย่างตื่นเช้าแม่จะดูแลให้ลูกทานอาหารให้เรียบร้อย จากนั้นคุณพ่อไปส่งลูกไปโรงเรียน แล้วต่างคนต่างแยกย้ายไปทำภารกิจของตัวเอง ตกบ่ายมุกจะไปรอรับลูก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลังจากเลิกเรียนเด็กๆ จะมีกิจกรรมที่ไม่ใช่วิชาการทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง เปียโน เทนนิส ว่ายน้ำ ให้เขาดูว่าเขาอยากเรียนอะไรไม่ชอบก็ไม่บังคับ แต่ที่เน้นคือทุกคนต้องว่ายน้ำเป็น ตอนนี้เขาเริ่มมีความสนใจส่วนตัวก็จะมาขอเรียนเอง อย่างน้องทรอยมาขอเรียนเปียโน น้องเทรย์มาขอเรียนตีกลองก็ให้เรียนดูว่าเขาจะชอบมั้ย จากนั้นพากลับบ้าน กินข้าว และพาเข้านอนเอง แต่ถ้าวันไหนที่พ่อกับแม่ต้องไปงานก็จะรีบกลับบ้านมาให้ทันพาลูกนอนเอง
ซึ่งการไปงานของเราคือการไปทำงานอย่างหนึ่ง ไปเจอผู้คน คุยเรื่องงานกัน โชคดีที่บ้านเราอยู่ในเมืองสามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้ แต่ก็ไม่ให้บกพร่องเรื่องการดูแลลูก พยายามไม่ให้ลูกติดพี่เลี้ยงเพื่อที่เขาจะได้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และเราก็เป็นพ่อแม่ที่คลุกกับพื้นได้ เปียกกับลูกได้ ฉะนั้นของเล่นเลยไม่สำคัญเท่าไหร่ อย่างที่เห็นคุณพ่อเขานี่ลงไปเล่นคลานที่พื้นกับลูก กระโดดลงไปกับพื้นเลย”
อย่างไรก็ดีการอยู่กับเด็กชาย 3 คนตลอดเวลาก็เป็นเรื่องที่แค่ฟังก็น่าปวดหัวไม่ใช่เล่น ฉะนั้นจึงต้องมีเวลาเบรกให้พ่อกับแม่บ้าง โดยมีคุณตาคุณยายเป็นตัวช่วยที่สำคัญ
“วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะไปขลุกกันอยู่ที่บ้านคุณตา โดยคืนวันศุกร์คุณตาจะส่งคนมารับ ฉะนั้นคืนวันศุกร์จะเป็นเดตไนต์ของพ่อแม่ แต่พอเช้าวันเสาร์พ่อแม่ก็ตามไปบ้านคุณตาคุณยาย ก็จะมีกิจกรรมให้ได้เล่นกันตลอดเพราะบ้านคุณตาคุณยายมีสวน มีพื้นที่ให้วิ่งเล่น หรือไม่เราก็จะไปต่างจังหวัดกัน เด็กๆ ชอบทะเลมาก”
เรื่องมหาโหดตอนจ่ายค่าเทอม
การศึกษาถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่พ่อแม่อยากจะมอบให้เป็นทรัพย์ที่ติดตัวไปกับลูกๆ ยิ่งในยุคสมัยนี้ที่เรื่องของการศึกษาแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องของการลงทุน และการที่จะให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพนั้น บางครั้งแต่ละเทอมก็ทำเอาพ่อแม่หน้ามืด มือสั่นได้เหมือนกัน
สำหรับ 3 หนุ่มที่อยู่ในวัยเดียวกัน และพ่อแม่ต้องจัดการศึกษาให้กับลูก 3 คนพร้อมกันก็นับว่าเป็นเรื่องมหาโหดจนมีเรื่องตลกๆ จากคุณแม่มุกมาเล่าให้เราฟังเลยทีเดียว
“ตอนนี้เด็กๆ เรียนอยู่โรงเรียนอินเตอร์กำลังจะขึ้น Year 2 ซึ่งเรื่องปกติก็คือค่าเทอมค่อนข้างสูง แต่เราก็ต้องยอมเพื่อการศึกษาที่ดีของลูก มีอยู่วันหนึ่งทางโรงเรียนแจ้งค่าเล่าเรียน เชื่อมั้ยว่าพอได้ยินค่าเล่าเรียนของทั้ง 3 คน มือถือที่อยู่ในมือร่วงลงพื้นอย่างกับในละครเลยจริงๆ (หัวเราะ) แต่ก็มีแพลนว่าสัก 10 ขวบ อาจจะส่งไปเรียนต่างประเทศ แต่ก็ขึ้นอยู่กับลูกๆ ว่าอยากไปมั้ยไม่บังคับ”
แม้จะฟังดูเป็นเรื่องที่มหาโหดของการมีลูกแฝดคราวเดียวถึง 3 คน แต่คุณแม่มุก-เพลินจันทร์ก็บอกว่า เป็นความเหนื่อยที่มีความสุข และการที่ได้เห็นลูกเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมก็ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงสำหรับชีวิตคนเป็นแม่แล้ว :: Text by FLASH