xs
xsm
sm
md
lg

63 พรรษามหาวชิราลงกรณ พระมิ่งขวัญแห่งปวงชนชาวไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ครั้งหนึ่งเมื่อ พ.ศ. 2520 ในพื้นที่เสี่ยงภัยแถบภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย อันเต็มไปด้วยผู้ก่อการร้ายภัยสงครามคุกคาม ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนครอบครัวกระจัดการะจาย เพราะหนีภัยคุกคามของผู้ก่อการร้าย แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือ กลายเป็นภาพสะเทือนใจแก่ผู้คนที่พบเห็นยิ่งนัก

หากแต่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กลับมิได้ทรงเกรงกลัวต่อภัยร้ายที่อยู่เบื้องหน้า ในฐานะที่ทรงเป็นชายชาติทหาร และทรงเจริญรอยตามพระราชกรณียกิจของพระราชบิดาและพระบรมราชชนนี ที่มีพระราชภารกิจเพื่อความสุขของพสกนิกร และเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบทุกข์ยาก พระองค์จึงทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย อย่างเต็มพระราชกำลัง

ในการปฏิบัติพระราชภารกิจครั้งนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ มิเพียงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทย ที่หนีตายจากภัยสงคราม ได้กลับมามีชีวิตสดใสเหมือนเกิดใหม่อีกครั้งเท่านั้น หากแต่พระมหากรุณาธิคุณนี้ ยังแผ่ไปถึงกองกำลังทหารและตำรวจตระเวนชายแดน ที่ทำหน้าที่เป็นแนวหน้าปกป้องประเทศชาติ เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจในการสู้รบกับผู้ก่อการร้าย โดยพระองค์ทรงร่วมปฏิบัติหน้าที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารหาญ ทรงเป็นกำลังพระทัยสำคัญแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ให้มีขวัญและกำลังใจในการรักษาอธิปไตยของชาติไว้อย่างแข็งขัน

นพ.ธำรงรัตน์ แก้วกาญจน์ ชายวัย 84 ปี อดีตแพทย์ทหารบกผู้เคยตามเสด็จสมเด็จพระบรมฯ ไปในการปฏิบัติพระราชภารกิจครั้งนั้น ยังจดจำภาพพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อทหารหาญ เมื่อ 38 ปีก่อนได้เป็นอย่างดี โดย คุณหมอธำรงรัตน์ กล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นว่า ขณะนั้นตามรอยต่อระหว่างภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่สมเด็จพระบรมฯมิได้ทรงเกรงกลัวต่อภัยอันตราย กลับเสด็จไปประทับแรมกับทหารในพื้นที่ และทรงใช้ชีวิตแบบชายชาติทหารทั่วๆ ไป บางพื้นที่ซึ่งเฮลิคอปเตอร์ที่ประทับไม่สามารถลงจอดได้ ก็ต้องทรงโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ลงมายังพื้นดิน และอีกหลายครั้งที่ต้องดำเนินฝ่าป่าดงดิบเข้าไปยังพื้นที่ด้วยพระองค์ แต่ด้วยพระราชปณิธานที่ทรงห่วงใยประชาชน ท่านกลับมิได้ทรงย่อท้อต่อขวากหนามที่รออยู่ข้างหน้าแม้แต่น้อย
“ตอนนั้นท่านทรงใช้ชีวิตในศูนย์บัญชาการเหมือนกับทหารทั่วๆ ไปคือ ประทับแรมในเต็นท์ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเรียบง่ายหลังบังเกอร์ และเสวยพระกระยาหารแบบที่ทหารทุกคนทานกัน แม้แต่ห้องบังคลหนักบังคลเบา ยังถูกสร้างอย่างง่ายๆ กลางป่าดงดิบ ซึ่งเป็นภาพที่ผมจำติดตาจนถึงทุกวันนี้” คุณหมอวัยเกษียณ เล่าด้วยความปลื้มปีติ

นพ.ธำรงค์รัตน์ ยังเล่าต่ออีกว่า สมเด็จพระบรมฯ ทรงมีพระเมตตาต่อทหารในแถบชายแดนเป็นอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2520 ได้มีเหตุการณ์การประทะกันเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติภารกิจในสมรภูมิ อ.เวียงสระ จ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งมีทหารบาดเจ็บอยู่ในวงล้อม 10 นาย ขณะนั้น สมเด็จพระบรมฯ ทรงร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ทหารในศูนย์บัญชาการ และทรงได้ยินเสียงแจ้งเตือนมาจากวิทยุสื่อสารว่ามีทหาร 10 นายได้รับบาดเจ็บ รับสั่งแรกที่ทรงมีต่อเจ้าหน้าที่ทุกคน อันนำมาซึ่งความปลาบปลื้มใจอย่างหาที่สุดมิได้แก่รั้วของชาติคือ “ทหารของเราบาดเจ็บ เราต้องไปรับทหารของเรา” ครั้นพอสิ้นสุรเสียง ก็ทรงประทับเฮลิคอปเตอร์ และทรงเป็นผู้บัญชาการให้การช่วยเหลือทหารทั้ง 10 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ในวงล้อม มาส่งยังโรงพยาบาลอย่างปลอดภัยทุกนาย

พระมหากรุณาธิคุณนี้ มิได้ทรงมีแค่กับทหารหาญรั้วของชาติเท่านั้น แต่น้ำพระทัยอันงดงามยังแผ่ไพศาลไปถึงผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนอีกด้วย
นพ.ธำรงรัตน์ แก้วกาญจน์
“สมเด็จพระบรมฯ ทรงมีพระเมตตามาก โดยเฉพาะ กับข้าราชบริพารที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ เพราะท่านโปรดคนที่มีวินัย มีครั้งหนึ่งผมจำได้ว่า ตอนนั้นเป็นงานพระราชทานธงชัยเฉลิมพล และลูกน้องของท่านเป็นลม สมเด็จพระบรมฯ ทรงรับสั่งว่าไม่ใช่ความผิดของผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เป็นความผิดของผู้บังคับบัญชาเอง ที่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ดี เพราะการเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่เป็นผู้บังคับบัญชาต้องดูแลให้ดี ดังนั้น พระองค์ท่านในฐานะที่ทรงเป็นผู้บังคับบัญชา จึงทรงทำโทษพระองค์เองด้วยการทรงวิ่งรอบสนามอยู่หลายรอบ” คุณหมอวัย 84 เล่าด้วยใบหน้าแห่งความภักดี

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น แก่ปวงพสกนิกรชาวไทยที่มีมกุฎราชกุมาร ที่มีน้ำพระทัยงดงาม ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ ด้วยวิสัยแห่งขัตติยะราชตระกูล ที่ทรงไว้ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกร

เนื่องในโอกาสคล้ายวันพระราชสมภพ 28 กรกฎาคม 2558 ที่เวียนมาบรรจบนี้ ขอเชิญใปพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า พร้อมใจกันถวายพระพร และถวายความจงรักภักดี แด่เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
กำลังโหลดความคิดเห็น