ใครจะคิดว่าขนมหวานชิ้นเล็ก ๆ ที่มีสีสันจัดจ้านอย่าง “มาการอง” อันมีถิ่นกำเนิดจากฝรั่งเศสจะกลายมาเป็นขนมหวานกระแสยอดฮิตในหมู่คนรักของหวานอย่างคนไทย ชนิดที่เรียกว่าตอนนี้มาการองที่ว่าดังทั่วโลกแห่กันมาตั้งร้านขายให้คนไทยได้ลิ้มลองกันอย่างฟินเฟ่อร์
“มาการอง” เป็นขนมหวานที่ได้จากการผสมเมอแรงก์ กับไข่ขาว ,น้ำตาลไอซิ่ง,ผงอัลมอนด์และสีผสมอาหาร มาการองมีรูปร่างคล้ายคุกกี้ 2 ชิ้นนำมาประกบกันโดยมีไส้อยู่ตรงกลาง ซึ่งนิยมใช้ แยม บัตเตอร์ครีม เป็นต้น เนื้อสัมผัสของมาการองจะกรอบเล็กน้อย แต่เมื่ออยู่ในปากจะเหนียวนุ่ม รสชาติของไส้จะหวานหอมกลมกล่อม
ก่อนที่จะกลายมาเป็นขนมหวานไฮโซในปัจจุบันนั้น แต่เดิมนั้นมาการองเป็นขนมพื้นบ้านของฝรั่งเศส แรกเริ่มมีแค่ฝาเดียว คล้ายบิสกิตรสอัลมอนด์ จากนั้นจึงมีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ กลายเป็นสองฝาในช่วงปลายปี 1950 โดยมีไส้ตรงกลางยึดให้ฝาติดกัน ซึ่งไส้มีรสชาติหวานมาก
เมื่อมาการองเริ่มเป็นที่นิยมมาก ก็มีการคิดสูตรไส้รสชาติใหม่ ๆ ขึ้นมาหลากลหาย ปัจจุบันมาการองเป็นขนมที่ดูประณีตและสวยงามกว่าเดิมมาก จากที่เคยเป็นสินค้าพื้นบ้าน กลายมาเป็นขนมหวานที่คนทั่วโลกหลงใหล และเมื่อมาการองขึ้นมาอยู่ตามร้านขนมหวานหรู ๆ ในปารีส มันจึงกลายเป็นขนมหวานไฮโซขึ้นมาทันที
ตอนนี้เมืองไทยมีมาการองขายทั่วไป ตั้งแต่ตลาดสดไปจนถึงห้างระดับหรู ราคาเริ่มต้นกันที่ชิ้นละ 10 กว่าบาทไต่ระดับแพงสุดชิ้นละเกือบ200บาท จนคนรักขนมหวานเริ่มสับสนกันแล้วใช่ไหม??? ว่ามาการองชิ้นไหนอร่อยบ้าง!!!
ไม่ต้องสับสนเลย ขออาสาแนะนำ 6 มาการองที่อร่อย ฟินเฟ่อร์ ขนาดที่เรียกว่าไม่กินแล้วจะเสียใจนะคร้า!
**"ปิแอร์ แอร์เม่ ปารีส" เทพแห่งมาการอง**
เมื่อเอ่ยถึง"ปิแอร์ แอร์เม่" เหล่ามาการองเลิฟเว่อร์ทั้งหลายต้องรู้จัก แถมยังต้องแบ่งปันพื้นที่ในหัวใจนิดหนึ่งเพื่อเก็บความทรงจำดี ๆ ในรสชาติอร่อยของมาการองยี่ห้อนี้เอาไว้ เพราะปิแอร์ แอร์เม่เจ้าของสูตร นั้นได้รับฉายาว่า ว่า "Master Macaron" ทีเดียว
มร.ปิแอร์ แอร์เม่ พาสตี้เชฟเป็นผู้รังสรรค์รสชาติแปลกใหม่ให้กับโลกของมาการอง เพราะเขาฉีกกฎเดิม ๆ ของขนมหวานชนิดนี้จนกลายมาเป็นมาการองรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งรังสรรค์ขึ้นมาจากจินตนาการอันบรรเจิดของเขา
เอกลักษณ์อันโดดเด่นที่โดนใจมาการองเลิฟเวอร์คือ “ไส้มาการอง” ที่มีรสชาติซับซ้อน อันเกิดจากาการที่เชฟปิแอร์เดินทางเสาะแสวงหาแหล่งวัตถุดิบคุณภาพดีเยี่ยมจากทั่วโลกเพื่อนำมาผสมผสานหาความอร่อยที่ลงตัวในแบบฉบับเฉพาะตัวของเขา จนเกิดเป็นรสชาติแปลกใหม่ตามจินตนาการของเขา
ปิแอร์ แอร์เม่ ปารีส มาเปิดสาขาแรกในเมืองไทย และสาขาที่ 50 ของโลก ที่ ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ สนนราคาอยู่ที 7 ชิ้น ราคา 980 บาท , 12 ชิ้น ราคา 1,580 บาท และ 20 ชิ้น ราคา 3,550 บาท
**“ลาดูเร่” มาการองต้นตำรับ**
“ลาดูเร่” (LADURÉE) เป็นร้านต้นตำรับที่คิดค้นขนมหวานอร่อยล้ำที่เรียกกันว่ามาการองขึ้นมาจนกลายเป็นความหลงใหลในรสชาติมอบให้แก่คนรักขนมหวานทั่วโลก
ร้าน “ลาดูเร่” ถือกำเนิดเกิดขึ้นในปี 1862 เมื่อหลุยส์ แอร์เนส ลาดูเร่ (Louis Ernest Ladurée) เจ้าของโรงสีแห่งหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ผู้หลงใหลในขนมหวานได้ตัดสินใจเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ แห่งแรกบนถนน Royale (rue Royale) ในกรุงปารีส จนกระทั่งปี 1930 ปิแอร์ เดฟองเทนส์ ลูกพี่ลูกน้องของหลุยส์ แอร์เนส ลาดูเร่ ได้คิดค้นการนำขนมหวานขึ้นมาชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างแปลกใหม่ คือนำขนมหวาน 2 ชิ้นมาประกบกัน แล้วสอดไส้ด้วยครีมกานาช (ganache) เลิศรส กลายเป็นศิลปะการทำขนมที่รังสรรค์ขึ้นจากรสสัมผัสนับพัน และเรียกว่า ‘มาการอง’ ซึ่งใครได้ลิ้มลองแล้วจะติดใจมิรู้ลืมจนกลายเป็น…..
หัวใจแห่งความอร่อยนั้นอยู่ที่ความกรอบของขนมอบที่มีสีสันสวยงาม และเมื่อกัดกินลงไปจะนุ่มละมุนละลายในปาก พร้อมกับรสสัมผัสอันหอมอร่อยของส่วนผสมอันเป็นสูตรลับเฉพาะของร้าน
ลาดูเร่ เข้ามาตั้งร้านในเมืองไทย ที่ชั้น M ของศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยรับประกันความอร่อยของมาการองตามต้นตำรับทีเดียว เพราะส่งตรงมาจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีทั้งหมด 15 รสชาติ คือ 1.Lime Basil 2.Choc Venezuela 3.Coconut 4.Salted Caramel 5.Raspberry 6.Sesame Praline 7.Chocolate 8.Lemon 9.Pistachio 10.Vanilla 11.Coffee 12. Liquorice13. Rose Petal 14. Orange Blossom ในราคาชิ้นละ 120 บาท ส่วนชิ้นที่พรีเมียมที่สุดในร้านคือ Chocolate Gold ราคาชิ้นละ 240 บาท
**"โฟชอง" 8 รสอร่อย**
ตำนานของร้านโฟชอง ( FAUCHON) เริ่มต้นเมื่อปี 1880 เมื่อ โอกุสต์โฟชอง เปิดร้านขายผักและผลไม้สด และผลิตภัณฑ์จากนมเนยที่หาได้จากแหล่งชั้นดีในแคว้นนอร์มังดี อีก 15 ปีต่อมาจึงเปิดเป็นร้านเบเกอรี่และขนมอบ แต่โฟชองมามีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อหันมาให้บริการอาหารและน้ำชา จนกลายเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของลูกค้าจากกลุ่มสังคมระดับสูง ทั้งจากในปารีสและทั่วโลก ปัจจุบันโฟชองมาเปิดร้านที่เมืองไทย 2 สาขาคือสยามพารากอนและเอ็มควอเทียร์
ความจริงแล้วขนมอบซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของร้านโฟชองคือแอลแคร์ แต่สำหรับมาการองนั้นถือเป็นหนึ่งในขนมหวานที่ต้องลิ้มลองเช่นกัน เพราะเป็นมาการองสูตรต้นตำรับที่นำเข้ามาจากฝรั่งเศส หน้าตามาการองของโฟชองชิ้นจะใหญ่สีสันสดใส มีให้เลือกอร่อยถึง 8 รสชาติ คือ ได้แก่ รสกาแฟ ช็อกโกแลต คาราเมลพราลีนราสพ์เบอร์รี่ พิสตาชิโอ เลมอน และวานิลา แต่ในช่วงเทศกาลพิเศษต่าง ๆ เชฟก็จะรังสรรค์รสชาติมาการองใหม่ ๆ ออกมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับคนรักขนมหวาน สนนราคาชิ้นละ 95 บาท
**"ดาราเทวี" ของเค้าแรงจริง**
ถ้าถามเหล่ามาการองเลิฟเวอร์ว่าชอบของใครบ้าง เชื่อได้ว่าหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของดาราเทวีติดโผเข้ามาด้วย ของเค้าแรงจริง ไม่เช่นคงทนกระแสเรียกร้องไม่ไหวต้องนำมาการองที่อบใหม่ ๆ ขึ้นเครื่องบินตรงจากเชียงใหม่ มาเอาใจคนกรุงเทพฯ ด้วยยอดขาย 1,200 ต่อวัน
ความอร่อยนี้ถูกรังสรรค์โดยมร.ฟาบรีส รีบุส ซึ่งเป็นพาสตรี้เชฟที่มีประสบการณ์การทำขนมให้กับโรงแรมห้าดาวหลายโรงแรมและมีประสบการณ์ในประเทศไทยมากกว่า 8 ปี จึงปรับรสชาติของมาการองในแบบคุ้นลิ้นของคนไทย เสน่ห์ของมาการองดาราเทวีอยู่ที่เนื้อจะนุ่มหนึบ ไม่กรอบร่วน ส่วนไส้นั้นฉีกแนวรสชาติแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา อาทิ แบล็คทรัฟเฟิล, ไวท์ ทรัฟเฟิล, ข้าวเหนียวมะม่วง, พิตตาชิโอ, yuzu, แอปเปิ้ล วาซาบิ, แชมเปญ ราสพ์เบอร์รี่
ปัจจุบันมาการองของดาราเทวีมีจำหน่ายในกรุงเทพฯถึง 12 สาขาด้วยกัน
**"โอเรียนเต็ล" รสละมุนลิ้น**
แมนดาริน โอเรียนเต็ล ชอป เป็นร้านชาสุดหรูที่อยู่ในเครือของโรงแรม แมนดารินโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯที่นอกจากจะเสิร์ฟชาแล้ว ขนมหวานที่มีอยู่ในร้านล้วนแต่ถูกปากลูกค้าทั้งนั้น โดยเฉพาะมาการองที่มียอดขายเป็นแสนชิ้นต่อสัปดาห์ทีเดียว
ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่ชื่นชอบ ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยจำนวนไม่น้อยที่นิยมแวะมาลิ้มลอง ด้วยสีสันสวยงาม พร้อมรสชาติอร่อยนุ่มละมุนลิ้น ทำให้มีลูกค้าติดใจกันมากมาย มีให้ลิ้มลองถึง 20 รสชาติ อาทิ แอปเปิล ไซเดอร์ ,พิสตาชิโอ , มาดากัสก้า วานิลา ,ชอกโกแลต ทรัฟเฟิล,สตอเบอรี่ โยเกิร์ต ฯลฯ ในราคาชิ้นละ 49 บาท
ปัจจุบันMandarin Oriental Shop 4 สาขาที่ ดิเอ็มโพเรี่ยม สยามพารากอน เกษรพลาซ่า และเซ็นทรัลชิดลม
**"Issaya" มาการองของไทย**
คงพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ISSAYA เป็นมาการองฝีมือคนไทยของแท้ โดยเชฟเปเปอร์ อริสรา จงพาณิชกุล ซึ่งจบด้านการทำขนมจากฝรั่งเศส และเป็นเชฟคู่หูของเชฟเอียน แห่งรายการเชฟกระทะเหล็ก เป็นผู้คิดค้นสูตรขนมหวานชื่อดังนี้ให้มีกลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศส แต่สอดแทรกความเป็นไทยลงไปในรสชาติของขนมให้กลายเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของร้าน อาทิ กระทิงแดง, ข้าวเม่า, พริกเผา ,ข้าวหอมมะลิ, มะขาม, ทับทิมกรอบ และอื่นๆอีกมากมาย
ร้านIssaya La Patisserie (อิษยา ลา ปาติสิเย่ร์) ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
มาการองที่ดีมีลักษณะดังนี้ เริ่มตั้งแต่รูปร่างคล้ายกับโดมแบน ๆ ที่มองดูจากด้านบนจะเป็นรูปวงกลม ผิวด้านบนของขนมเรียบมันจากความละเอียดของ เมล็ดอัลมอนด์บด ส่วนที่สำคัญ คือ ส่วนล่างของชิ้นขนมที่เรียกว่า “Foot” หรือบางคน เรียกว่า “Skirt” ซึ่งก็คือ รอยหยักคล้ายลูกไม้ชายกระโปรงที่บางกรอบ ซึ่งกว่าจะทำได้เช่นนั้นก็ต้องมีวิธีการทำที่ยุ่งยากพอควร
และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ กลิ่นอันหอมหวาน เคล็ดลับอยู่ที่หลังจากนำ มาการองสองชิ้นมาประกบกันแล้ว ต้องเก็บไว้ในที่เย็นสักหนึ่งคืน เพื่อให้ไส้รสชาติต่าง ๆ ซึมซับเข้าสู่ชั้นของเนื้อขนม นอกจากนี้ความชื้นจากไส้ครีมยังทำให้ มาการองมีความนุ่มหนึบเวลาเคี้ยวอีกด้วย จะต้องมีรสชาติที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างไส้ครีมกานาชกับเนื้อคุกกี้ ขนาดของส่วนสูงที่สมดุลของตัวคุกกี้ชิ้นบนและล่างที่ต้องเท่า ๆ กัน รวมทั้งไส้ที่บีบให้พอดีขอบและมองเห็นเป็นแนวเส้นเล็ก ๆโดยรอบตลอดชิ้น