xs
xsm
sm
md
lg

ดั้งโด่งด่วนเสี่ยงเสียโฉม! ฉีดฟิลเลอร์ซี้ซั้ว ระวังซวยเบิ้ล ตาบอด อัมพาตทันที

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

By Lady Manager

เพราะความสวยที่รวดเร็ว สวยแบบไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เรียกว่า เข็มจิ้มปักไปบนจมูกปุ้บก็โด่งพุ่งก็มาปั้บ ดังนั้นผู้หญิงมากมายจึงมักจะพึ่งพา ฟิลเลอร์ ตัวช่วยสวยด่วนมากที่สุดในเวลานี้ จึงเป็นที่มาของอุทาหรณ์สวยเสี่ยงรายวัน!

ทว่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ น้องฟ้าเน็ตไอดอลได้โพสต์ภาพ และเล่าประสบการณ์สวยเสี่ยงด้วยการฉีดฟิลเลอร์หวังจมูกโด่งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของน้องที่มีคนติดตามนับแสน เพื่อเป็นอุทาหรณ์กับผู้หญิงที่อยากสวยโดยไม่เช็คแพทย์ เลือกคลินิกสถานเสริมความงามให้ดี

"ไม่เคยคิดฉีดจมูกในชีวิตแต่ด้วยเป็นแค่นักศึกษาเก็บเงินหมื่นได้ก็อยากสวย #เป็นไงอ่าทำหมื่นแก้สองแสน

ฟ้าย้ำให้เลยนะคะว่าโดนหมอเหี้..ๆ แอบฉีดซิลิโคนเหลวมาให้โดยที่ไม่เคยรู้เลย รู้แค่ว่าฉันสวยขึ้นจากการเสริมจมูก

#รูปซิลิโคนเหลว ผ่าทั้งหมด 7 ชั่วโมง กว่าจะเอาออกได้แข็งมาก ที่งานยากเพราะฉีดเข้าหัวตาและก็หน้าผากปาก ไม่ใช่แค่ฉีดจมูกธรรมดา"

เคสของน้องฟ้าเป็นการใช้ซิลิโคนเหลวฉีดเข้าจมูก ซึ่งอันตรายมากจนทำให้เนื้อเน่า เราจึงขอแบ่งปันข้อมูลให้สาวๆ ศึกษาก่อนให้รอบด้านก่อนคิดทำสวยนะคะ

โบท็อกซ์ - ฟิลเลอร์ปลอมระบาด ก้อปเกรดเอ เสี่ยงตาย ตาบอด อัมพาต!

“การฉีดฟิลเลอร์ สำคัญที่แพทย์เป็นหลักเลย สำคัญกว่าโบท็อกซ์อีก เพราะถ้าฉีดไม่ดีอาจจะตายได้ แพทย์ต้องรู้ Anatomy สรีระ เส้นเลือดอยู่ตรงไหน ไม่ใช่ไปฉีดเข้าเส้นเลือด ก็อย่างที่เป็นข่าว เนื้อเน่า ตาบอดล่าสุด ฉีดฟิลเลอร์ที่หนึ่งบนใบหน้าแล้วอัมพาตเลยทันที ฉีดต่อไปกับเส้นเลือดในสมองและบล็อกสมองไม่ทำงาน อัมพาตไปครึ่งตัว เคสนี้ไม่นานมากในเมืองไทย”

นพ. รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ ผู้ก่อตั้ง Rassapoom skin clinic แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ มากว่า 15 ปี ได้รับรางวัลประกาศจากบริษัท Allergan จากประเทศอเมริกา ระดับ Platinum คือเป็นแพทย์คนเดียวในไท ที่ฉีดโบท็อกซ์ และฟิลเลอร์มากที่สุดในประเทศไทย กล่าว

“นอกจากนี้ ยังมีเคสที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดสองข้าง พร้อมอัมพาตด้วยทันที ดังนั้นคนฉีดจะต้องเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญจริงๆ อย่าซี้ซั้วฉีด อย่าเลือกราคาถูก

ทว่า ในการฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดโอกาสจะกลับมาเห็นอีกทียากมาก 1 ใน 100 ถึงแม้ไม่อันตราย ถ้าฉีดไม่ดีอาจจะออกมาไม่สวย หน้าดูแปลก หน้าห้อย ไม่ธรรมชาติ หลักการคือต้องฉีดให้ดูสวย อ่อนวัย ธรรมชาติ ปลอดภัย อันนี้คือสิ่งสำคัญ

ในเมืองไทย 20 - 30 เคสได้เลยนะที่ตาบอด ของเกาหลีนี่ปาไปเกือบร้อยเลยนะ

ไม่ใช่แพทย์ท่านไหนก็จะสามารถปรับหน้าได้ เพราะต้องรู้ศาสตร์ และศิลป ร่วมกัน ศาสตร์ที่ว่า ต้องรู้ Anatomy ของใบหน้าอย่างละเอียด เช่นต้องรู้ชั้นต่างๆของใบหน้า และต้องรู้ว่าเส้นเลือดวิ่งอย่างไร อยู่ในชั้นไหน จะทำอย่างไรให้ปลอดภัย รู้โครงสร้างกระดูกที่เป็นตัวยึดพยุงใบหน้า

ส่วนศิลป์คือ ต้องดูให้ออกว่าต้องปรับอย่างไร ให้ใบหน้าออกมาสวยงาม สัดส่วนใบหน้าถูกต้อง และใบหน้าลักษณะแบบไหน คือใบหน้าที่ดูเด็กและอ่อนเยาว์”

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์ (Botox) หรือฟิลเลอร์ (Filler) ต้องคำนึงถึง 1.Product ที่เราใช้ 2.แพทย์ 3.หน้าเราเหมาะกับวิธีไหน คือมีบ่อยมากคนถามมาในแฟนเพจ บอกว่า ทำหน้าเรียวเท่าไหร่ มันบอกราคาไม่ได้ เพราะแต่ละคนโครงหน้าไม่เหมือนกัน ปัญหาแตกต่างกัน หน้าอาจจะใหญ่เหมือนกัน แต่คนนี้อาจจะเหมาะกับฟิลเลอร์ อีกคนอาจจะเหมาะกับโบท็อกซ์ อีกคนอาจจะเหมาะทั้งโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ ร่วมกัน ฉะนั้นมันจะแตกต่างกัน เราบอกไม่ได้

ดังนั้นคนไข้จึงต้องให้แพทย์ทำการประเมิน ตัดสินใจ จะไม่ใช้ว่า ควรจะทำวิธีไหน ทำอย่างไร หรือฟิลเลอร์ คนนี้อาจจะแค่หลอดเดียวก็ดูดีแล้ว แต่อีกคนอาจจะต้องใช้ฟิลเลอร์ 5 - 10 หลอด และขึ้นอยู่กับความพอใจของคนไข้ด้วย จะทำหลักแสนก็ได้ แต่ถ้างบจำกัด หลัก 8,000 บาท ก็ดูดีได้ในระดับ 8,000 บาท มันไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับโครงหน้าของคนไข้ และขึ้นอยู่กับว่าต้องใช้ยาตัวไหน และต้องใช้ปริมาณมากน้อยแค่ไหน ต้องใช้เทคนิคอะไร

และเรื่องของยา เนื่องจากโบท็อกซ์ จะมีทั้งของอเมริกา และปัจจุบันจะมีของเกาหลี รวมทั้งของที่อาจจะยังไม่ถูก อย.คือของจีน รวมทั้งของปลอมก็มี เยอะมาก ถ้าของที่ดีสุดก็คือของอเมริกา และราคาก็สูงด้วย ดีในที่นี้คือปลอดภัย รวมทั้งประสิทธิภาพในการรักษาก็ดี มีหลักการฐานยืนยันประสิทธิภาพต่างๆ ที่มั่นใจ ความปลอดภัย รวมทั้งในเรื่องของการดื้อยา โอกาสจะน้อย แต่หากเป็นของเกาหลี ที่เพิ่งผลิตมาไม่นาน ข้อมูลยืนยันก็จะไม่เท่าของอเมริกา ประสิทธิภาพในการใช้ก็อาจไม่เทียบเท่า ความปลอดภัยอาจจะน้อยกว่า เช่น อาจจะมีเรื่องของการแพ้ และเรื่องการดื้อยาก็จะสูงกว่า บางอันก็ไม่ผ่าน อย.อีกด้วย

ของจีนยิ่งแล้วใหญ่เลย คือ ยังไม่มีอันไหนผ่าน อย.เลย และไม่ผ่านการรับรองด้วย ความปลอดภัยไม่มี ประสิทธิภาพไม่รู้ไม่แค่ไหน

เคยมีรายงาน คือฉีดไปแล้วเสียชีวิต อัมพาต ในเมืองไทยก็มีแต่ปิดข่าว มีไปแอดมิทในไอซียู ของที่ต่างประเทศมีฉีดแล้วเสียชีวิต เราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ อย่าคำนึงแต่เรื่องราคาถูกโบท็อกซ์ปลอมระบาดเยอะมาก เราไม่รู้แหล่งว่ามาจากไหน

บางทีปลอมจนเหมือนเป๊ะก็มี ดูยาก ถ้าผลิตมาไม่เนียนก็ดูออก คือถ้าของจริง เช่น Allergan ตัวยาแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มันจะเคลือบอยู่กับก้นขวด เป็นเหมือนคริสตัลบางๆ คล้ายๆขวดเปล่า แต่ของปลอมมันจะเป็นเหมือนผงหนาๆ เหมือนผงแป้ง รวมทั้งแพกเกจก็ปลอมไม่เหมือน

แต่บางทีก็ดียาก ปลอมเนียน คุณหมอบางคนก็ดูไม่ออก ส่วนใหญ่ขายผ่านอินเตอร์เน็ต หรือบางคนก็อ้างว่าหิ้วมา ได้ราคาถูกกว่าซื้อบริษัท ทางคลินิค หรือคุณหมอก็เชื่อ จึงซื้อไป เช่น ขวดหนึ่งอาจจะไม่กี่พัน จะเห็นได้ว่า มีคลินิคบางทีโปรโมทขายโบท็อกซ์ของอเมริกา ราคาขวดแค่ 8,000 บาท ซึ่งจริงๆต้นทุนไม่ได้อยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ เราก็รู้อยู่ อาจจะบอกว่าโปรโมชั่น ได้ราคาถูกมา

อยากสวยต้องรวย เพราะความสวยต้องใช้เงิน ของถูกและดีไม่มีในโลก!

หน้าเราก็มีอยู่หน้าเดียว ดังนั้นอย่างก หรือประหยัด เพราะหากคำนึงถึงราคา หรือเอาราคาเป็นที่ตั้ง ยาที่ฉีดใส่หน้าของคุณก็คุณภาพน่ากลัวไปด้วยค่ะ

“จะเห็นได้ว่า มีคลินิคบางทีโปรโมทขายโบท็อกซ์ของอเมริกา ราคาขวดแค่ 8,000 บาท ซึ่งจริงๆต้นทุนไม่ได้อยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ เราก็รู้อยู่ อาจจะบอกว่าโปรโมชั่น ได้ราคาถูกมา”

คุณหมอ รัสมิ์ภูมิ บอกเลยว่า ราคาสมเหตุสมผลอย่างฟิลเลอร์ อย่างน้อยๆ ต้อง 15,000 - 16,000 บาทขึ้นไป ถ้าเป็นหลักพันไม่ใช่ของดีของแท้แน่นอน

ส่วนโบท็อกซ์ต่อขวด ราคาต้อง 20,000 บาทขึ้นไป ของแท้ต่ำกว่า 20,000 บาท ถ้าถามว่า...จะเป็นไปได้ไหม เป็นไปได้ แต่อาจะแทบไม่ได้กำไร

“ปัจจุบันนี้ในตลาดที่ซื้อขายโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ในราคาที่ถูกมากก็มีเยอะ ซึ่งไม่อยากให้ผู้บริโภคไปคำนึงเรื่องของราคาเป็นที่ตั้ง เราต้องคำนึงถึงตัวยา เทคนิคที่ใช้ การวิเคราะห์ใบหน้า และการตัวแพทย์เอง ต้องเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง อาจจะแค่ไปอบรม ฟังมา 2-3 วัน ก็มาเปิดคลินิคแล้ว ซึ่งตอนนี้มีเยอะมาก คือ ใครไปฟังการอบรมก็ได้ใบประกาศแล้ว มาติดในคลินิค เราต้องสืบข้อมูลเบื้องลึกให้ละเอียด ว่าคนๆนั้นเป็นใคร หมอจากไหน จบอะไร เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านผิวหนังหรือไม่ มีเว็บไซต์สมาคมของแพทย์ผิวหนัง เราสามารถเข้าไปดูได้ว่า แพทย์ท่านนั้นจบเฉพาะทางด้านผิวหนังหรือไม่ และมีประสบการณ์หรือไม่ มีอะไรที่รับรองได้ว่าสามารถมาฉีดโบท็อกซ์​และฟิลเลอร์ ได้ดี

ส่วนในแง่ของฟิลเลอร์ ก็คล้ายๆกัน คือปัจจุบันก็มีทั้งของจริง ของปลอม ของหิ้ว ในอินเตอร์เน็ตก็ขายกันเยอะแยะ เห็นในเฟซบุ๊กมีฉีดตัวเองด้วย น่ากลัวมาก คือตอนนี้ตลาดความงามกำลังบูม คนก็เลยพยายามหาประโยชน์จากตรงนี้ โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพ อยากให้เน้นเรื่องของคุณภาพเป็นหลัก

ปัจจุบันฟิลเลอร์มีหลายยี่ห้อ มีทั้งยี่ห้อที่ผ่าน อย.และไม่ผ่าน อย. ยี่ห้อที่ผ่าน อย.ก็ต้องเลือกที่เป็นไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) บางอันไม่ผ่าน อย.นะ ที่มีคนฉีดแล้วตาบอด อันนั้นเป็นไฮยารูลินิกแอซิดที่ไม่ผ่าน อย. แล้วเป็นตัวที่เมืองนอกแบน ห้ามใช้ เพราะมันอันตราย ถึงจะเป็นตัวไฮยาฯเอง ก็ให้เกิดการอักเสบ พังผืด มียี่ห้อหนึ่งขอไม่เอ่ยชื่อ

มีหมอที่รู้จักเคยมาเล่าให้ฟัง คนไข้คนนี้บอกว่าจะเอาโบท็อกซ์ของอเมริกา แต่ไปหยิบของเกาหลีมาฉีดใส่ในขวดของอเมริกา แล้วมาฉีดให้คนไข้ คนไข้ก็ไม่รู้

หรือบางคนบอกว่า เอาโบท็อกซ์ขวดหนึ่ง 100 ยูนิต แต่แอบดูดยาออก ไป 30 ยูนิต แล้วฉีดให้คนไข้แค่ 70 ยูนิต หมอก็บอกว่ารับไม่ได้ผิดจรรยาบรรณ เลยออกจากคลิกนิกนั้น มีแบบนี้เยอะมาก

สิ่งสำคัญต้องเลือกแพทย์อันดับหนึ่ง จากนั้นสถานที่ อย่างน้อยเรื่องโปรดักซ์เราไม่รู้ ดูไม่เป็นด้วย ถึงดูเป็นก็ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร

ขนาดฟิลเลอร์ยังดูดเอาฟิลเลอร์ปลอมใส่ไปในขวดจริง มาฉีดคนไข้ก็มี ดังนั้น อย่าคำนึงถึงราคาถูก อันตรายมาก โอเค ราคาถูกก็ประหยัดตังค์ เรารู้ แต่มันคุ้มกับความเสี่ยง ชีวิตเราไหม มันไม่คุ้ม เอาราคาที่สมเหตุสมผล บอกเลยไม่มีของดีที่ถูกแน่นอน”

เทคนิคการฉีดสำคัญ เลือกหมอมั่ว สัดส่วน องศาหน้าเปลี่ยน

“จากประสบการณ์มาหลายปีก็คิดค้นเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ทำให้สวย ออกมาดูดี และปลอดภัย ตั้งแต่เทคนิค ​Triangular Face Lift เป็นเทคนิคที่ปรับโครงหน้าให้ดูสวย เข้ารูป ดูมีมิติ อันนี้เป็นเทคนิคเฉพาะตัวอันหนึ่ง

เทคนิคที่สองคือ เทคนิค Subperiosteal injection with blunt cannula คือการฉีดฟิลเลอร์ฝังไว้ที่ใต้เยื่อหุ้มกระดูก โดยใช้ blunt cannula คือเข็มทู่ สามารถสอดเข็มเอาฟิลเลอร์เข้าไปฝังใต้เยื่อหุ้มกระดูก ซึ่งคนปกติทั่วไปฉีดในชั้นไขมัน หรืออย่างมากก็วางอยู่บนกระดูก ไม่ได้วางอยู่ใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูก ผลที่ได้รับดีกว่าเทคนิคเก่ามาก เพราะใต้เยื่อหุ้มกระดูกจะไปทดแทนชดเชยโครงกระดูกที่เสียโดยตรง คือร่างกายเราแก่ ผิวหน้าตกลง เกิดจากการดูกของเราเสื่อม ทรุด ดังนั้นการที่เราใช้ฟิลเลอร์ไปสอดอยู่ใต้ชั้นเยื่อหุ้งกระดูก เหมือนไปทดแทนกระดูกที่เสื่อมอย่างแท้จริง เหมือนจริงมากที่สุด และทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานหลายปี อย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป


มีรายงานอ้างอิงศึกษาที่ญี่ปุ่น ถ้าฟิลเลอร์ไปอยู่ใต้เยื่อหุ้มกระดูกนี้ พบว่าอยู่มากกว่า 10 ปี เพราะเราไปฝังอยู่ตรงนี้ทำให้ร่างกายไปกระตุ้นเกิดการสร้างสเต็มเซลล์ ซึ่งจะไปชดเชย และซ่อมแซมร่างกายส่วนที่ทรุดลงไป ให้กลับมาเป็นร่างกายที่ยกกระชับขึ้นมาอีกครั้ง ผลลัพธุ์อยู่นาน เห็นชัด หน้าดูเด็กลง ป้องกันความเสื่อม ไม่ให้หน้าตกลงในอนาคต ปลอดภัย เพราะชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูกนี้ไม่มีเส้นเลือด ไม่มีตาบอด ไม่มีผิวเน่า ทุกเคสใช้วิธีนี้ได้

​​เทคนิค Submalar lift อันนี้ยังไม่มีใครในโลกพูดถึงเลย การที่เราทำทุกอย่างวางอยู่บนกระดูก แต่มันไปแก้ข้างล่างไม่ได้ คือใต้กระดูก Submalar ตรงนี้มันเสื่อม ผลทำให้หน้าตก ถ้าเราไปแก้ตรงนี้ผลจะดียิ่งขึ้นไปอีก เป็นเทคนิคอีกอันที่ทำให้ได้ผลดี เหมาะกับคนไข้บางประเภท เป็นใบหน้าตกชนิดหนึ่ง ต้องใช้วิธีนี้ถึงจะได้ผลดี

สุดท้ายคือ เทคนิค Multilayer support เป็นเทคนิคของปัญหาใต้ตา ในส่วนของใต้ตาก็เป็นปัญหากันเยอะ แต่ถ้าแก้ไขไม่ดีไม่ถูกต้องก็อาจจะออกมาไม่สวย

ทั้งนี้ การวิเคราะห์ออกแบบใบหน้าต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ ใบหน้ารูปไข่ที่สุดคือใบหน้าที่สวยงามที่สุด คนใบหน้าเหลี่ยมก็พยายามกลับมาให้เป็นรูปไข่ได้มากที่สุด หน้ากลมก็พยายามทำให้ไข่ หน้าตอบไปก็พยายามทำให้เป็นไข่

ทว่า สัดส่วนของใบหน้าที่สวยงาม เช่น จากไรผมถึงคิ้ว จากคิ้วถึงจมูก จากจมูกถึงคาง แบ่งเป็น 1 ต่อ 1 แบ่งเป็น 5 ส่วน ต้องเท่าๆกัน บางคนคางสั้น ไม่ได้สัดส่วนต้องเติมคาง อย่างปากบนต่อปากล่าง ปากบนต้องใหญ่กว่าปากล่างนิดหนึ่ง ถ้าปากบนปากล่างเท่ากันจะดูแปลก

สัดส่วนต่างๆมีความสำคัญ เช่น จมูกควรทำแนวกับปาก ในผู้ชาย 90-95 องศา และในผู้หญิง 95-100 องศาเป็นต้น หรือปากล่างต้องยื่นกว่าปากบน ประมาณ​ 2 มิลลิเมตร เป็นต้น องศาและมุมก็สำคัญ​เช่น คางทำมุมกับคอ ต้องประมาณ 105 - 130 องศา อย่างคนมีเหนียงที่คางก็ไม่ตามองศาแล้ว หรือมุมระหว่างจมูกทำมุมกับปาก ดังนั้นองศาก็มีความสำคัญ เป็นเรื่องของการออกแบบใบหน้า” คุณหมอรัสมิ์ภูมิ กล่าวปิดท้าย

* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์

 
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
 
กำลังโหลดความคิดเห็น