>>ช่วงนี้อากาศร้อนหนักมาก แสงแดดรุนแรง ฝนก็ตกหนักได้อีก ต่อให้จะอาบน้ำไปสักกี่รอบเหงื่อก็ออกมาอยู่ดี ทั้งสิ่งสกปรกเหงื่อไคลต่างๆ ที่ออกมาผสมรวมพลังกันจนกลายเป็นสุดยอดสิ่งสกปรกมาอุดตันอยู่ตามรูขุมขนบนผิวหน้า จนกลายเป็นสิว!เม็ดเป้งๆ บนใบหน้าเรา ทำให้หมดสวยหมดหล่อไปตามๆ กัน แต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว จะรักษามันอย่างไรให้เบาบางทะนุถนอมผิวหน้าเรามากที่สุด! วันนี้เรามีคำตอบของผู้เชี่ยวชาญจาก ลา โรช-โพเซย์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีปัญหาสิวมาฝากกัน :: Text by FLASH
พญ.นัทยา วรวุทธินนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโรคผิวหนัง แผนกเลเซอร์และศัลยกรรมผิวหนังสถาบันโรคผิวหนัง มาให้ความรู้เกี่ยวกับสิวและการรักษา
การรักษาสิว และรอยดำรอยแดงจากสิว
สิวเป็นโรคที่พบบ่อย ทั้งในกลุ่มวัยต่างๆ มักจะกลายเป็นปัญหาสำคัญเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้เกิดผลแทรกซ้อน เป็นแผลสิว รอยดำ และรอยแดงจากสิวรวมถึงหลุมสิวและแผลเป็นนูน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาทางด้านจิตใจและการเข้าสังคมได้
สาเหตุของสิว
มีปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้หลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกาย พันธุกรรม อารมณ์ อาหาร อากาศ ยา โดยรวมแล้วสามารถแบ่งปัจจัยหลักๆ ได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. ปัจจัยภายในร่างกาย
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นร่างกายมีการสร้างฮอร์โมนเพศมากขึ้น ฮอร์โมนนี้จะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้มีขนาดโตขึ้นและผลิตไขมันมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ผิวหนังบริเวณใบหน้าและหนังศีรษะจะมันมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียที่มีชื่อว่า P. acne จะเพิ่มมากขึ้นในบริเวณรูขุมขนบริเวณที่มีต่อมไขมัน
P.acne จะกระตุ้นให้รูขุมขนบริเวณที่เป็นสิว มีการสร้างเคราติน (Keratin) ที่ผิดปกติ ทำให้เกิดการอุดตันที่บริเวณรูขุมขนนั้น และยังเป็นตัวกระตุ้นให้สิวอักเสบมากขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นให้สิวกำเริบ เช่น ความเครียดจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
2. ปัจจัยภายนอก
คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา การนวด ขัด ถู ใบหน้าแรงๆ การล้างหน้าด้วยสบู่บ่อยเกินไป การใช้ยาทาบางอย่าง เช่น สเตียรอยด์ เครื่องสำอาง และสารเคมีบางอย่างอาจจะกระตุ้นให้เกิดสิวได้ หรือกลุ่มคนที่มีอาชีพที่ต้องสัมผัสกับอากาศร้อนเหงื่ออกมาก หรือทำงานในโรงงานที่ต้องสัมผัสกับน้ำมัน ก็ล้วนทำให้เป็นสิวได้มากขึ้นเช่นกัน
ชนิดของสิว
สิวมีหลายชนิด แต่สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะที่พบ ได้แก่ สิวที่ไม่อักเสบ และสิวอักเสบ
1. สิวที่ไม่มีการอักเสบ เช่น สิวอุดตันหัวขาว, สิวอุดตันหัวดำ
2.สิวที่มีการอักเสบ เช่น สิวที่เป็นตุ่มแดง, สิวตุ่มหนอง, สิวหัวช้าง และสิวที่มีการทำลายของผิวข้างในจนเป็นโพรงคล้ายซีสต์
3.
การจัดลำดับความรุนแรงของสิว
- สิวเล็กน้อย (mild acne) มีหัวสิวไม่อักเสบ เป็นส่วนใหญ่หรือมีสิวอักเสบไม่เกิน 10 จุด
- สิวปานกลาง (moderate acne) มีหัวสิวไม่อักเสบ และสิวอักเสบ ขนาดเล็กจํานวนมากกว่า 10 จุด
- สิวรุนแรง (severe) มีหัวสิวไม่อักเสบ และสิวอักเสบ ตุ่มนูนแดง หรือสิวอักเสบ ขนาดใหญ่เป็นจํานวนมากเป็นอยู่นาน และกลับเป็นซ้ำ
หลักการดูแลรักษาสิวและการป้องกันการเกิดรอยดำรอยแดงหรือแผลเป็นจากสิว
1.หยุดสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวรวมทั้งหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้สิวเป็นมากขึ้น เนื่องจากหัวใจของการเกิดรอยแดงและรอยดำจากสิว คือ การลดหรือป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบของสิว ควรงดใช้เครื่องสำอางที่ไม่จำเป็น
2.ควรหลีกเลี่ยงการบีบ เค้น และแกะสิว เพราะจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ เป็นรุนแรงมากขึ้น ทำให้รอยแดงหรือรอยดำที่เป็นอยู่มีสีเข้มขึ้นและเป็นนานขึ้น
3.การใช้ยาทาหรือยารับประทาน ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดและความรุนแรงของสิว ซึ่งควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
4.การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมการรักษา เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของซาลิซัยลิค แอซิด (Salicylic acid) และไฮดรอกซีแอซิด (Hydroxyacid) จะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เกิดสิว หรือที่มีเขียนข้างฉลากว่า “ไม่ทำให้เกิดสิว หรือ นอนโคมิโดเจนิก (Non-comedogenic)”
การรักษาสิว
สามารถแบ่งการรักษาสิวเป็น 2 ชนิด ได้แก่ การรักษาหลักและการรักษาเสริม
1.การรักษาหลัก
ได้แก่ การใช้ยา ซึ่งมีทั้งชนิดทาและชนิดรับประทาน ส่วนมากต้องใช้ร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและลดโอกาสการดื้อยา โดยมักจะใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ ยาปฏิชีวนะ (เช่น คลินดามัยซิน อีรีโทรมัยซิน) ยาทาที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ และยาทาที่มีส่วนผสมของกรดอะเซเลอิก สำหรับยารับประทานที่นิยมใช้คือยากลุ่มปฏิชีวนะ ยากลุ่มฮอร์โมน และยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ การรับประทานยาสิว ควรรับประทานติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 3 เดือน หากหยุดยาเร็ว สิวจะกลับมาเป็นใหม่ได้ง่าย
2.การรักษาเสริมเพื่อใช้ในการรักษาสิว
-การกดสิว ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่สะอาดปลอดเชื้อ หากสิวกดออกไม่หมด อาจจะทำให้เกิดการอักเสบภายหลังได้
-การฉีดยาสิว เพื่อลดการอักเสบในกรณีที่สิวมีการอักเสบมาก มีข้อดีคือหยุดการอักเสบได้เร็ว แต่ควรจะอยู่ในการพิจารณาของแพทย์ เนื่องจากถ้าฉีดไม่ถูกวิธีอาจทำให้ผิวบางและยุบลงได้
-การใช้เลเซอร์ เพื่อเสริมหรือรักษาสิวและลดรอยแดงจากสิวจะทำให้เห็นผลการรักษาที่เร็วขึ้น
การรักษารอยแดงและรอยดำจากสิวควรเริ่มต้นไปพร้อมๆ กับการรักษาสิว เมื่อมีสิวเกิดขึ้นควรรีบรักษาเพราะหากปล่อยไว้จนเกิดการอักเสบลุกลาม อาจทำให้เกิดรอยแดง รอยดำและแผลหลุมสิวที่เป็นถาวรได้
ด้วยเหตุนี้จึงขอเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะมาช่วยลดปัญหาสิวบนใบหน้า พร้อมทั้งมีมอยส์เจอไรเซอร์ช่วยบำรุงผิว และยังช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนไปในขั้นตอนเดียว
ลา โรช-โพเซย์ เอฟฟาคลาร์ ดูโอ [+]
ปริมาณสุทธิ 40 มล. ราคา 990 บาท
ข้อแนะนำ: เหมาะสำหรับผิวมันที่มีปัญหาสิวอุดตันและความมันส่วนเกิน
ดูแลและเสริมประสิทธิภาพการดูแลผิว เพื่อให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและลดปัญหาสิวอุดตัน
และผสาน ProceradTM ช่วยลดปัญหาการเกิดรอยดำและรอยแดงที่เกิดจากสิว