โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
ผลไม้แห่งราชาและราชาแห่งผลไม้
เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “ทุเรียน”
ทุเรียนเป็นผลไม้แห่งราคาด้วยอีกฉายาหนึ่งเพราะเป็นของดีที่ราคาค่อนข้างสูงมาทุกยุคสมัย อย่างในสมัยก่อนบางบ้านกินทุเรียนแล้วต้องทิ้งเปลือกไว้หน้าบ้านคล้ายกับจะบอกว่ามีฐานะพอจะเปิบทุเรียนได้น้า
เป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์แบบทุเรียนๆ
ชาวบ้านหรือละครประเภทถึงอกถึงใจหลายเรื่องอาจใช้ “เปลือกทุเรียน” เป็นพร็อพ เพราะนอกจากจะเผาไล่ยุงหรือสกัดใส่ยาสีฟันได้แล้ว ยังใช้เป็นเครื่องมือที่นางอิจฉาใช้ขู่เข็ญนางเอกผู้แสนดีได้ด้วย
ทุเรียนจึงเป็นผลไม้สารพัดประโยชน์ด้วยประการฉะนี้
ดีและร้ายต่างอยู่ในทุเรียนครับ แต่เหตุใดสิ่งที่จัดเป็น “ผลไม้” นี้จึงเป็นทั้งที่ชื่นชอบและครั่นคร้ามได้มากถึงเพียงนั้น ซึ่งทุเรียนเพียง 1 ลูกที่สุกกำลังดีและวางอยู่ในบ้านโดยไม่มีอะไรห่อหุ้ม อาจเป็นประเด็นร้อนที่ต้องลงประชามติกันโดยไม่ต้องหาโร้ดแม็พก็ได้
ส่วนหนึ่งที่คนห่วงสุขภาพเกรงทุเรียนก็เพราะความหวานมันของมันที่มาพร้อมกับพลังงานสูง ซึ่งของสำคัญในทุเรียนที่นอกจากกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ได้แก่
- คาร์โบไฮเดรตได้แก่ซูโครสและฟรุกโตส
- กำมะถันอินทรีย์ (Organosulfur)
- แอนตี้ออกซิแดนท์ (Polyphenols,flavonoids)
- วิตามินและแร่ธาตุทั้งวิตามินเอ, ซี, อี, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, ธาตุเหล็ก, แมงกานีส, ทองแดงฯลฯ
ได้เคยมีผู้สร้างสรรค์ทุเรียนแบบ “ไร้กลิ่น” ขึ้นมา ซึ่งคอทุเรียนบางท่านก็บอกว่ามันดูเหมือนขาดอะไรไป เพราะเสน่ห์ของทุเรียนอย่างหนึ่งก็คือกลิ่น แต่เรื่องนี้ก็เป็นนานาจิตตังแล้วแต่ใครจะชอบอย่างไร เพราะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรักทุเรียนหรือไม่ปลื้มนัก ก็ล้วนต้องรู้จักผลไม้หนามชนิดนี้กัน
วันนี้เลยขอฝากเคล็ดเรื่องทุเรียนไว้ให้กันว่าถ้าจะกินทุเรียนแบบสบายใจได้ทั้งสุขภาพและความอร่อยนั้นจะต้องทำอย่างไรบ้าง
มีบัญญัติจัดการกับทุเรียนเนื้อดีอยู่ดังนี้ครับ
>>ดีหรือร้ายอยู่ที่เราเลือกกิน
1) กินไม่เพิ่มพุง
ความน่าเกรงขามอย่างหนึ่งของทุเรียนคือ “กินแล้วอ้วน” ชวนให้ผู้รักสุขภาพ แต่ก็รักทุเรียนไม่น้อย หลายท่านบ่นอุบว่าไม่กล้ากินหรือจะกิน ก็ต้องกินแบบเกรงอกเกรงใจแทบจะสะกิดพูกินกัน ซึ่งที่จริงการกินแบบไม่เสี่ยงเพิ่มพุงให้ยุ่งยากของทุเรียนก็คือไม่ควรกินมากเกินไป
และที่สำคัญคือ ไม่ควรกินกับอาหารแป้งหรือของหวานอื่นๆ บ่อยนัก เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น หรือถ้าจะกินทุเรียนมื้อนี้ ก็ควรกินข้าวให้น้อยแล้วเผื่อท้องไว้แทน รวมถึงไม่ควรกินข้าวเหนียวทุเรียนที่อร่อยหวานมันบ่อยนัก
2) กินลดไขมัน
ใครว่าทุเรียนมีแต่น้ำตาลกับแป้งก็ผิดถนัดเพราะในความหวานมันและกลิ่นแรงของมันนั้นมีสารเคมีธรรมชาติที่ช่วยลดไขมันได้จากการวิจัยครับ
โดยการทดลองชี้ให้เห็นว่าสารสำคัญในทุเรียนหมอนทองมีส่วนช่วยลดไขมันในเลือดได้ แต่ทั้งนี้อยู่ที่การกินในปริมาณที่เหมาะสมและต้องคุมอาหารอย่างอื่นๆ ด้วยนะครับ
เพราะการกินหมอนทองแสนอร่อยทีเดียวหลายพูแล้วก็นั่งอืดอยู่ ไม่สามารถช่วยให้สุขภาพดีได้เลยครับ
3) กินกับผลไม้คู่
พ่อแม่ปู่ย่าเราท่านมีเคล็ดดีๆ ที่น่าประทับใจหลายอย่าง โดยเฉพาะกับเรื่องทุเรียนนี้ท่านว่าให้กินกับ “มังคุด” เพราะท่านว่ามังคุดมีฤทธิ์เย็นช่วยต้านกับทุเรียนร้อนได้ดี ซึ่งเรื่องการกินคู่นี้เป็นสิ่งดียิ่งครับ
เพราะในมังคุดมีเส้นใยอาหารสูง มีสารต้านการอักเสบช่วยแก้เรื่องร้อนในและยังมีน้ำในปริมาณมาก ดังนั้นการกินทุเรียนกับมังคุดจึงเข้ากันดีช่วยสุขภาพราวกับกิ่งทองใบหยกจริงๆ ครับ
4) กินดับกลิ่น
ปัญหาสำคัญอีกเรื่องคือ กลิ่นที่แรงจัดของทุเรียน ซึ่งถ้าคนชอบก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าคนไม่ก็จะกลายเป็นสิ่งชวนไม่ปลื้มทันที ในเรื่องกลิ่นนี้มาจากสารอินทรีย์กำมะถันในทุเรียน ซึ่งการแก้กลิ่นหลังกินทุเรียนนี้คงไม่ถึงขนาดทำให้ไร้กลิ่น แต่ก็พอช่วยบรรเทาไปได้
มีเทคนิคคือ กินฝรั่งห่ามๆ สัก 3-4 ชิ้น, เคี้ยวใบสะระแหน่สด หรือสูตรโบราณท่านว่าให้ดื่มน้ำที่รินใส่เปลือกทุเรียนครับ
5) กินช่วยลำไส้
ถ้าจะกินลูกไม้หนามแหลมนี้ให้ช่วยลำไส้ ขอให้อย่ารับประทานหนักเกินไป เพราะเนื้อทุเรียนจะหมักให้แก๊สทำให้อึดอัดท้อง
แต่อาจรับประทานแบบพอประมาณแล้วดื่มน้ำตามได้ หรือจะกินตอนท้องว่างก็ได้ เพราะจะช่วยระบายและไล่เชื้อในลำไส้ด้วยฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์แบบธรรมชาติ ส่วนที่เปลือกมีของดีที่ใช้ฆ่าเชื้อฟันผุในช่องปากได้
6) กินชะลอวัย
ทุเรียนไม่ได้กินเพื่อประชดพุงอย่างเดียวนะครับแต่ยังช่วยกระชากวัยได้ด้วย เพราะในทุเรียนมีสารต้านสนิมแก่ที่สำคัญหลายตัวดังที่บอกไป อย่างโพลีฟีนอลส์ และฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีพลังในการต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่น
นอกจากนั้นยังมีวิตามินที่ช่วยสุขภาพผิวพรรณอย่างเบต้าแคโรทีน, วิตามินอี และวิตามินซีด้วย ขอท่านที่รักอย่าคิดว่าต้องเปรี้ยวจึงมีซีนะครับ เพราะทุเรียนก็มีกรดแอสคอบิกนี้เช่นกันซึ่งช่วยทำงานร่วมกับคอลลาเจนของท่านด้วย
7) กินเติมแร่ธาตุ
ในทุเรียนเนื้อเหลืองมีแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายคนเราขาดไม่ได้อาทิ ธาตุเหล็ก,โพแทสเซียม,แมกนีเซียม,ทองแดง และสังกะสีครบ
ท่านที่มีโลหิตจางขาดธาตุเหล็กก็กินทุเรียนอร่อยๆเ ป็นตัวเติมเหล็กได้ ส่วนท่านที่อยากบำรุงเส้นผมก็ได้ “ซิงก์” คือ แร่สังกะสีกับกำมะถัน ที่ช่วยสุขภาพผมที่มีอยู่ในทุเรียนได้
นอกจากนั้นถ้าไม่ได้ป่วยด้วยโรคไตเสื่อมหรือโรคหัวใจทุเรียน ก็เป็นแหล่งโพแทสเซียมที่ช่วยลดความดันได้ด้วยครับ
8) กินเลี่ยงกับยา
ท่านที่รับประทานยาประจำอยู่ขอให้จับตาดูนิดหนึ่งครับโดยเฉพาะกับท่านที่เป็น “เบาหวาน” เพราะทุเรียนมีผลให้น้ำตาลขึ้นในเลือดได้
ยิ่งทุเรียนสุกเนื้อเหลืองกลิ่นอวลยิ่งชวนให้น้ำตาลพุ่งปรี๊ดกลายเป็นคนหวานมากแทนอ่อนหวานไปส่วนในท่านที่มีไขมันสูงก็ควรจำกัดปริมาณรับประทานให้เหมาะสมด้วย
นอกจากนั้นขอเสริมการกินทุเรียนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่ไม่ดีมีผลต่อสุขภาพแน่ ขออย่าทานร่วมกันครับ
9) กินเติมวิตามินบี
ทุเรียนเป็นแหล่งใหญ่ของ “วิตามินบี” ทั้งบี1, บี2, บี3, บี5 และบี6 ซึ่งช่วยร่างกายเราในการเมตาโบลิซึมคาร์โบไฮเดรต เป็นวิตามินที่ขาดแล้วจะมีปัญหาทันที
นอกจากนั้นท่านที่รับประทานเนื้อสัตว์น้อย อาจรับประทานทุเรียนเป็นแหล่งวิตามินบีที่แทนได้ครับ
10) กินเพิ่มพลังงาน
ถ้าใครอยากได้พลังงานเร็วๆ เข้าสู่ร่างกายทุเรียนจัดเป็นแหล่งพลังงานสูงเลยครับ ซึ่งขุมพลังจากลูกหนามนี้มาจากคาร์โบไฮเดรต, น้ำตาล และไขมันที่มีอยู่เช่นเดียวกับเพื่อนผลไม้อย่างกล้วย,ขนุนหรืออโวคาโด
การรับประทานทุเรียนหลังอาหารมื้อใหญ่อาจทำให้ท่านอิ่มเกินไปจนจุก จึงขอให้วางแผนก่อนกินโดยการลดข้าวและแป้งลง ถ้าหลังจากนั้นจะกินทุเรียนเป็นของหวานครับ
เขียนมาถึงตรงนี้เผอิญนึกขึ้นได้ถึงความน่ารักของคนแต่ก่อนเลยอยากเอามาเล่าให้ท่านที่รักฟัง เพราะคุณตาคุณยายเราสมัยก่อนนั้นท่านมีวิธีรับประทานอาหารอย่าง “แก้กัน” ได้ ยกตัวอย่างถ้าจะกินพริกขี้หนูให้ไม่เผ็ดท้องเสียนั้นท่านว่าให้ติดก้านไว้ด้วยคือ ไม่ต้องเด็ดก้านนั่นแล ซึ่งในส่วนของทุเรียนก็มีเหมือนกันครับ โดยท่านว่าถ้าจะแก้กลิ่นทุเรียนติดไม้ติดมือก็ให้รินน้ำใส่เปลือกทุเรียน แล้วเอามาล้างมือล้างปากก็จะช่วยกันได้
เป็นความเชื่อนะครับ
สุดท้ายนี้ฝากเทคนิคจำง่ายไว้ยามเผชิญกับทุเรียนเนื้อดีที่เกินห้ามใจคือให้ดูสุขภาพของตัวเอง, กินปริมาณเหมาะสมและไม่ควรรับประทานคู่กับของหวานหรือแคลอรีสูงอีกเช่น เงาะ ,ลำไย, น้ำอัดลมรวมถึงอัลกอฮอล์ด้วยครับ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่กินคู่กับทุเรียนแล้วดีก็มีอยู่จริงนะครับ
เป็นต้นว่ากินคู่กับคนที่ซื้อทุเรียนมาฝาก(แฮ่)
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ผลไม้แห่งราชาและราชาแห่งผลไม้
เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “ทุเรียน”
ทุเรียนเป็นผลไม้แห่งราคาด้วยอีกฉายาหนึ่งเพราะเป็นของดีที่ราคาค่อนข้างสูงมาทุกยุคสมัย อย่างในสมัยก่อนบางบ้านกินทุเรียนแล้วต้องทิ้งเปลือกไว้หน้าบ้านคล้ายกับจะบอกว่ามีฐานะพอจะเปิบทุเรียนได้น้า
เป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์แบบทุเรียนๆ
ชาวบ้านหรือละครประเภทถึงอกถึงใจหลายเรื่องอาจใช้ “เปลือกทุเรียน” เป็นพร็อพ เพราะนอกจากจะเผาไล่ยุงหรือสกัดใส่ยาสีฟันได้แล้ว ยังใช้เป็นเครื่องมือที่นางอิจฉาใช้ขู่เข็ญนางเอกผู้แสนดีได้ด้วย
ทุเรียนจึงเป็นผลไม้สารพัดประโยชน์ด้วยประการฉะนี้
ดีและร้ายต่างอยู่ในทุเรียนครับ แต่เหตุใดสิ่งที่จัดเป็น “ผลไม้” นี้จึงเป็นทั้งที่ชื่นชอบและครั่นคร้ามได้มากถึงเพียงนั้น ซึ่งทุเรียนเพียง 1 ลูกที่สุกกำลังดีและวางอยู่ในบ้านโดยไม่มีอะไรห่อหุ้ม อาจเป็นประเด็นร้อนที่ต้องลงประชามติกันโดยไม่ต้องหาโร้ดแม็พก็ได้
ส่วนหนึ่งที่คนห่วงสุขภาพเกรงทุเรียนก็เพราะความหวานมันของมันที่มาพร้อมกับพลังงานสูง ซึ่งของสำคัญในทุเรียนที่นอกจากกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ได้แก่
- คาร์โบไฮเดรตได้แก่ซูโครสและฟรุกโตส
- กำมะถันอินทรีย์ (Organosulfur)
- แอนตี้ออกซิแดนท์ (Polyphenols,flavonoids)
- วิตามินและแร่ธาตุทั้งวิตามินเอ, ซี, อี, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, ธาตุเหล็ก, แมงกานีส, ทองแดงฯลฯ
ได้เคยมีผู้สร้างสรรค์ทุเรียนแบบ “ไร้กลิ่น” ขึ้นมา ซึ่งคอทุเรียนบางท่านก็บอกว่ามันดูเหมือนขาดอะไรไป เพราะเสน่ห์ของทุเรียนอย่างหนึ่งก็คือกลิ่น แต่เรื่องนี้ก็เป็นนานาจิตตังแล้วแต่ใครจะชอบอย่างไร เพราะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรักทุเรียนหรือไม่ปลื้มนัก ก็ล้วนต้องรู้จักผลไม้หนามชนิดนี้กัน
วันนี้เลยขอฝากเคล็ดเรื่องทุเรียนไว้ให้กันว่าถ้าจะกินทุเรียนแบบสบายใจได้ทั้งสุขภาพและความอร่อยนั้นจะต้องทำอย่างไรบ้าง
มีบัญญัติจัดการกับทุเรียนเนื้อดีอยู่ดังนี้ครับ
>>ดีหรือร้ายอยู่ที่เราเลือกกิน
1) กินไม่เพิ่มพุง
ความน่าเกรงขามอย่างหนึ่งของทุเรียนคือ “กินแล้วอ้วน” ชวนให้ผู้รักสุขภาพ แต่ก็รักทุเรียนไม่น้อย หลายท่านบ่นอุบว่าไม่กล้ากินหรือจะกิน ก็ต้องกินแบบเกรงอกเกรงใจแทบจะสะกิดพูกินกัน ซึ่งที่จริงการกินแบบไม่เสี่ยงเพิ่มพุงให้ยุ่งยากของทุเรียนก็คือไม่ควรกินมากเกินไป
และที่สำคัญคือ ไม่ควรกินกับอาหารแป้งหรือของหวานอื่นๆ บ่อยนัก เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น หรือถ้าจะกินทุเรียนมื้อนี้ ก็ควรกินข้าวให้น้อยแล้วเผื่อท้องไว้แทน รวมถึงไม่ควรกินข้าวเหนียวทุเรียนที่อร่อยหวานมันบ่อยนัก
2) กินลดไขมัน
ใครว่าทุเรียนมีแต่น้ำตาลกับแป้งก็ผิดถนัดเพราะในความหวานมันและกลิ่นแรงของมันนั้นมีสารเคมีธรรมชาติที่ช่วยลดไขมันได้จากการวิจัยครับ
โดยการทดลองชี้ให้เห็นว่าสารสำคัญในทุเรียนหมอนทองมีส่วนช่วยลดไขมันในเลือดได้ แต่ทั้งนี้อยู่ที่การกินในปริมาณที่เหมาะสมและต้องคุมอาหารอย่างอื่นๆ ด้วยนะครับ
เพราะการกินหมอนทองแสนอร่อยทีเดียวหลายพูแล้วก็นั่งอืดอยู่ ไม่สามารถช่วยให้สุขภาพดีได้เลยครับ
3) กินกับผลไม้คู่
พ่อแม่ปู่ย่าเราท่านมีเคล็ดดีๆ ที่น่าประทับใจหลายอย่าง โดยเฉพาะกับเรื่องทุเรียนนี้ท่านว่าให้กินกับ “มังคุด” เพราะท่านว่ามังคุดมีฤทธิ์เย็นช่วยต้านกับทุเรียนร้อนได้ดี ซึ่งเรื่องการกินคู่นี้เป็นสิ่งดียิ่งครับ
เพราะในมังคุดมีเส้นใยอาหารสูง มีสารต้านการอักเสบช่วยแก้เรื่องร้อนในและยังมีน้ำในปริมาณมาก ดังนั้นการกินทุเรียนกับมังคุดจึงเข้ากันดีช่วยสุขภาพราวกับกิ่งทองใบหยกจริงๆ ครับ
4) กินดับกลิ่น
ปัญหาสำคัญอีกเรื่องคือ กลิ่นที่แรงจัดของทุเรียน ซึ่งถ้าคนชอบก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าคนไม่ก็จะกลายเป็นสิ่งชวนไม่ปลื้มทันที ในเรื่องกลิ่นนี้มาจากสารอินทรีย์กำมะถันในทุเรียน ซึ่งการแก้กลิ่นหลังกินทุเรียนนี้คงไม่ถึงขนาดทำให้ไร้กลิ่น แต่ก็พอช่วยบรรเทาไปได้
มีเทคนิคคือ กินฝรั่งห่ามๆ สัก 3-4 ชิ้น, เคี้ยวใบสะระแหน่สด หรือสูตรโบราณท่านว่าให้ดื่มน้ำที่รินใส่เปลือกทุเรียนครับ
5) กินช่วยลำไส้
ถ้าจะกินลูกไม้หนามแหลมนี้ให้ช่วยลำไส้ ขอให้อย่ารับประทานหนักเกินไป เพราะเนื้อทุเรียนจะหมักให้แก๊สทำให้อึดอัดท้อง
แต่อาจรับประทานแบบพอประมาณแล้วดื่มน้ำตามได้ หรือจะกินตอนท้องว่างก็ได้ เพราะจะช่วยระบายและไล่เชื้อในลำไส้ด้วยฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์แบบธรรมชาติ ส่วนที่เปลือกมีของดีที่ใช้ฆ่าเชื้อฟันผุในช่องปากได้
6) กินชะลอวัย
ทุเรียนไม่ได้กินเพื่อประชดพุงอย่างเดียวนะครับแต่ยังช่วยกระชากวัยได้ด้วย เพราะในทุเรียนมีสารต้านสนิมแก่ที่สำคัญหลายตัวดังที่บอกไป อย่างโพลีฟีนอลส์ และฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีพลังในการต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่น
นอกจากนั้นยังมีวิตามินที่ช่วยสุขภาพผิวพรรณอย่างเบต้าแคโรทีน, วิตามินอี และวิตามินซีด้วย ขอท่านที่รักอย่าคิดว่าต้องเปรี้ยวจึงมีซีนะครับ เพราะทุเรียนก็มีกรดแอสคอบิกนี้เช่นกันซึ่งช่วยทำงานร่วมกับคอลลาเจนของท่านด้วย
7) กินเติมแร่ธาตุ
ในทุเรียนเนื้อเหลืองมีแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายคนเราขาดไม่ได้อาทิ ธาตุเหล็ก,โพแทสเซียม,แมกนีเซียม,ทองแดง และสังกะสีครบ
ท่านที่มีโลหิตจางขาดธาตุเหล็กก็กินทุเรียนอร่อยๆเ ป็นตัวเติมเหล็กได้ ส่วนท่านที่อยากบำรุงเส้นผมก็ได้ “ซิงก์” คือ แร่สังกะสีกับกำมะถัน ที่ช่วยสุขภาพผมที่มีอยู่ในทุเรียนได้
นอกจากนั้นถ้าไม่ได้ป่วยด้วยโรคไตเสื่อมหรือโรคหัวใจทุเรียน ก็เป็นแหล่งโพแทสเซียมที่ช่วยลดความดันได้ด้วยครับ
8) กินเลี่ยงกับยา
ท่านที่รับประทานยาประจำอยู่ขอให้จับตาดูนิดหนึ่งครับโดยเฉพาะกับท่านที่เป็น “เบาหวาน” เพราะทุเรียนมีผลให้น้ำตาลขึ้นในเลือดได้
ยิ่งทุเรียนสุกเนื้อเหลืองกลิ่นอวลยิ่งชวนให้น้ำตาลพุ่งปรี๊ดกลายเป็นคนหวานมากแทนอ่อนหวานไปส่วนในท่านที่มีไขมันสูงก็ควรจำกัดปริมาณรับประทานให้เหมาะสมด้วย
นอกจากนั้นขอเสริมการกินทุเรียนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่ไม่ดีมีผลต่อสุขภาพแน่ ขออย่าทานร่วมกันครับ
9) กินเติมวิตามินบี
ทุเรียนเป็นแหล่งใหญ่ของ “วิตามินบี” ทั้งบี1, บี2, บี3, บี5 และบี6 ซึ่งช่วยร่างกายเราในการเมตาโบลิซึมคาร์โบไฮเดรต เป็นวิตามินที่ขาดแล้วจะมีปัญหาทันที
นอกจากนั้นท่านที่รับประทานเนื้อสัตว์น้อย อาจรับประทานทุเรียนเป็นแหล่งวิตามินบีที่แทนได้ครับ
10) กินเพิ่มพลังงาน
ถ้าใครอยากได้พลังงานเร็วๆ เข้าสู่ร่างกายทุเรียนจัดเป็นแหล่งพลังงานสูงเลยครับ ซึ่งขุมพลังจากลูกหนามนี้มาจากคาร์โบไฮเดรต, น้ำตาล และไขมันที่มีอยู่เช่นเดียวกับเพื่อนผลไม้อย่างกล้วย,ขนุนหรืออโวคาโด
การรับประทานทุเรียนหลังอาหารมื้อใหญ่อาจทำให้ท่านอิ่มเกินไปจนจุก จึงขอให้วางแผนก่อนกินโดยการลดข้าวและแป้งลง ถ้าหลังจากนั้นจะกินทุเรียนเป็นของหวานครับ
เขียนมาถึงตรงนี้เผอิญนึกขึ้นได้ถึงความน่ารักของคนแต่ก่อนเลยอยากเอามาเล่าให้ท่านที่รักฟัง เพราะคุณตาคุณยายเราสมัยก่อนนั้นท่านมีวิธีรับประทานอาหารอย่าง “แก้กัน” ได้ ยกตัวอย่างถ้าจะกินพริกขี้หนูให้ไม่เผ็ดท้องเสียนั้นท่านว่าให้ติดก้านไว้ด้วยคือ ไม่ต้องเด็ดก้านนั่นแล ซึ่งในส่วนของทุเรียนก็มีเหมือนกันครับ โดยท่านว่าถ้าจะแก้กลิ่นทุเรียนติดไม้ติดมือก็ให้รินน้ำใส่เปลือกทุเรียน แล้วเอามาล้างมือล้างปากก็จะช่วยกันได้
เป็นความเชื่อนะครับ
สุดท้ายนี้ฝากเทคนิคจำง่ายไว้ยามเผชิญกับทุเรียนเนื้อดีที่เกินห้ามใจคือให้ดูสุขภาพของตัวเอง, กินปริมาณเหมาะสมและไม่ควรรับประทานคู่กับของหวานหรือแคลอรีสูงอีกเช่น เงาะ ,ลำไย, น้ำอัดลมรวมถึงอัลกอฮอล์ด้วยครับ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่กินคู่กับทุเรียนแล้วดีก็มีอยู่จริงนะครับ
เป็นต้นว่ากินคู่กับคนที่ซื้อทุเรียนมาฝาก(แฮ่)
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net