ชื่อร้านชิงช้าชาลีออกจะไม่คุ้นหูของนักชิมเท่าไหร่ เพราะเพิ่งเปิดให้บริการมาไม่นานนี้เอง แต่ถ้ารู้ว่าเจ้าของร้านคือ"กอล์ฟ" ณชนก รัตนทารส หนุ่มหล่อผู้หลงใหลในเรื่องอาหารการกินและคร่ำหวอดวงการอาหารมาเกือบ 20 ปี คงเป็นเครื่องการันตีความอร่อยได้ โดยเฉพาะทำเลของร้านชิงช้าชาลีนั้นก็อยู่ที่ชั้น G สยามพารากอนที่เดิมของ “ร้านกิ่งกัลปพฤกษ์” ร้านอาหารไทยชื่อดัง ซึ่งมีเจ้าของคนเดียวกัน
เรียกว่าน้ำพริกสูตรเดิมแต่เปลี่ยนพรีเซ็นเตชั่นใหม่ให้ดูสวยทันสมัยขึ้นนั่นเอง!! แต่ร้านถูกตกแต่งใหม่ในบรรยากาศโปร่งสบาย ๆ เหมาะสำหรับพาครอบครัวที่มาเดินห้างในวันหยุดแล้วแวะมานั่งกินข้าวสบาย ๆ หรือนัดเพื่อนฝูงมากินอาหารแบบชิว ๆ ซึ่งมีเมนูทั้งอาหารจานเดียวและ"กับข้าว"ที่กินกับข้าวสวยร้อน ๆ
อาหารก็มีทั้งของเดิมที่ขึ้นชื่อของร้านกิ่งกัลปพฤกษ์ที่ยังคงเก็บไว้ ส่วนที่แปลกใหม่คือการนำไอเดียสีสันของฤดูกาลมานำเสนอผ่านอาหารไทยโบราณที่ปู่ย่าตายายจะทำกินกันโดยเลือกสรรวัตถุดิบที่มีในแต่ละฤดูมาปรุงทั้งเพื่อเป็นอาหารและเป็นยาป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยในฤดูกาลต่าง ๆ
อาหารตามฤดูกาลนั้นระดมเชฟมากฝีมือถึง 4 คนมาช่วยรังสรรค์กันคนละ 24 เมนูต่อปี ดังนั้นนอกจากอาหารจานดั้งเดิมแล้ว ยังมีเมนูใหม่ ๆ ให้ลิ้มลองตลอดเวลา ซึ่งไม่แปลกที่เมนูของร้านนี้จะค่อนข้างหนา
อาหารที่เรียกว่าเป็นจานเด็ดของที่ร้านนี้ซึ่งมาแล้วไม่ควรพลาดคือ “สะเต๊ะลือ” ใครที่ชอบกินหมูสะเต๊ะขอแนะนำว่าอย่าพลาดจานนี้เพราะอร่อยจริง ๆ ปกติสะเต๊ะทั่วไปหนักกะทิแต่ไม่ถึงเครื่องแล้วใช้สารที่ทำให้หมูเปื่อยเวลาเคี้ยวจึงเละ ลองชิมสะเต๊ะลือแล้วบอกได้ว่ากลิ่นหอมถึงเครื่องถึงรสจริงเพราะหมูหมักกับเครื่องเทศแล้วไม่ใส่กะกิจนเลี่ยน เลือกใช้เนื้อตรงสันคอเนื้อจึงนุ่มแต่ไม่เละเหมือนร้านทั่วไป ส่วนน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะก็ข้นหอมตัดเลี่ยนด้วยอาจาดรสเปรี้ยวน้ำหวานตาม เพอร์เฟคจริง ๆ !!!
ข้าวยำบ้านกอล์ฟ ความจริงคือข้าวยำปักษ์ใต้ แต่ที่ผู้เขียนเรียกขานเป็นชื่อนี้เพราะเป็นสูตรมาจากบ้านเจ้าของร้านที่เป็นผู้ดีเก่า ข้าวยำจานนี้จึงมีน้ำบูดูที่กลิ่นรสหอมละมุน ข้าวหุงด้วยดอกอัญชัญสีม่วงอ่อน ส่วนเครื่องสมุนไพรสดทั้งหมดจะซอยละเอียด ทั้งถั่วงอกเด็ดหัว ใบมะกรูด มะม่วง ตะไคร้ ดอกดาหลา ถั่วฝักยาว ส้มโอ กระหล่ำ และกุ้งแห้งทอด
น้ำพริกพริกไทยอ่อน เป็นอาหารโบราณที่เดี๋ยวนี้หากินได้ยากแล้ว น้ำพริกถ้วยนี้รสชาติจัดจ้านมาก เปรี้ยวหวานนำแล้วเคี้ยวพริกไทยอ่อนตามจะให้รสเผ็ดร้อนเรียกเหงื่อได้ดีทีเดียว กินคู่กับกุ้งแม่น้ำย่างและผักสด อร่อยซู้ดซ้าดมาก
แกงเขียวหวานเนื้อ จานนี้ก็ห้ามพลาดเช่นกัน แค่ซด”น้ำแกง” จะได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศโดดเด่นออกมาจนต้องขอข้าวสวยร้อน ๆ สักจาน ส่วนเนื้อนั้นเลือกตรงส่วนหางจระเข้ที่นุ่มติดมันแต่ไม่เหนียว นำไปเคี่ยวให้เปื่อยกำลังดี จานนี้กินกันข้าวสวยร้อน ๆ หรือโรตีก็ได้
ขนมจีนน้ำยาปู แค่เห็นเนื้อปูสีขาวจั๊วะที่เลือกเฉพาะส่วนกรรเชียงชิ้นโต ๆ มาคู่กับน้ำยาปักษ์ใต้จานนี้ คงไม่ต้องบรรยายความอร่อยอีกแล้ว จานนี้ต้องรีบไปกินเพราะถ้าช่วงเนื้อปูขาดตลาดก็จะอดไปด้วย
ตบท้ายด้วยเมนู”ส้มฉุน” ฟังชื่อก็รู้ว่าโบราณขนาดไหน เป็นประเภทลำใยคว้านเม็ดลอยแก้ว ใส่ขิงอ่อนซอย โรยถั่วลิสง แล้วปรุงน้ำเชื่อมด้วยส้มซ่าที่ให้กลิ่นหอมกว่ามะนาว รสชาติดีมาก เป็นการจบอาหารมื้อนี้อย่างมีความสุข
ร้านชิงช้าชาลีตั้งอยู่ที่ชั้น G ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ที่นั่งจำนวน 150 โต๊ะ แต่จัดอย่างหลวม ๆ นั่งสบายไม่อึดอัด เปิดปิดตามเวลาห้าง
ภาพโดย วชิร สายจำปา