แพร-รติวัลคุ์ ศรีมงคลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย กับสีหน้าระบายรอยยิ้มแห่งมิตรไมตรีที่มีอยู่นั้น บ่งบอกถึงความเป็นกันเองอย่างยิ่งยวด ยิ่งยามได้คุยเรื่องงานและการทำบุญด้วยแล้ว แววตาของเธอผู้นี้ดูยิ่งมีความสุขมากมาย เพราะอะไรลองติดตามเธอกับบทสัมภาษณ์ล่าสุดค่ะ
ลูกสาวของ จำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี ประธานกรรมการบริหาร เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์และละครน้ำดีของเมืองไทย อาทิ รายการ เจาะใจ, กิ๊กดู๋, จันทร์พันดาว ที่ถูกตั้งใจปลุกปั้นให้มาสานต่อและดูแลงานของ “เจเอสแอล” คนนี้ จบการศึกษาจากมัธยมต้นที่ มาแตร์เดอี และปริญญาตรีนิเทศศิลป์ ที่มหาวิทยาลัยเอแบค ก่อนไปเรียนต่อปริญญาโทด้านสื่อสารการตลาด มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เดิมทีแพรไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทำงานที่เจเอสแอล เพราะไม่ใช่งานที่เธอถนัด ผู้บริหารสาวสวยหน้าคมคนนี้บอกว่า หลังจบอาร์ตดีไซน์มา ก็อยากทำอะไรสวยๆ งามๆ ให้ความสุขคนที่มาชมงานของเธอ หากแต่เมื่อแม่ให้มาช่วยงานที่บริษัท เธอก็ตัดสินใจอยู่พักใหญ่ เพื่อสานต่อสิ่งที่แม่รัก โดยช่วงแรกแม่ให้เรียนรู้งานเกือบทุกแผนก ตั้งงานประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร ฝ่ายขายรวมถึงฝ่ายผลิต
“’ต้องเริ่มต้นใหม่หมด ปวดหัวมากเพราะงานทุกอย่างเป็นเชิงบริหาร ทุกอย่างต้องเรียนรู้เอง คุณแม่ทั้งปลอบและดุ ท่านพูดเลยว่า “แม่ไม่ช่วยนะ ชั้นถีบเธอลงน้ำแล้วปล่อยจระเข้ ลงไปด้วย ดูว่าจะต่อสู้แล้วรอดมาได้อย่างไร” ท้อก็ต้องทน เพราะตอนคุณแม่เริ่มทำเจเอสแอลก็มีกันแค่ 2-3 คน ตอนนี้เรามีอยู่ 4 คนคือ แพร กับ ปลาย-จิติณัฐ อัศฎามงคล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาคอนเทนต์ เข่ง-กรินทร์ และ ใหม่-กฤษฏิ์ ชูพินิจ (ทั้ง 2 เป็นทายาท ลาวัลย์ กันชาติ ประธานกรรมการบริหารบริษัทเจ เอส แอล ฯ) เป็นรองกรรมการผู้จัดการบริษัท พวกเราเลือดใหม่ แต่ก็มั่นใจที่จะพาเจเอสแอลไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ค่ะ”
แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก กับการจับอาร์ติสต์สาวสวยมาใส่สูทผู้บริหาร หากแต่ด้วยความตั้งใจผสมกับเลือดแม่ที่มีอยู่เต็มกาย เพียง 4 ปีกว่าหลังเข้ามานั่งบริหารเจเอสแอล แพรก็เรียนรู้งานพร้อมพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่เจเอสแอลจะดำเนินต่อไป ทั้งในเรื่องของการวิเคราะห์ธุรกิจ ซึ่งมีทั้งต้องลดอันเก่าหรือเพิ่มอันใหม่ เช่น รายการทีวีมีอยู่ 6 รายการ ปีหน้าจะเพิ่มอีกกี่รายการ ถ้าเพิ่มสองรายการจะต้องมีกิจกรรมที่มาโอบอุ้มตัวรายการอย่างไร
“อย่างปีนี้เรามีรายการใหม่ “โสภาพลาซ่า” ได้พิธีกร 5 สาว 5 สไตล์ แพนเค้ก, เชียร์, แพรวา, กิ๊บกิ้ว, เห็ดเผาะ และ ไก่-สมพล มาดำเนินรายการ ซึ่งมาแทน “รายการคันปาก” อันนี้ต้องคิด เพราะเราต้องแพลนเพื่อเอามาขายสปอนเซอร์ ซึ่งหลังออกอากาศเทปแรกเมื่อวันที่ 2 มีนาที่ผ่านมา ก็ได้รับผลตอบรับดีนะคะ นอกจากนี้ ก็จะทำมาร์เก็ตติ้งเซอร์วิส คือทำงานใกล้ชิดกับพาร์ตเนอร์ในการร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นๆ มากขึ้น ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป” แพรกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
สำหรับปัญหาและอุปสรรคนั้น แพรยอมรับว่ามีบ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหา แม้เจเอสแอลจะเป็นองค์ใหญ่พอสมควร แต่ทุกคนซึมซับวัฒนธรรมองค์กรกันเป็นอย่างดี “ตอนนี้เราได้คนทำงานเจนเนอเรชันใหม่ๆ เข้ามาก็จริง แต่ดีเอ็นเอพวกเรายังอยู่ ทว่า ไม่ได้ถูกถ่ายทอดถึงคนทำงานได้ทุกคน ฉะนั้น เราต้องปรับ ต้องรีบทำ ในตลาดมีผู้ร่วมแข่งขันมากมาย ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรที่แตกต่าง เสียงของเราก็จะไม่มีทางดังกว่าคนอื่น”
เมื่องานหลักและชีวิตครอบครัวลงตัว แพรก็มีเวลามากขึ้นในการทำงานเพื่อสังคม สิ่งที่เธอยึดมั่นในการทำงาน ก็คือธุรกิจกับจริยธรรมต้องไปด้วยกันเสมอ เพราะเธอเชื่อว่าทั้งสองสิ่งนี้ จะนำพาองค์กรไปเป้าหมายทางธุรกิจอย่างยั่งยืน
แพรบอกว่า ทุกวันนี้ยังจำสิ่งที่คุณแม่ย้ำเสมอว่า หน้าที่ของพวกเธอไม่ใช่แค่ผลิตรายการทีวี แต่ต้องปรับเปลี่ยนมุมมองทัศนคติของสังคมให้เป็นบวก ต้องเปิดมุมมองที่สวยงามและสร้างสรรค์ให้กับผู้ชมและสังคม เพื่อให้เห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองมี แล้วปรับเปลี่ยนชีวิตตัวเอง
“คนดูรายการของเราจะรู้เลยว่า แต่ละรายการของเจเอสแอลมีสาระสร้างแรงบันดาลใจได้ อย่าง “เจาะใจ” หรือ “จันทร์พันดาว” คนที่เราเชิญมาอาจไม่เป็นที่รู้จักในสังคม ซึ่งพอมาออกรายการเพียงแค่ข้ามคืน ชีวิตเขาเปลี่ยนไป จากคนท้อแท้อยากฆ่าตัวตาย พอได้กำลังใจจากทางบ้านก็ทำให้มีกำลังใจสู้ อันนี้เป็นสิ่งที่รู้สึกว่า เราไม่ได้แค่ทำรายการทีวี แต่เราสร้างคอนเทนต์ดีๆ จุดประกายให้เขาเห็นคุณค่าตัวเอง และลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงชีวิต อันนี้คือเป้าหมายที่เราทำมาตลอด 35 ปี และยังคงยึดถือต่อไป แต่ถ้าวันใดเราลุกขึ้นมาทำรายการไร้สาระ ภาพ 35 ปีที่เราพยายามสร้างมาจะจบลงทันที”
นับจากวันแรกที่ก่อตั้ง “เจเอสแอล” จนถึงวันนี้ บริษัทที่ผลิตสื่อแห่งนี้ก็มีอายุ 35 ปีแล้ว แพรยังคงยึดรอยทางที่แม่วางไว้อย่างมั่นคง แต่สิ่งใหม่ที่เธอทำเพิ่มเติมในปีนี้คือการจัดตั้งมูลนิธิเพื่อนร่วมโลก ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมุ่งหวังขยายความช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือดร้อนให้กว้างขวางมากขึ้น “มูลนิธินี้เกิดขึ้นจากน้องดักแด้ ที่พอมาออกรายการแล้วมีคนบริจาคช่วยเหลือน้องกันมาก จนตอนนี้น้องไม่อยู่แล้ว แต่เงินยังเหลือ และมีผู้ใจบุญโอนเงินมาเรื่อยๆ ก็เลยตัดสินใจทำเป็นมูลนิธิเพื่อช่วยคนด้อยโอกาส และคนที่เดือดร้อนได้อย่างทั่วถึง”
ก่อนจากกัน ผู้บริหารสาวยังกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังถึง เจเอสแอล ในวันที่มีอายุครบ 35 ปีว่า ถึงตอนนี้เธอดีใจ ที่ได้มีโอกาสมาทำงานรับช่วงต่อจากแม่และผู้บริหารชุดเก่า เธอถือเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ ที่ได้มาทำงานในจุดของการผลิตสื่อดีๆ คนนับล้านดูแล้วมีความสุข ได้ร่วมแบ่งปันซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น เธอจะไม่หลงลืม จริยธรรมที่ยึดถือมาตลอด และพร้อมจะถ่ายทอดให้คนทำงานทุกรุ่น ควบคู่ไปกับความเจริญเติบโตของธุรกิจ