ทุกวันนี้ตัวการ์ตูน “บ่นบ่น” สาวเกล้าผม บุคลิกขี้หงุดหงิด ชอบบ่นโน่นนี่นั่นไปเรื่อย แถมบางครั้งแอบหยอดข้อคิดให้จี๊ดโดนใจ จนกลายเป็นที่รักของใครหลายคน ด้วยยอดแฟนเพจ “bonbonmonja” กว่า 8 แสนไลก์ ในระยะเวลาไม่ถึง 3 ปี
ที่สำคัญ จำนวนฐานแฟนคลับดังกล่าวเป็นบันไดให้เจ้าของผลงาน “ตรัย”-“วาสิกา อุดมธนสกุล” สาวน้อยอายุยังไม่เต็ม 23 ปี ทำเงินล้านได้จากการขาย “สติกเกอร์” ในโปรแกรมแอปพลิเคชัน “ไลน์” (Line) เรื่องราวของเธอจึงเป็นต้นแบบจุดไฟให้คนมีฝันและมีฝีมืออีกจำนวนมากอยากจะเดินตาม
“ตรัยก็แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบวาดการ์ตูนมาก วาดตั้งแต่เด็ก กับชอบอ่านหนังสือ นิสัยก็เป็นคนขี้บ่น (หัวเราะ) บ่นได้ทุกเรื่อง จนคนรอบตัวคงรำคาญไล่ให้ไปทำอะไรที่เป็นสาระบ้างดีไหม เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เลยวาดการ์ตูนประกอบคำบ่น แล้วโพสต์ลงแฟนเพจตัวเอง” สาวน้อยเล่าถึงที่มาอันแสนเรียบง่ายที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแฟนเพจยอดฮิต
เบื้องต้นไม่เคยคิดถึงการทำเงินใดๆ เลย แค่ให้เพื่อนๆ ช่วยกันกดไลก์แชร์ความสนุก ทว่า ด้วยลายเส้นง่ายแต่รวยเสน่ห์ พร้อมข้อความอ่านแล้วทั้งอมยิ้ม ฮา ซึ้ง และบางครั้งเกิดกำลังใจ ส่งให้แฟนเพจ bonbonmonja เพิ่มมากขึ้นๆ ทะลุไปถึงกว่า 3 แสนไลก์ ทางสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งชวนให้รวมเล่มผลงานขาย ส่งให้มีฐานแฟนคลับมากขึ้นไปอีก
และเมื่อยอดถึง 6 แสน จึงไปเข้าตา “ไลน์ ประเทศไทย” ติดต่อให้ทำ “สติกเกอร์บ่นบ่น” ขายในร้านค้าไลน์เมื่อเดือนเมษายน 2557 ที่ผ่านมา ถือเป็นผู้ผลิตการ์ตูนไทย 2 รายแรกที่ได้รับคัดเลือก เคียงคู่กับ “บรรลือสาส์น” เจ้าของค่าย “ขายหัวเราะ” อันโด่งดัง โดยยอดดาวน์โหลดการ์ตูนบ่นบ่น 3 วันแรกครองแชมป์ขายดีอันดับ 1 และถึงปัจจุบันยังมียอดโหลดเดือนละหลักพันรายต่อเนื่อง รวมแล้วมีรายได้จากการขายสติกเกอร์หลักล้านบาทในเวลาไม่ถึงปี
“ทางไลน์บอกเหตุผลที่เลือกการ์ตูนของตรัย เพราะมีบุคลิกชัดเจน ไม่ซ้ำใคร จำง่าย และมีเนื้อหาน่าสนใจ ซึ่งรายได้จากยอดขาย 30 บาทต่อหนึ่งการโหลดจะแบ่งกับทางไลน์ตามสัญญาไม่สามารถเผยตัวเลขได้ บอกได้แค่น้อยกว่าครีเอเตอร์ทั่วไป แต่แลกด้วยการถูกนำเสนออยู่แถวหน้าในร้านค้าไลน์” สาววัย 23 เผย
นอกจากขายสติกเกอร์แล้ว ด้วยจำนวนฐานแฟนเพจกว่า 8.2 แสนไลก์ (นับถึง 9 ม.ค. 58) ช่วยเปิดโอกาสสร้างรายได้เพิ่มเติม โดยมีบริษัทผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ 3-4 รายลงโฆษณาติดแบรนด์หรือโลโก้ลงในภาพวาดด้วย
ตรัยเสริมจุดนี้ว่า การคัดเลือกแบรนด์มาลงโฆษณาไม่ได้คิดแต่เรื่องเงินอย่างเดียว หากเลือกเฉพาะสินค้าที่เหมาะกับฐานแฟนคลับที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงวัย 16-24 ปี นอกจากนั้น ต้องไม่กระทบให้ภาพวาดเสียความสวยงาม หรือยัดเยียดโฆษณามากจนผู้พบเห็นเสียความรู้สึก
วิธีช่วยให้เฟซบุ๊ก bonbonmonja มียอดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง วาสิการะบุว่า ต้องมีความ “เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ” โดยช่วงแรกรับผิดชอบดูแลคนเดียวทุกขั้นตอน เฉลี่ยจะโพสต์ประมาณ 3 รูปต่อวัน แต่เนื่องจากปัจจุบันเรียนปี 4 แล้ว (คณะศิลปะและการออกแบบ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ ม.รังสิต) มีภาระหนักในการทำวิทยานิพนธ์ ต้องลดความถี่ลง อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยต้องโพสต์ 1 รูปต่อวัน และขอให้พี่ชายมาช่วยทำหน้าที่แอดมินเสริม
วิธีหาไอเดียในการนำเสนอ อาศัยการอ่าน รวมถึงเก็บข้อคิด และประสบการณ์ตัวเองและคนรอบตัวมาถ่ายทอด เป็นข้อความที่ใช้ภาษาง่ายๆ ขั้นตอนการทำงาน ตั้งแต่วาดภาพ แต่งภาพ และโพสต์ ใช้เวลาต่อครั้งแค่ 15 นาที ทว่าความยากที่แท้จริงอยู่ที่การคิดหาเรื่องราวที่จะบอกกล่าว ยิ่งปัจจุบันเพจเป็นที่รู้จักในวงกว้าง การนำเสนอต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
“เรื่องที่ตรัยจะเขียนลงไปส่วนใหญ่จะมาจากอ่าน เน้นเกี่ยวกับความรัก ครอบครัว ให้กำลังใจ และเรื่องราวในชีวิตประจำวันรอบตัว ซึ่งต้องผ่านการคิดทบทวน ไตร่ตรองอย่างดี เพราะในโลกออนไลน์มันรวดเร็วมาก ทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ อย่างเรื่องการเมือง ความเชื่อ ศาสนา ที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ จะไม่แตะเลย”
ด้วยความสำเร็จที่กล่าวมา ย่อมมีนักวาดการ์ตูนหน้าใหม่มองเป็นต้นแบบ อยากได้คำแนะนำเพื่อเดินตามเป็น “ครีเอเตอร์” ขายสติกเกอร์ไลน์มีรายได้เป็นล้าน และมีฐานแฟนเพจเกือบล้านคนบ้าง
สาวช่างคิดยอมรับตามตรงว่า ที่มีวันนี้ได้ส่วนสำคัญหนึ่งมาจากโชคดีที่จังหวะอำนวย ตัวอย่างชัดเจนที่สุด ตอนเปิดแฟนเพจ bonbonmonja เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทุกภาพที่โพสต์สมาชิกทุกคนจะมองเห็น แต่ปัจจุบันเฟซบุ๊กปรับเกณฑ์ให้เห็นน้อยลงเรื่อยๆ แม้แต่ตัวเธอเอง ช่วง 2-3 เดือนหลังยังต้องยอมจ่ายเงินเฟซบุ๊กแลกกับให้คนเห็นโพสต์มากขึ้น เพราะจำนวนผู้โหลดสติกเกอร์กว่า 80% มาจากเป็นฐานในโซเชียลมีเดีย ส่วนการเป็น “ครีเอเตอร์” ขายสติกเกอร์ก็มีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ (ยอดถึงวันที่ 9 ม.ค. 58 มีประมาณกว่า 3.8 หมื่นราย) ดังนั้นโอกาสของหน้าใหม่จึงยากกว่าเธอมาก
อย่างไรก็ตาม การ์ตูนที่จะแจ้งเกิดได้ต้องให้โดนใจผู้พบเห็น ด้วยบุคลิกโดดเด่น ดูแล้วจำได้แทบจะทันที พร้อมพยายามนำเสนอไปสู่สายตาคนให้มากที่สุด ผ่านช่องทางต่างๆ ให้หลากหลาย และเบื้องต้นไม่ควรคิดถึงเรื่องผลตอบแทนมากนัก ขอให้ตัวการ์ตูนเป็นที่รู้จักและจดจำได้เสียก่อน ผลประโยชน์อื่นๆ จะตามมาภายหลังเอง
“แม้จะยากแต่ก็มีโอกาส เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วมาก มีทางเลือกใหม่เสมอๆ ดังนั้น สิ่งสำคัญเหนือกว่า ตรัยมองที่การสะสมความสามารถ โอกาสของแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าเรารู้ว่าเราชอบอะไรสักอย่างก็ควรทำมันไปเรื่อยๆ จนมีความพร้อม และเมื่อโอกาสเข้ามาเราต้องคว้ามันไว้ให้ได้”
ประโยคสุดท้าย ถ้านับเป็นการ “บ่น” ก็คงเป็นเสียงบ่นที่น่าฟังอย่างยิ่ง
แฟนเพจ “bonbonmonja”
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *