โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
การอาบน้ำ ถือเป็นความสดชื่นช่วงเช้าสำหรับหลายคน แต่ก็อาจปนสะพรึงสำหรับผู้ที่ไวต่อความเย็น โดยเฉพาะบางเช้าที่หนาวจนไม่อยากแตะน้ำ ซึ่งการอาบน้ำแล้วขนลุกซู่สั่นสะท้านไปทั้งตัวไม่ใช่ปรากฏการณ์เห็นพลังงานบางอย่าง หากแต่เป็นกลไกธรรมชาติของร่างกาย แต่ก็ไม่ควรให้เกิดนานเกินไปนักโดยเฉพาะในผู้สูงวัยและท่านที่เพิ่งฟื้นไข้
เพราะร่างกายจะสั่นและขนลุก เพื่อดึงความร้อนกับพลังงานข้างในมาใช้
เหมือนดึงเอาเงินเก็บมาจ่ายไป
เมื่อถูกดึงความร้อนไปบ่อยเข้าอาจมีส่วนให้ Homeostasis หรือดุลยภาพภายในแปรปรวนทำให้เจ็บป่วยได้ ซึ่งในเรื่องของการอาบน้ำที่ดูเหมือนง่ายๆ ก็มีส่วนที่ไปปลุกโรคต่างๆ ได้
ทั้งไข้หวัด, ภูมิแพ้, เยื่อบุจมูกอักเสบ, ปอดติดเชื้อ และโรคผิวหนัง
ดังนั้นการระวังก่อนจะย่างเท้าก้าวลงอ่าง และเปิดน้ำราดรดตัวให้สดชื่น ควรจะมีข้อควรรู้ฝากหัวใจไว้สักนิด
ดังต่อไปนี้ครับ
>>อาบอย่างไร ให้เลี่ยงหนาวเลี่ยงป่วย
1) เริ่มปรับจากปลายมือ เรื่องนี้เกี่ยวกับความร้อน-เย็นหรืออุณหภูมิครับ ควรให้ร่างกายได้ค่อยๆปรับตัวก่อนคล้ายกับการวอร์มอัพก่อนออกกำลังกายที่ขาดไม่ได้ ใช้น้ำรดที่ปลายมือปลายเท้าก่อนแล้วค่อยๆ เข้ามา
แม้หลักการใช้ความร้อนสลับเย็นจะดีต่อสุขภาพ แต่ต้องทราบว่าไม่ควรด่วนปุบปับจนร่างกายเกินจะรับ เพราะอาจทำให้เสี่ยงโรคหัวใจกำเริบ, ความดันโลหิตขึ้น หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะเฉียบพลันได้
2) ระวังน้ำร้อนจัด สายน้ำที่กระทบตัวเราควรไม่ให้ร้อนเกินไปถ้าอยู่ในหน้าหนาวหรือมีโรคผิวหนังผื่นคันอยู่
เทคนิคคือ วัดอุณหภูมิด้วยหลังมือก่อนจะดีโดยเฉพาะน้ำอุ่นที่ใช้อาบเด็กน้อย ส่วนท่านที่ชอบแช่น้ำร้อนหรือออนเซ็นซึ่งดี เพราะช่วยผ่อนคลายสบายกล้ามเนื้อ ก็ขอให้อาบน้ำธรรมดาปรับอุณหภูมิก่อนแล้วจะดีครับ
3) อาบน้ำเย็นถ้าผมและผิวแห้ง ถ้าท่านสุขภาพแข็งแรงดีการอาบร่างกายและเส้นผมด้วยน้ำเย็นจะอ่อนโยนกว่าน้ำอุ่น
แม้จะขัดกับความรู้สึกบ้างแต่น้ำเย็นไม่ทำให้ผมแห้งและแตกปลายได้มากเท่าน้ำอุ่น นอกจากนั้นยังไม่ดึงความชุ่มชื้นออกไปจากผิวมากเท่า ท่านที่มีปัญหาผิวแห้งและสุขภาพเส้นผมขอให้ลองอาบน้ำเย็นกำลังดีหรืออุณหภูมิปกติดูบ้างครับ
4) เป่าหัวให้แห้ง การที่ศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมที่แฉะฉ่ำจะทำให้ท่านเสี่ยงเป็นหวัดได้ง่าย โดยเฉพาะใครที่ชอบนอนทั้งที่ศีรษะเปียกเพราะขยันน้อยไปในการเป่าผมก่อนนอนต้องระวังไว้ให้ดี
เพราะโอกาสที่จะมีการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดคัดจมูกฟุดฟิดจะมา ด้วยว่าเชื้อไวรัสหวัดอย่าง “ไรโนไวรัส(Rhinovirus)” ชอบความชื้นในโพรงจมูกมาก หากจะให้ดีควรเช็ดหน้าเช็ดตาและให้แห้งทุกครั้งแล้วอย่าเพิ่งเข้าห้องแอร์ทั้งที่ยังเปียกอยู่ครับ
5) เลี่ยงแช่อ่าง ไม่ได้อยากเป็นมารขวางความสุขของท่าน แต่การแช่อ่างบ่อยไปนักก็ไม่ดี
โดยเฉพาะการแช่นานๆ ที่อาจมีส่วนทำให้เกิดโรคผิวหนังน่ารำคาญได้ เช่น เชื้อราที่ทำให้คันเป็นลิงที่เท้าหรือขึ้นเป็นวงตรงขาหนีบให้คันจนเสียบุคลิกได้
ดังนั้นการแช่อ่างจึงทำได้แต่ต้องไม่บ่อย และคอยรักษาความแห้งสะอาดให้ร่างกายไว้ครับ
เรื่องดีถ้าทำมากเกินไปก็ไม่ดีซึ่งการอาบน้ำบ่อยไปก็อยู่ในข่ายนี้ครับ อาจทำให้แว็กซ์ไขมันดีๆ ที่เคลือบผิวท่านอยู่หลุดไปทำให้ผิวแห้งกร้าน เพราะน้ำผ่านระเหยออกไปหมดเหมือนกับผิวแอปเปิ้ลล้อลมเหี่ยวย่นน่าสงสาร
สุดท้ายนี้การอาบน้ำที่ดีที่สุดไม่ได้อยู่ที่อาบกับใคร แต่อยู่ที่อาบได้ถูกต้อง, ถูกเวลา, ถูกจังหวะ และถูกวิธี ที่จะไม่ทำให้ร่างกายของเราอ่อนแอลงหรือปลุกเอาโรคประจำตัวให้ตื่นขึ้นมาโดยไม่จำเป็นครับ
ขอให้มีความสุขกับสายน้ำกันทุกท่านครับ
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
การอาบน้ำ ถือเป็นความสดชื่นช่วงเช้าสำหรับหลายคน แต่ก็อาจปนสะพรึงสำหรับผู้ที่ไวต่อความเย็น โดยเฉพาะบางเช้าที่หนาวจนไม่อยากแตะน้ำ ซึ่งการอาบน้ำแล้วขนลุกซู่สั่นสะท้านไปทั้งตัวไม่ใช่ปรากฏการณ์เห็นพลังงานบางอย่าง หากแต่เป็นกลไกธรรมชาติของร่างกาย แต่ก็ไม่ควรให้เกิดนานเกินไปนักโดยเฉพาะในผู้สูงวัยและท่านที่เพิ่งฟื้นไข้
เพราะร่างกายจะสั่นและขนลุก เพื่อดึงความร้อนกับพลังงานข้างในมาใช้
เหมือนดึงเอาเงินเก็บมาจ่ายไป
เมื่อถูกดึงความร้อนไปบ่อยเข้าอาจมีส่วนให้ Homeostasis หรือดุลยภาพภายในแปรปรวนทำให้เจ็บป่วยได้ ซึ่งในเรื่องของการอาบน้ำที่ดูเหมือนง่ายๆ ก็มีส่วนที่ไปปลุกโรคต่างๆ ได้
ทั้งไข้หวัด, ภูมิแพ้, เยื่อบุจมูกอักเสบ, ปอดติดเชื้อ และโรคผิวหนัง
ดังนั้นการระวังก่อนจะย่างเท้าก้าวลงอ่าง และเปิดน้ำราดรดตัวให้สดชื่น ควรจะมีข้อควรรู้ฝากหัวใจไว้สักนิด
ดังต่อไปนี้ครับ
>>อาบอย่างไร ให้เลี่ยงหนาวเลี่ยงป่วย
1) เริ่มปรับจากปลายมือ เรื่องนี้เกี่ยวกับความร้อน-เย็นหรืออุณหภูมิครับ ควรให้ร่างกายได้ค่อยๆปรับตัวก่อนคล้ายกับการวอร์มอัพก่อนออกกำลังกายที่ขาดไม่ได้ ใช้น้ำรดที่ปลายมือปลายเท้าก่อนแล้วค่อยๆ เข้ามา
แม้หลักการใช้ความร้อนสลับเย็นจะดีต่อสุขภาพ แต่ต้องทราบว่าไม่ควรด่วนปุบปับจนร่างกายเกินจะรับ เพราะอาจทำให้เสี่ยงโรคหัวใจกำเริบ, ความดันโลหิตขึ้น หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะเฉียบพลันได้
2) ระวังน้ำร้อนจัด สายน้ำที่กระทบตัวเราควรไม่ให้ร้อนเกินไปถ้าอยู่ในหน้าหนาวหรือมีโรคผิวหนังผื่นคันอยู่
เทคนิคคือ วัดอุณหภูมิด้วยหลังมือก่อนจะดีโดยเฉพาะน้ำอุ่นที่ใช้อาบเด็กน้อย ส่วนท่านที่ชอบแช่น้ำร้อนหรือออนเซ็นซึ่งดี เพราะช่วยผ่อนคลายสบายกล้ามเนื้อ ก็ขอให้อาบน้ำธรรมดาปรับอุณหภูมิก่อนแล้วจะดีครับ
3) อาบน้ำเย็นถ้าผมและผิวแห้ง ถ้าท่านสุขภาพแข็งแรงดีการอาบร่างกายและเส้นผมด้วยน้ำเย็นจะอ่อนโยนกว่าน้ำอุ่น
แม้จะขัดกับความรู้สึกบ้างแต่น้ำเย็นไม่ทำให้ผมแห้งและแตกปลายได้มากเท่าน้ำอุ่น นอกจากนั้นยังไม่ดึงความชุ่มชื้นออกไปจากผิวมากเท่า ท่านที่มีปัญหาผิวแห้งและสุขภาพเส้นผมขอให้ลองอาบน้ำเย็นกำลังดีหรืออุณหภูมิปกติดูบ้างครับ
4) เป่าหัวให้แห้ง การที่ศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมที่แฉะฉ่ำจะทำให้ท่านเสี่ยงเป็นหวัดได้ง่าย โดยเฉพาะใครที่ชอบนอนทั้งที่ศีรษะเปียกเพราะขยันน้อยไปในการเป่าผมก่อนนอนต้องระวังไว้ให้ดี
เพราะโอกาสที่จะมีการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดคัดจมูกฟุดฟิดจะมา ด้วยว่าเชื้อไวรัสหวัดอย่าง “ไรโนไวรัส(Rhinovirus)” ชอบความชื้นในโพรงจมูกมาก หากจะให้ดีควรเช็ดหน้าเช็ดตาและให้แห้งทุกครั้งแล้วอย่าเพิ่งเข้าห้องแอร์ทั้งที่ยังเปียกอยู่ครับ
5) เลี่ยงแช่อ่าง ไม่ได้อยากเป็นมารขวางความสุขของท่าน แต่การแช่อ่างบ่อยไปนักก็ไม่ดี
โดยเฉพาะการแช่นานๆ ที่อาจมีส่วนทำให้เกิดโรคผิวหนังน่ารำคาญได้ เช่น เชื้อราที่ทำให้คันเป็นลิงที่เท้าหรือขึ้นเป็นวงตรงขาหนีบให้คันจนเสียบุคลิกได้
ดังนั้นการแช่อ่างจึงทำได้แต่ต้องไม่บ่อย และคอยรักษาความแห้งสะอาดให้ร่างกายไว้ครับ
เรื่องดีถ้าทำมากเกินไปก็ไม่ดีซึ่งการอาบน้ำบ่อยไปก็อยู่ในข่ายนี้ครับ อาจทำให้แว็กซ์ไขมันดีๆ ที่เคลือบผิวท่านอยู่หลุดไปทำให้ผิวแห้งกร้าน เพราะน้ำผ่านระเหยออกไปหมดเหมือนกับผิวแอปเปิ้ลล้อลมเหี่ยวย่นน่าสงสาร
สุดท้ายนี้การอาบน้ำที่ดีที่สุดไม่ได้อยู่ที่อาบกับใคร แต่อยู่ที่อาบได้ถูกต้อง, ถูกเวลา, ถูกจังหวะ และถูกวิธี ที่จะไม่ทำให้ร่างกายของเราอ่อนแอลงหรือปลุกเอาโรคประจำตัวให้ตื่นขึ้นมาโดยไม่จำเป็นครับ
ขอให้มีความสุขกับสายน้ำกันทุกท่านครับ
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net