คนไทยส่วนมากเติบโตมาพร้อมกับการ์ตูน หลายคนยกให้การ์ตูนตัวโปรดเป็นประหนึ่ง “ฮีโร่” ของตัวเอง พร้อมนำอิทธิพลที่ได้รับมาเป็นแรงผลักดันในการทำสิ่งต่างๆ เฉกเช่น “ญี่ปุ่น-พรพรรณ พงษ์ศักดิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดรีม เฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของ Hello Kitty Café ร้านขายขนมเค้กที่ไม่เพียงแต่ยึดครองหัวใจเด็กๆ เท่านั้น หากแต่ยังเป็นทั้งความสุขและความฝันที่เป็นจริงของสาวร่างเล็กคนนี้อีกด้วย
ญี่ปุ่น-พรพรรณ สาวหน้าใสทายาทรุ่นที่ 3 กลุ่มสุวรรณ อุตสาหกรรมปั่นทอ เจ้าของสนามกอล์ฟ สุวรรณกอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ และเดอะเซอร์เคิล คอมมูนิตีมอลล์ย่านราชพฤกษ์ บอกว่า การได้ลิขสิทธิ์ Hello Kitty Cafe เป็นความบังเอิญ เพราะหลังจากรู้ว่า “ซานริโอ” กำลังหาผู้ประกอบการทำคาเฟ่เล็กๆในแถบเอเชีย สามีของเธอคือ ปี๊ด-คงธวัช ก็ชักชวนเพื่อนฝูงมาร่วมหุ้น และมอบให้เธอเข้าช่วยดูแลร้านนี้ในช่วงเริ่มๆ ทันที
“สามีรู้ว่าปุ่นชอบคิตตี้มาก ก็ให้เข้ามาช่วยดูเรื่องการตกแต่ง ข้าวของที่ใช้ในร้าน ซึ่งเมื่อได้ทำแล้วก็รักและหลงมากขึ้น เพราะสิ่งที่ได้ทำ ไม่ต่างกับเมื่อครั้งที่ปุ่นได้นั่งเล่นของเล่นชิ้นโปรดสมัยเด็กๆ เลยค่ะ ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเล่นขายของ เพียงแต่ของที่ขายในตอนนี้เป็นของที่กินได้ จับต้องได้จริงๆ และเราก็มีลูกค้าที่จะต้องดูแลเทคแคร์จริงๆ เหนื่อยกว่าตอนเล่นแต่ก็มีความสุขมากจริงๆ ค่ะ”
แม้ว่า ปัจจุบันจะย่างเข้าวัย 35 ปีแล้วก็ตาม แต่ญี่ปุ่นก็ยังรักเดียวใจเดียวกับตุ๊กตาตัวโปรด โดยเล่าถึงความรัก ความผูกพัน ที่เธอมีให้กับ Kitty ว่า เริ่มมาตั้งแต่อายุ 12 ปี ความชื่นชอบเหล่านี้ติดมาจากคุณแม่ ซึ่งเป็นแฟนคลับตัวจริงของ Kitty โดยช่วงแรกเธอได้เล่นคิตตี้ที่คุณแม่ของเธอซื้อสะสมไว้ก่อน ยิ่งได้เล่นก็ยิ่งหลงใหลในความน่ารักของแมวน้อยมากขึ้น
“คุณแม่สะสมไว้เยอะมากเลยค่ะ แรกๆ ก็เอาออกมาให้ปุ่นกับน้องสาวเล่น แต่พอเล่นเสร็จ พวกเราก็ยึดไว้เป็นของตัวเอง ไม่ยอมคืน ตอนหลังคุณแม่ไม่ยอมเอามาให้เลย แถมเอาไปซ่อน พวกเราก็หาจนเจอ ขโมยมาเล่นทุกวัน จนรู้สึกว่าที่มีอยู่ไม่พอ เลยซื้อเอง ซื้อไปซื้อมามีมากกว่าคุณแม่อีกค่ะ”
สาวร่างเล็กใบหน้าสดใส ยังบอกอีกว่า เมื่อเวลาผ่านไป ตัวการ์ตูนหลากหลายตัวก็หมุนเวียนสับเปลี่ยนมาให้เด็กๆ ได้มีความสุขมากมาย เธอเองแม้จะชื่นชอบคิตตี้มาก แต่เมื่อมาพบกับอัศวินสาวที่ชื่อ “เซเลอร์มูน” สาวญี่ปุ่นก็ตกหลุมรักทันที ด้วยเหตุผลที่ว่า “อยากสวย อยากเก่ง อยากมีแฟนหล่อ และแปลงร่างได้”
“เซเลอร์มูนเป็นการ์ตูนที่รักมาก พอๆ กับคิตตี้ ชอบสรีระที่สวยและเท่มากๆ ตอนเด็กชอบจินตนาการและคิดว่าตัวเองเป็นเซเลอร์มูน ช่วงนั้นหายใจเข้า-ออกเป็นเซเลอร์มูน เงินค่าขนมที่ได้ไปโรงเรียน ก็เก็บไว้ซื้อเซเลอร์มูนเพียงอย่างเดียว ซื้อทุกคอลเลกชันเลยค่ะ ทุกอาทิตย์ต้องรอดูว่ามีอะไรใหม่ออกมา พอรู้แล้วก็มาตกลงกับน้องสาวว่าใครซื้อตัวไหน แล้วแลกกันเล่น จะได้ไม่ซ้ำกัน”
นอกจาก คิตตี้และเซเลอร์มูนแล้ว “พอลลี่ พ็อกเกต” เด็กผู้หญิงและหมาน้อยตัวเอกของบ้านตุ๊กตาขนาดจิ๋ว ที่ถูกออกแบบย่อส่วนให้อยู่ในกล่องคล้ายตลับแป้ง และกระเป๋าถือ สำหรับพกพาไปเล่นได้ทุกสถานที่ ก็เป็นของเล่นอีกชนิดที่เธอชื่นชอบ
สำหรับ พอลลี่ พ็อกเกต เป็นตุ๊กตาของเล่นที่แตกต่างไปจากคิตตี้และเซเลอร์มูน ตรงที่เป็นบ้านสำเร็จรูป มีแอคเซสเซอรี่นำมาประกอบตัวตุ๊กตาและหมาน้อย สามารถถอดเคลื่อนย้ายได้ ประตู-หน้าต่าง-ตู้เสื้อผ้า เปิด-ปิดให้ความรู้สึกเหมือนจริง
เสน่ห์ของบ้านตุ๊กตาจิ๋ว พอลลี่ พ็อกเกต ในมุมของญี่ปุ่นนั้น เธอบอกว่าอยู่ที่เหมือนมีชีวิต เวลาเล่นเหมือนมีอารมณ์สนุก เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง แม้ราคาอาจจะแพงกว่าของเล่นทั่วไป หากแต่เธอยืนยันว่า เหล่านี้คือความสุขของเธอ เธอดีใจที่ได้หยิบข้าวของต่างๆ มาจัดเรียงให้เข้ากับอารมณ์ในตอนนั้นๆ ถึงของเล่นจะไม่พูดจา แต่ก็ทำให้เธอมีสมาธิ สามารถสร้างจินตนาการได้ อยากแสดงเป็นตัวอะไรก็ได้ที่อยากเป็น
“เสียดายที่ตอนนี้ พอลลี่ พ็อกเกต เลิกผลิตไปแล้ว ไม่มีขาย ของทุกชิ้นที่ปุ่นซื้อไว้สมัยเป็นเด็กยังอยู่ครบ ปุ่นเก็บไว้ตั้งโชว์ที่บ้าน บางอันเอามาให้ลูกเล่น แต่ลูกยังเล็กเขาไม่รู้ว่าเป็นของที่แม่รัก บางอันเล่นแรงก็แตกหัก หาซื้อใหม่ไม่ได้แล้ว ปุ่นเลยต้องเก็บซ่อน บางทีต้องตัดใจซื้อใหม่ให้เขาเล่น เพราะเสียดายตรงที่ว่า ของเล่นเหล่านี้หาซื้อใหม่ไม่ได้แล้ว ราคาตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง เพราะตอนซื้อสมัยเด็กราคาก็หลักหลายพันบาทแล้ว ตอนนี้ปุ่นประเมินไม่ได้ คิดว่าคุณค่าอยู่ที่จิตใจมากกว่าค่ะ”
แม้ว่าของเล่นมากมายที่มีอยู่ จะไม่ได้เล่นและกลายเป็นของเก่าเก็บแล้ว แต่ ญี่ปุ่น-พรพรรณ ก็ไม่เคยคิดขายทำกำไร เธอบอกกับเราว่า ทุกวันนี้ถ้ามีเวลาว่างจากการดูลูกๆ และงานประจำแล้ว เธอจะหยิบออกมาเช็ดเป็นประจำ "ปุ่นจำได้หมดนะคะว่าเซ็ตไหนมีอะไรบ้าง แม้จะได้แค่หยิบมาดู ไม่ได้เล่น ไม่ได้จินตนาการเหมือนสมัยเด็ก ส่วนราคาตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง ปุ่นคิดว่าคุณค่าอยู่ที่จิตใจเพียงเท่านี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ ตั้งใจจะสร้างห้องเก็บของเล่น ตั้งโชว์ให้ลูกๆได้ดูว่า ของเล่นในยุคที่แม่ยังสาว มีความคลาสิกมากน้อยแค่ไหน” เจ้าแม่คิตตี้กล่าวทิ้งท้าย
