เนื่องในโอกาสที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศยกย่องให้สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ เป็นบุคคลสำคัญของโลก ประจำปี 2556 และเพื่อเฉลิมพระเกียรติในวาระครบ 150 ปี แห่งพระราชสมภพ ขัตติยนารีผู้ทรงมีผลงานดีเด่นด้านการศึกษาสำหรับเด็กและสตรี การศึกษาด้านสาธารณสุขศาสตร์ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ ประยุกต์และสังคม และมนุษยศาสตร์ มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา จึงจัดนิทรรศการแห่งแรงบันดาลใจสำหรับเยาวชนไทยในชื่อ "สามขัตติยนารีแห่งสยาม ทรงสร้างเพื่อประโยชน์สุของคนไทย" โดยมี ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยา เลขาธิการมูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา เป็นผู้พาเยี่ยมชมนิทรรศการ ณ วังรื่นฤดี ซอยสุขุมวิท 38 ด้วยตัวเอง
ท่านผู้หญิงบุตรี กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่าได้น้อมนำพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพันณณวดี และพระนางเจ้าสุวัทนาพระวรราชเทวี ในรัชกาลที่ 6 ขัตติยนารีทั้งสามพระองค์ที่ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิชเพื่อช่วยเหลือพสกนิกรมาตลอดพระชนมชีพ ทั้งในด้านการพัฒนาตนเองอย่างสมบูรณ์พร้อม และนำความรู้ความสามารถมาใช้ให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติบ้านเมืองมาจัดแสดงให้ทุกคนได้ร่วมสำนึกในพระกรุณาธิคุณของทั้ง 3 พระองค์
โดยนิทรรศการครั้งนี้ท่านผู้หญิงบุตรีบอกว่า เน้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามขัตติยนารีแห่งสยาม ซึ่งมีทั้งหมด 3 โซนด้วยกัน คือ โซนที่หนี่ง "นาถแห่งแผ่นดิน" ว่าด้วยพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ หรือพระพันปีหลวง ซี่งไฮไลท์ของนิทรรศการนี้ที่หาชมได้ยากคือ “เหรียญแฟเบร์เช่” ซึ่งเป็นเหรียญที่สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานแก่ข้าราชบริพารที่ถวายงานเป็นการขอบคุณ เมื่อครั้งที่ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะประพาสยุโรป “เหรียญเฉลิมพระชนมพรรษา 50 พรรษา พ.ศ. 2456” หรือชื่อที่พระพันปีหลวงทรงเรียกขานเป็นประจำว่า “เหรียญหมูเสาวภา” เป็นเหรียญที่พระราชทานให้แก่พระสหายที่เกิดในปีกุลซึ่งเป็นปีนักษัตรเดียวกันกับพระพันปีหลวง รวมพระราชทานให้แก่ผู้ที่ถวายงาน นอกจากนี้ยังมี "ผ้าทรงสะพัก" หรือผ้าพาดพระอังสะ(ไหล่) อายุกว่า 100 ปี ที่มีความละเอียดงดงามมาจัดแสดงให้ชม
ส่วนโซนที่ 2คือ "ขัตติยนารีผู้ปิดทองหลังพระ" ว่าด้วยพระประวัติและพระกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ประกอบด้วย เหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ 6, 7 และรัชกาลปัจจุบัน และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ผู้มาเยือนทุกคนจะได้ชื่นชมในพระวิริยะอุตสาหะของเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ คือผ้านิตติ้งอันเป็นงานอดิเรกที่ทรงถักเพื่อพระราชทานให้แก่ทหารตามจังหวัดชายแดนตามคำแนะนำของพระพันปีหลวง
โซนที่สาม "สร้อยมุกที่หายไปกับลมหายใจเพื่อผู้อื่น"ว่าด้วยพระประวัติและพระกรณียกิจของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชกาลที่ 6 ประกอบด้วย สร้อยไข่มุกพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 อันเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญที่บ่งบอกเรื่องราวหลากอารมณ์ในฐานะของแม่ที่มีความอดทนอุตสาหะ และความเฉลียวฉลาด ไข่มุกแต่ละเม็ดที่ถูกริดออกไปจากสร้อยเส้นยาว พระองค์ทรงใช้ในการดูแลพระราชธิดา พร้อมทั้งใช้เป็นทุนทรัพย์เพื่อแสวงหาความรู้ที่จะดำรงพระเกียรติของพระราชธิดา
“ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองถูกริบเงินไปเกือบหมด พระนางเจ้าสุวัทนาจึงได้พาพระราชธิดาไปประทับที่ประเทศอังกฤษ และรัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานสร้อยไข่มุกให้กับพระภาติยะ (หลานสาว)ของพระองค์ พร้อมรับสั่งกับพระนางเจ้าสุวัททนา ว่าเงินทองนี้ก็ให้ใช้สอยอย่างประหยัด แต่ถ้าขัดสนเมื่อไรก็ให้นำออกมาขายเพื่อรักษาฐานะของเจ้าฟ้าไว้ ไข่มุกทุกเส้นที่ได้นำออกมาขายนั้นหมายถึงพระวิริยะอุตสาหะของพระองค์ในฐานะแม่ที่ต้องใช้ในการดูแลพระราชธิดา”
นอกจากนี้ท่านผู้ญิงบุตรียังเน้นย้ำเชิญชวนให้ประชาชนคนไทยเข้ามาชมนิทรรศการเพื่อที่จะ ได้เห็นว่าเจ้านายทรงทำสิ่งได้กันบ้าง ทุกชิ้นที่นำมาจัดแสดงมีความสำคัญหมด เป็นสิ่งของหาดูได้ยากบางชิ้นมีอายุนับร้อยปี นอกจากนี้วังรื่นฤดี ที่ใช้เป็นสถานที่จัดนิทรรศการครั้งนี้อันเป็นที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ว่าทรงอยู่อย่างเรียบง่าย ทั้งนี้ตลอดการเข้าชมจะมีนักเรียนจากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และโรงเรียนราชินี มารับหน้าที่เป็นผู้บรรยายตลอดงาน
ร่วมชมพระจริยวัตรของ 3 ขัตติยนารีแห่งสยามได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 14 ธ.ค. ติดต่อเข้าชมเป็นหมู่คณะได้ที่ 09-143-2921-22 ในวันและเวลาราชการ หลังจากนี้ทุกคนสามารถตามไปชมนิทรรศการได้อีกครั้งที่พระราชวังมฤคทายวันระหว่างวันที่ 26 -28 ธ.ค.57 เวลา08.00-18.00 น.
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net