คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
คุยกับตัวเองอีกครั้ง...
อันเนื่องมาจากความเสียใจในบางคราเมื่อหวังแล้วไม่เป็นดังหวัง
ยามเมื่อลมหนาวพัดหวน ความหม่นเหงาและความทรงจำในสิ่งที่อยากลืมประดังประเดกันเข้ามาเกลื่อนกลาดบ้าน
รีบปิดประตูซุกตัวลงใต้ผ้าห่มนอน ในความมืดที่ฉันนอนอยู่นั้นได้ยินเพียงเสียงเต้นตึกๆ ของหัวใจตัวเอง
ฉันพยายามหลบหนีทุกสิ่งอย่างไปในความฝัน พักพิงอยู่ที่นั่น ณ.ยามราตรีกาล ฉันเกลียดเวลากลางคืน
ในป่ามีต้นไม้นั้นมืดสนิท นกกลางคืนร้องในยามดึกช่างน่ากลัว..เสียงทุ้มต่ำบ้างแหบโหย ลมหนาวในเวลาดึกดื่นยังพัดพากอไผ่เสียดสีเสียงนั้นบาดลึกไปในห้วงใจภายใน
ฉันเกลียดความมืด เพราะมันเป็นบ่อเกิดแห่งความเศร้า
ฉันเกลียดความเศร้า เพราะมันทำให้ฉันสบสน หมดความมั่นใจ ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงจุดไหน ความไม่มั่นใจและอารมณ์ในด้านลบต่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้หมดเมื่อความเศร้ามาเยือนในหัวใจ
งานการนั้นเล่าฉันวางมือไว้หลายวันแล้ว ชิ้นสุดท้ายที่เสร็จไปนั้นคือนางฟัารักและห่วงที่ทำด้วยอาลัยรักแมวแสนรักที่หายไป ฉันฝืนทำนางกวักมาได้อีกชิ้นหนึ่ง นางกวักนั้นก็ดูผิดแผกแหวกไปจากนางกวักทั้งหลายที่เคยปั้นมา ฉันมองเธอเป็นของประหลาดชิ้นหนึ่ง "ไม่รัก ไม่เกลียด" และเอาเธอวางไว้กับหนังสือในตู้
ฉันปัดกวาดบ้าน จัดตู้ จัดห้อง จัดหนังสือ จัดทุกอย่างให้บ้านเรียบร้อยและสวยงาม
มันสิ้นเปลืองเวลา พลัง และความตั้งใจไปอย่างมากมายสำหรับฉัน ผู้ซึ่งทำทุกอย่างคนเดียวด้วยสองมือ
"เวลาจะมีใครมาบ้าน ฉันจะเป็นเช่นนี้"
ฉันให้เกียรติกับคนที่มาหาฉันอย่างมากที่สุดเสมอ.... นั่นคือสิ่งที่ฉันทำ ฉันเป็น
บางทีฉันก็สงสารตัวเองรักตัวเอง และอยากกอดตัวเองอีกสักครั้ง กอดตัวเองด้วยวงแขนทั้งสองของตัวเองให้อบอุ่นให้แนบแน่นโดยไม่ต้องไปพึ่งพาอ้อมแขนของใคร
ภาวะบางภาวะนั้นทำให้หัวใจของฉันย้อนกลับไปเป็นเช่นเด็กๆ ในเวลาอ่อนแอหรือมีปัญหา ฉันได้เห็นตัวเองว่าฉันนั้นช่างเปราะบางทางความรู้สึกอย่างมากมาย ฉันพยายามคิดถึงเหตุและผล แต่แล้วก็จนใจต่อความคิดที่มีอารมณ์มาสนับสนุนจนเจริญงอกงามอย่างมากมายของตัวเอง
คงเป็นเพราะเป็นคนเช่นนี้ ฉันจึงทำงานแบบนี้ได้ ความไม่สมบูรณ์ในสิ่งที่มี ก่อเกิดให้เป็นพลังบางอย่างที่ผลักออกมาในหน้าที่การงานอันพิเศษนี้ มันไม่ง่ายเลยที่จะประคองชีวิต กายและใจ อยู่กับการเป็นคนเช่นนี้ เพราะมันทำให้ฉันเหนื่อยกับตัวเองเหลือเกิน เหมือนคนที่ถูๆ ไถๆ ล้มลุกคลุกคลานไปมา แล้วยืนได้บางคราฉะนั้น
เหนื่อยนะ.......เหนื่อยกับอารมณ์ เหนื่อยกับความคิด เหนื่อยกับความรู้สึก
เหนื่อยจนอยากระบายมันด้วยการหยิบดินขึ้นมาปั้น ส่งต่อความในใจที่มีลงสู่ก้อนดินนั้น
มีใครจะรู้ไหม..ทุกข์เหล่านี้อยู่เบื้องหลังเงาดินของฉัน
มีใครจะรู้ไหม..สุขเหล่านั้นที่อยู่เบื้องหลังเงาดินของฉัน
สุขและทุกข์ผ่านมาผ่านไป หมุนเปลี่ยนวนเวียนตราบเท่าที่ยังหายใจ
หญิงสาวงานปั้นผู้งามแบบเหงาๆ ในตู้ของรักเหล่านั้น พวกเธอคงรู้ดี
"อยู่ให้คนหลงรัก..มารัก ดีกว่าเธอจะไปหลงรักใคร ให้ใจกับใครนะองุ่น เอาใจมาคืนให้พวกฉันคือรูปปั้นอันเป็นการงานของเธอดีกว่า แล้วเธอจะไม่เสียใจ
เพราะใครๆ ก็ต่างรักเรา ทั้งงานและคนสร้างงาน......"
ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว
รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
คุยกับตัวเองอีกครั้ง...
อันเนื่องมาจากความเสียใจในบางคราเมื่อหวังแล้วไม่เป็นดังหวัง
ยามเมื่อลมหนาวพัดหวน ความหม่นเหงาและความทรงจำในสิ่งที่อยากลืมประดังประเดกันเข้ามาเกลื่อนกลาดบ้าน
รีบปิดประตูซุกตัวลงใต้ผ้าห่มนอน ในความมืดที่ฉันนอนอยู่นั้นได้ยินเพียงเสียงเต้นตึกๆ ของหัวใจตัวเอง
ฉันพยายามหลบหนีทุกสิ่งอย่างไปในความฝัน พักพิงอยู่ที่นั่น ณ.ยามราตรีกาล ฉันเกลียดเวลากลางคืน
ในป่ามีต้นไม้นั้นมืดสนิท นกกลางคืนร้องในยามดึกช่างน่ากลัว..เสียงทุ้มต่ำบ้างแหบโหย ลมหนาวในเวลาดึกดื่นยังพัดพากอไผ่เสียดสีเสียงนั้นบาดลึกไปในห้วงใจภายใน
ฉันเกลียดความมืด เพราะมันเป็นบ่อเกิดแห่งความเศร้า
ฉันเกลียดความเศร้า เพราะมันทำให้ฉันสบสน หมดความมั่นใจ ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงจุดไหน ความไม่มั่นใจและอารมณ์ในด้านลบต่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้หมดเมื่อความเศร้ามาเยือนในหัวใจ
งานการนั้นเล่าฉันวางมือไว้หลายวันแล้ว ชิ้นสุดท้ายที่เสร็จไปนั้นคือนางฟัารักและห่วงที่ทำด้วยอาลัยรักแมวแสนรักที่หายไป ฉันฝืนทำนางกวักมาได้อีกชิ้นหนึ่ง นางกวักนั้นก็ดูผิดแผกแหวกไปจากนางกวักทั้งหลายที่เคยปั้นมา ฉันมองเธอเป็นของประหลาดชิ้นหนึ่ง "ไม่รัก ไม่เกลียด" และเอาเธอวางไว้กับหนังสือในตู้
ฉันปัดกวาดบ้าน จัดตู้ จัดห้อง จัดหนังสือ จัดทุกอย่างให้บ้านเรียบร้อยและสวยงาม
มันสิ้นเปลืองเวลา พลัง และความตั้งใจไปอย่างมากมายสำหรับฉัน ผู้ซึ่งทำทุกอย่างคนเดียวด้วยสองมือ
"เวลาจะมีใครมาบ้าน ฉันจะเป็นเช่นนี้"
ฉันให้เกียรติกับคนที่มาหาฉันอย่างมากที่สุดเสมอ.... นั่นคือสิ่งที่ฉันทำ ฉันเป็น
บางทีฉันก็สงสารตัวเองรักตัวเอง และอยากกอดตัวเองอีกสักครั้ง กอดตัวเองด้วยวงแขนทั้งสองของตัวเองให้อบอุ่นให้แนบแน่นโดยไม่ต้องไปพึ่งพาอ้อมแขนของใคร
ภาวะบางภาวะนั้นทำให้หัวใจของฉันย้อนกลับไปเป็นเช่นเด็กๆ ในเวลาอ่อนแอหรือมีปัญหา ฉันได้เห็นตัวเองว่าฉันนั้นช่างเปราะบางทางความรู้สึกอย่างมากมาย ฉันพยายามคิดถึงเหตุและผล แต่แล้วก็จนใจต่อความคิดที่มีอารมณ์มาสนับสนุนจนเจริญงอกงามอย่างมากมายของตัวเอง
คงเป็นเพราะเป็นคนเช่นนี้ ฉันจึงทำงานแบบนี้ได้ ความไม่สมบูรณ์ในสิ่งที่มี ก่อเกิดให้เป็นพลังบางอย่างที่ผลักออกมาในหน้าที่การงานอันพิเศษนี้ มันไม่ง่ายเลยที่จะประคองชีวิต กายและใจ อยู่กับการเป็นคนเช่นนี้ เพราะมันทำให้ฉันเหนื่อยกับตัวเองเหลือเกิน เหมือนคนที่ถูๆ ไถๆ ล้มลุกคลุกคลานไปมา แล้วยืนได้บางคราฉะนั้น
เหนื่อยนะ.......เหนื่อยกับอารมณ์ เหนื่อยกับความคิด เหนื่อยกับความรู้สึก
เหนื่อยจนอยากระบายมันด้วยการหยิบดินขึ้นมาปั้น ส่งต่อความในใจที่มีลงสู่ก้อนดินนั้น
มีใครจะรู้ไหม..ทุกข์เหล่านี้อยู่เบื้องหลังเงาดินของฉัน
มีใครจะรู้ไหม..สุขเหล่านั้นที่อยู่เบื้องหลังเงาดินของฉัน
สุขและทุกข์ผ่านมาผ่านไป หมุนเปลี่ยนวนเวียนตราบเท่าที่ยังหายใจ
หญิงสาวงานปั้นผู้งามแบบเหงาๆ ในตู้ของรักเหล่านั้น พวกเธอคงรู้ดี
"อยู่ให้คนหลงรัก..มารัก ดีกว่าเธอจะไปหลงรักใคร ให้ใจกับใครนะองุ่น เอาใจมาคืนให้พวกฉันคือรูปปั้นอันเป็นการงานของเธอดีกว่า แล้วเธอจะไม่เสียใจ
เพราะใครๆ ก็ต่างรักเรา ทั้งงานและคนสร้างงาน......"
ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว
รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews