xs
xsm
sm
md
lg

บทกวีจากเพื่อน : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

ค่ำคืน
เสียงฝนตก
ฉันนอนน้ำตาซึม
คิดถึงร่มเงาของต้นมะขาม
ในความมืดของราตรีกาล
มองออกไปที่นอกหน้าต่างห้องนอน
ค่ำคืนนี้...ยังไม่มีพระจันทร์
สายฝนคงกลัวฉันเศร้า
จึงได้รีบหยุดโปรยปรายลงไปชั่วขณะ
แต่เพียงแค่ครู่เดียว ก็ค่อยๆ เทเม็ดฝนลงมาอย่างหนักหน่วงขึ้น
มันเป็นความจริงใช่มั้ย..ที่บ่อยครั้งเหตุการณ์ในชีวิตของเราได้ดำเนินมาถึงจุดที่เราต้องเลือก


ฉันเลือกที่จะตัดต้นมะขามใหญ่ที่เคยให้ร่มเงาแก่บ้านของฉันออกไป เพราะฉันอยากให้ในห้องนอนได้มีอากาศถ่ายเทมากขึ้น

การมีต้นมะขามใหญ่กิ่งใบร่มครึ้มอยู่ชิดติดห้องนอนขนาดนั้น ตอนกลางคืนต้นไม้คงจะคายคาร์บอนมอนออกไซค์ เข้ามาในห้องของฉัน ซึ่งฉันมักจะพบว่า ตัวเองตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการไม่สบายเหนื่อยที่หัวใจในเวลากลางดึกขณะที่กำลังนอนอยู่ในห้องนอนเสมอ..

ในขณะที่เสียงเลื่อยไฟฟ้ากำลังทำงาน ฉันจึงเดินไปเสียที่อื่น ไปให้ไกลจากที่นั่น ฉันไม่อยากฟังเสียงอันโหดร้ายที่กำลังห้ำหั่นต้นมะขามที่กำลังเจ็บปวด ฉันเดินหนีไปจากการถูกทำลายล้างความมีชีวิตและความเป็นมาที่เนิ่นนานของมัน ฉันเดินหนีไปจากเสียงเหล่านั้นและข่มใจฝันถึงดวงจันทร์....

"เราจะมีอากาศที่ปลอดโปร่ง ผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน ในคืนจันทร์เพ็ญ ฉันก็จะได้เห็นพระจันทร์ที่หน้าต่าง และแสงของพระจันทร์นั้นจะอาบไล้ลงบนร่างของฉันที่กำลังนอนหลับ"

มันเป็นสิ่งที่ต้องเลือก และฉันก็เลือกแล้ว ที่จะไม่มีต้นมะขามอีกต่อไป ร่มเงาที่เคยมีในตอนกลางวันนั้นก็พลันหายไปเสียสิ้น

แสงแดดแผดร้อนในยามบ่าย สาดส่องมายังห้องนอนของฉันระอุอ้าว บ้านของกระรอกและนกถูกทำลาย ลงไปกองอยู่กับซากของกองใบมะขามที่พื้นดิน ลำต้นอันเคยสง่างามนั้นเล่าถูกเลื่อยเอาไปขาย ปิดฉากการมีชีวิตของต้นมะขามใหญ่ข้างบ้าน...

แต่แล้วในคืนที่ฝนตก ฉันจะไปคิดถึงร่มใบของมันอีกเพื่ออะไร? ก็ฉันเป็นคนสั่งฆ่าและทำลายมันเอง!!!

นี่แหละนะ มันเป็นภาวะที่ฉันจำเป็นต้องเลือก แต่ฉันก็อยากสารภาพกับเธอเหลือเกินนะ ต้นมะขามจ๋า แม้ฉันจะเป็นผู้ร้ายฆ่าเธอ แต่การทำลายเธอมันก็ก่อให้เกิดความทุกข์แก่ฉัน ฉันไม่ได้มีความอิ่มเอมใจอันใดหรอก แม้ว่าจะพยายามเบนหัวใจไปที่ดวงจันทร์มากเพียงไรก็ตาม

ฉันแอบคิดถึงคนหลายคนที่เป็นฆาตกร ในส่วนลึกของจิตใจพวกเขา ก็คงไม่มีความสุขหรอก ที่ได้ทำอะไรอย่างนั้นลงไป ก็ดูแต่ฉันกับต้นมะขามสิ...

ฝนโปรยลงมาอีกเพียงครู่ใหญ่ แล้วหยุดไป ทิ้งไว้แต่ความเงียบ และความมืดที่นอกหน้าต่าง ฝนคงกลัวฉันจะร้องไห้ คิดถึงร่มเงาแห่งต้นมะขาม จึงหยุดตกไปเสียดื้อๆ


ในชีวิตมีหลายๆ เหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องเลือก และแลกเอากับความเสียใจ แต่ท้ายที่สุดเพื่อความอยู่รอด เราก็จะแปรความเสียใจนั้นให้เป็นแง่มุมของด้านตรงกันข้าม คือความเข้มแข็งเสมอ เพราะนั่นคือหนทางของการอยู่รอดและการเติบโต

ฉันถอนหายใจ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ..

ชีวิตของฉันไม่ได้มีทางเลือกแห่งความรื่นรมย์ที่พิศดารอันใดนัก
และทางเลือกในค่ำคืนนี้ คือการรำลึกถึงบทกลอนบทหนึ่งที่มีคนแต่งให้ฉัน

"ฉันเห็นสองมือนี้ที่ปั้นโลก"
แม่เนื้อนวลอวลกลิ่นหอมดินกรุ่น
อิงแดดอุ่นส่องฉายเคียงปลายผม
พักตร์ละไมพรายยิ้มพริ้มเพราพรม
หัวใจบ่มเสกศิลป์จากดินดี

สองมือกอดสอดนิ้วพริ้วร่างรูป
เหมือนรอยจูบจากฟ้ามาที่นี่
กลึงเสลาเกลาสลักถักชีวี
ลงในรูปเทวีที่เบื้องนั้น

จากเครื่องมือเนื้อแข็งเป็นแน่งน้อย
ช้า..แช่มช้อย ลอยเลื่อนเหมือนความฝัน
จากภายในฉายชัดอัศจรรย์
เป็นรางวัลสรรสู่ทุกผู้คน

เธอปั้นโลกทั้งใบในโลกนี้
ปั้นความดี ความเหงา เศร้า สับสน
ปั้นกิเลสรูปรอย ร้อยเล่ห์กล
เธอปั้นความวกวนให้คนคิด

อย่างเรียบง่าย ร่ายงาม ตามมือน้อย
แล้วค่อยค่อย ร้อยความไปตามจิต
ค่าควรเมืองเรืองรองงามผ่องพิศ
เนรมิตโลกา บรรณากาล

แต่ละชิ้น..ละชิ้น ดินเปล่าเปล่า
แต่ละเรื่อง แต่ละราว ได้เล่าขาน
แต่ละร่องแต่ละรอยเป็นตำนาน
แต่ละงาน แต่ละงาน อ่อนหวานนัก

พริบพรี

ใช่...มันเป็นเช่นนั้น..มันเป็นเช่นนั้นเอง
โอ...บทกลอนเก่าๆ นี้ช่างทำให้ฉันมีพลังใจ
ฉันคิดถึงมัน..เพราะฉันไม่อยากโศกเศร้าในค่ำคืนนี้...

ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว


รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม

จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี

ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด

ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี

เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า

“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ

รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข

ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”

ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW

ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews


กำลังโหลดความคิดเห็น