xs
xsm
sm
md
lg

พญ.อัจจิมา สุวรรณจินดา คุณหมอผู้รักสมดุลชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>การใช้ชีวิตในสังคมเมืองและการมีชีวิตที่สมดุลในยุคสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่เราต้องพยายามจัดทุกอย่างให้สมดุลลงตัวให้ได้ เพราะนั่นหมายความรวมไปถึงว่าเราจะมีสุขภาพที่ดี ท่ามกลางสภาวะต่างๆ ในสังคมทุกวันนี้... ครั้งนี้เรามีโอกาสบุกมาถึงคอนโดหรูติดสนามกอล์ฟของ “พญ.อัจจิมา สุวรรณจินดา” เจ้าของศูนย์การแพทย์ MEDISCI (อัจจิมาสหคลินิก) เพื่อพูดคุยเรื่องสุขภาพที่น่าจะเป็นประโยชน์กับมนุษย์ทำงานทุกคน นอกจากนี้ เรายังทำความรู้จักกับสไตล์และความเป็นคุณหมอผู้รักสมดุลในการใช้ชีวิตคนนี้มากขึ้นด้วย

พญ.อัจจิมา สุวรรณจินดา หรือ หมอหญิง คุณหมอคนดังที่สร้างชื่อเสียงให้วงการแพทย์ผิวหนังเมืองไทย ด้วยดีกรีและความสามารถหลังจบการศึกษาเฉพาะทางด้านผิวหนัง จาก Boston University สหรัฐอเมริกา พร้อมประสบการณ์การทำงานกว่า 20 ปี ที่เธออุทิศตนในตำแหน่งอาจารย์พิเศษ แผนกผ่าตัดผิวหนัง มะเร็งผิวหนังและเลเซอร์ผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ อาจารย์ International Training Center of Laser Therapy แห่งโรงพยาบาลรามาธิบดี และอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญที่ทุ่มเทไม่แพ้กันกับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์เมดิไซน์ (อัจจิมาสหคลินิก) ศูนย์การแพทย์ที่ให้บริการด้านสุขภาพและความงาม รวมถึงการรักษาแบบองค์รวมที่ครบวงจร

“งานของหมอแบ่งเป็น 2 ส่วน คืองานที่เป็นงานบริหารและส่วนที่ทำให้กับโรงพยาบาล โดยเป็นอาจารย์พิเศษที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นงานที่ทำมาตั้งแต่เริ่มเรียนจบ พูดเลยว่าเป็นงานที่ตัวเองรัก เป็นงานที่ให้ความรู้กับแพทย์รุ่นใหม่ๆ อีกทั้งเกี่ยวกับการผ่าตัดมะเร็งผิวหนัง ความสวยความงาม เลเซอร์ ซึ่งตัวเองก็มักจะหาความรู้เพิ่มเติมด้วยไม่ว่าจะเป็นการอบรม หรือเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับผิวหนัง เพื่อเป็นการต่อยอดด้านผิวหนังขึ้นไปอีก

ส่วนถ้าเป็นงานบริหารก็เป็นส่วนบริษัทของตัวเอง ชื่อ Medisci Clinic (เมดดิไซน์คลินิก) ที่มีการใช้หลักการแพทย์หลายๆ อย่างมารวมกันให้เป็นการรักษาที่ครบองค์สมบูรณ์และตอบโจทย์ของคนไข้แต่ละคนที่เดินเข้ามามากที่สุด โดยตอนนี้มี 4 สาขาที่ นอร์ธปาร์ค ถนนงามวงค์วาน, เดอะเซอร์เคิล ถนนราชพฤกษ์, พอร์โต้ ชิโน่ ถนนพระราม 2 และสาขาน้องใหม่ล่าสุดย่านกลางเมือง ที่ ‘ทากะทาวน์’ ตรงซอยพร้อมพงศ์ สุขุมวิท 39 ด้วย

สำหรับ Medisci แตกต่างจากโรงพยาบาลที่รักษาคนไข้ก็คือ เน้นการฟื้นฟูสุขภาพเชิกรุก หาต้นเหตุหรือต้นตอของการเกิดปัญหาหรือการเกิดโรคแต่ละอย่างเพื่อจะรักษาให้หาย โดยคอนเซ็ปต์ที่เป็นแบบนี้เพราะตัวเองเป็นคนจริงจังเวลาทำงาน เพราะฉะนั้นเราจะจริงจังมากในการรักษาคนไข้ให้หาย การรักษามีตั้งแต่แนวการแพทย์ปัจจุบัน และยังมีการนำวิธี Homeopathy เข้ามารักษาด้วย ในลักษณะของการแพทย์ปรับสมดุล การแพทย์จีนก็มีผลช่วยได้เยอะ ศาสตร์ฝังเข็ม ศาสตร์ธรรมชาติบำบัด ทุกอย่างผสมผสานกันแล้วถึงจะทำให้เป็นศาสตร์ที่ดีขึ้น หรืออย่างวิธีที่หมอใช้ในการค้นคว้าหาสาเหตุของโรค เราเรียกว่าเป็น Functional Medicine ก็คือการดูแลทางการแพทย์ ที่ค้นหาดูในร่างกายว่ามีสิ่งไหนที่ผิดปกติและอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค

กว่า 80-90% ของโรคผิวหนัง เป็นโรคที่บ่งบอกถึงสุขภาพภายในว่า ร่างกายของเรามีปัญหาและความผิดปกติบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ ถึงทำให้เกิดโรคหรือปัญหาภายนอกตามมา ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นเรื่องของสุขภาพร่างกาย ฉะนั้นการรักษาก็ต้องวินิจฉัยถึงต้นตอที่มาของรอยโรค

ฟื้นฟูก่อนจะสาย

หลายๆ ครั้งการใช้ชีวิตของเราเองนั่นแหละที่เป็นตัวการทำร้ายสุขภาพของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร ความเครียด การไม่ใส่ใจในการออกกำลังกาย ล้วนแต่เป็นสิ่งสร้าง “สารพิษ” ให้ตัวเองทั้งนั้น จากตรงนี้เองเมื่อเกิดโรคอะไรขึ้นมา ทางคุณหมอก็จะต้องขุดคุ้ยให้เจอต้นตอของปัญหา และเร่งฟื้นฟูก่อนที่จะสาย

“กว่า 80% ของโรคที่เป็นในปัจจุบันมาจากการใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร การไม่ออกกำลังกาย ดื่มแอลกอฮอล์ เครียด นอนดึก ซึ่งตรงนี้เป็นตัวที่สำคัญสำหรับคนไข้ เพราะมักเป็นตัวก่อโรค ส่วนใหญ่ต้องหาดูว่าสาเหตุที่มีปัญหาคืออะไร เช่น มีปัญหาภูมิต้านทานที่ผิดปกติ จะต้องดูว่าสาเหตุของการมีภูมิต้านทานที่ปกตินี้มาจากอะไร บางคนมาจากความเครียด อาหาร โดยเฉพาะอาหารนี่เป็นตัวสำคัญเลย เพราะอาหารนอกจากจะเป็นตัวซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ในทางกลับกันอาหารก็อาจเป็นตัวการที่ทำให้เกิดสารพิษ หรือเปลี่ยนสมดุลกรดด่างภายในร่างกาย หากในเซลล์ร่างกายมีแต่ขยะเต็มไปหมดก็ทำงานไม่ได้ เพราะว่าการทำงานของเซลล์ต้องอาศัยการส่งผ่านของสารอาหารต่างๆ การขับสารพิษออกไปจากเซลล์ ถ้าเข้าไม่ได้ ออกไม่ดี มีปัญหาแน่นอน ถ้าเราปรับตรงนี้ได้ ส่วนใหญ่แล้วก็จะฟื้นคืนเกือบหมด ต้องวงเล็บว่าในสภาวะร่างกายที่ยังสามารถมีการซ่อมแซมหรือฟื้นฟูได้


การรักษาของหมอจะพยายามฟื้นฟูสภาพร่างกาย ทำให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง สามารถที่จะต่อสู้โรค สิ่งแปลกปลอม ความผิดปกติได้ด้วยตัวเอง หลักการพื้นฐานอยู่ที่ทำให้ร่างกายของคุณซ่อมตัวเอง! ทำให้ร่างกายกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน ร่างกายของเรามีระบบของมันอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่ได้ดูแลใส่ใจ ฉะนั้นเราต้องทำให้ระบบนี้ทำงาน ไม่ใช่รักษาแต่การให้ยาเพื่อกดอาการ พอหายจากอาการนี้แล้วมันจะเป็นอาการอื่นอีก”


แนะนำคนไข้และปรับใช้กับตัวเอง

คอยดูแลคนไข้และให้คำแนะนำกับผู้ป่วยมาเยอะ ในเรื่องการปรับสมดุลให้กับร่างกาย โดยส่วนตัวของคุณหมอเองนั้นก็นำคำแนะนำที่ให้กับคนไข้นั่นแหละมาดูแลตัวเองด้วย โดยวิธีเบสิกง่ายๆ ที่ทำให้ทุกคนมีร่างกายที่ดีขึ้นกว่าเดิม ก็คือ อาหารดี ออกกำลังกายดี พักผ่อนดี และขจัดความเครียดได้ดี

“วิธีเบสิกมากๆ ที่ทุกคนรู้คือเรื่องของอาหาร อาหารนี่สำคัญจริงๆ ต้องทานอาหารให้ครบห้าหมู่ และพยายามหลีกเลี่ยงสารที่จะทำให้เกิดพิษต่อร่างกาย เช่น อาหารแช่แข็ง แช่อิ่มหมักดอง อาหารแปรรูป ทั้งหลาย แหนม ไส้กรอก อาหารกระป๋อง เพราะอาหารเหล่านี้สามารถสร้างการอักเสบในร่างกายได้ อาหารหวานก็เป็นอีกกลุ่มที่อาจจะสร้างอาการอักเสบได้เยอะ กาแฟเย็นที่เราทานกันอยู่ น้ำเชื่อม น้ำตาล วิปครีม ทั้งหมดพวกนี้เป็นตัวกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย เพียงแต่ว่าจะแสดงออกให้เห็นแบบไหน


เรื่องที่สองคือการออกกำลังกาย ต้องจัดเวลาให้ได้ออกกำลังกายให้ได้ อย่างหมอตื่นมาหมอก็จะปั่นเครื่องออกกำลังกาย ยืดร่างกาย ถ้ามีเวลาก็คือจะต่อยมวย ขี่จักรยานข้างนอก แต่พอช่วงที่เวลาน้อยลงก็ต้องจัดเวลาให้ถูก เช่น เมื่อก่อนมีเวลาไปขี่จักรยานที่ต่างจังหวัด เดี๋ยวนี้ก็แค่ไปขี่สวนรถไฟ แม้ว่าเวลาน้อยลง แต่ต้องพยายามบีบกิจกรรมให้ยังทำได้เหมือนเดิม เพียงแต่ปรับรูปแบบ


เรื่องที่สามคือการพักผ่อน เพราะร่างกายเรามีกลไกการทำงานที่ซับซ้อน จึงต้องนอนหลับพักผ่อนให้ระบบภายในร่างกายได้เตรียมพร้อมและพักฟื้น ประสาอะไรกับเครื่องจักรกลเองก็ยังต้องมีการพักเครื่อง เพื่อยืดอายุการใช้งาน เพียงแต่ร่างกายเรามีความสัมพันธ์กับนาฬิกาชีวิต ต้องนอนตรงเวลา ตื่นตรงเวลา และที่สำคัญคือ คุณภาพการนอนของเราก็ต้องดีด้วย จึงจะนับว่าร่างกายได้รับการพักผ่อนที่ดีจริงๆ


สุดท้ายเรื่องสำคัญคือเรื่องความเครียด ต้องรู้จักจัดการความเครียด ไม่มีใครหรอกที่ไม่มีความเครียด เพียงแต่เราจะจัดการกับความเครียดอย่างไร เวลามีความเครียดหลายๆ อย่างก็ส่งผลถึงร่างกายด้วย วิธีง่ายๆ คือมองว่าทุกเรื่อง ทุกปัญหาเป็นเรื่องปกติ ธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องเจอ ชีวิตมีขึ้นมีลง ไม่ได้ราบเรียบตลอดเวลา มีความสุขมากล้นแค่ไหนเดี๋ยวก็ไป ความทุกข์ก็เช่นกัน ต่อให้ทุกข์มากแค่ไหน เดี๋ยวมาแล้วก็ไป จริงๆ แล้วก็เหมือนกับการเอาหลักธรรมในพุทธศาสนามาใช้เป็นสัจธรรมในชีวิตนั่นเอง”


สวยพันปีตำรับแพทย์ผิวหนัง

ขึ้นชื่อว่าเป็นแพทย์ผิวหนังแถวหน้าของเมืองไทย ฉะนั้น เรื่องการดูแลตัวเองจึงเป็นสิ่งที่คุณหมอแสนสวยต้องดูแลอย่างมาก ทั้งเรื่องผิวพรรณ รูปร่าง หน้าตา ต้องเป๊ะไม่ให้เสียชื่อสาวพันปี!

“เริ่มจากการดูแลตัวเองจากภายในเยอะๆ เน้นเรื่องของการรับประทานอาหาร การออกกำลังกายและการจัดการความเครียด เวลาเครียดสามารถแสดงออกทางผิวหนังเลยนะ เพราะเมื่อเครียดภูมิต้านทานจะดร็อปลงทันที และส่งผลต่อระบบร่างกาย ชนิดที่ว่าเครียดปุ๊บหน้าหมองได้ทันที เพราะว่าผิวหนังถือเป็นอวัยวะที่รับรู้เรื่องของจิตใจมาก หน้าตาไม่มีความสุข สิวขึ้นฝ้าขึ้นได้เลย

ถ้าโดยส่วนตัวหมอดูแลตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารเสริม แต่การรับประทานอาหารเสริมแต่ละคนขึ้นอยู่กับว่าร่างกายคุณขาดหรือต้องการอะไร ใช้ลักษณะของการปรับสมดุลธรรมชาติ การให้สารอาหารต่างๆ เช่น ถ้าเราทำงานหนักก็ต้องฟื้นฟูเซลล์ของเราให้ทันกับความเสื่อม เพราะยิ่งทำงานหนักเซลล์ยิ่งเสื่อมเยอะ แต่เมื่อเราเลือกที่จะทำแบบนี้เพราะต้องทำหรือเพราะรักที่จะทำ ก็ต้องรู้จักดูแล

แม้กระทั่งการฝังเข็ม ศาสตร์จากธรรมชาติมากระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น เน้นอยู่สองอย่างคือให้อาหารดีกับการเอาสารพิษออก วิธีขับสารพิษที่ง่ายที่สุดก็คือการออกกำลังกาย อีกวิธีคือนั่งนิ่งๆ ปล่อยใจ เหมือนกับเราทำสมาธิ ไม่คิดอะไร ขจัดความเครียดออกจากจิตใจ”

เหมือนจะหวานแต่เท่

อาจเป็นเพราะภารกิจที่ต้องเดินทางไปประชุมบ่อยๆ ทำให้ไลฟ์สไตล์ของคุณหมอแสนสวยกลายเป็นเรื่องของการเดินทาง และซื้อของแปลกๆ ในที่ที่ไปพบเห็นไปโดยปริยาย

“นิสัยชอบท่องเที่ยวมาจากการประชุม ปีหนึ่งต้องเดินทางไปประชุม 7-8 ครั้ง อย่างการที่เราเป็นกรรมการบริหารของสมาคมแพทย์ผิวหนังที่เกี่ยวกับศัลยกรรมผิวหนังระดับโลก ซึ่งเราทำงานอยู่ถึงสององค์กร คือทั้งองค์กรของยุโรป และองค์กรของอเมริกา เขาก็จะจัดประชุมในที่สวยๆ บางครั้งได้ไปในที่ที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ไปถ้าไม่ติดอะไรก็จะไปทุกครั้ง ประชุมเสร็จอาจจะอยู่ต่อ 1-2 วัน ไปอิ่มเอมกับบรรยากาศของเมืองนั้นหน่อย ชอบไปเดินดูวัฒนธรรมของเขา ชอบประวัติศาสตร์ ชอบธรรมชาติสวยๆ และมักจะซื้อของกระจุกกระจิก ของแต่งบ้านแปลกๆ ที่เราคิดว่าคงหาไม่ได้จากที่ไหน”

ซึ่งจากการที่เห็นของแต่งบ้านของคุณหมอในการมาเยือนของเราครั้งนี้ ดูจากสไตล์ของการแต่งบ้านแล้วนั้นดูไม่หวานสไตล์หญิงๆ เท่าไหร่ หากแต่จะเป็นแนวเท่ๆ และมีดีไซน์ซะมากกว่า

“ดูเหมือนสไตล์หมอจะหวานนะ แต่จริงๆ หมอไม่หวาน ชอบอะไรคล้ายๆ ผู้ชาย ของแต่ละอย่างดูแมนๆ นิดนึง ส่วนตัวชอบสะสมรถ สะสมโมเดล ไม่ใช่คนที่หวาน (หัวเราะ) ชอบอะไรเท่ๆ มากกว่า ชอบดีไซน์ ชอบซื้อของแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ส่วนตัวชอบรถ Porsche มีของสะสมที่เป็น Porsche design หลายชิ้น

กิจกรรมอีกอย่างคือชอบขับรถ แต่ก่อนก็ขับเอง แต่เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่จะมีคนขับรถเพราะเราต้องคิด ต้องทำอะไรหลายอย่าง ใช้รถตัวเองน้อยลง แต่ก็มีรถหลายคัน เร็วๆ นี้กำลังจะมีทริปไปขับ Autobahn ที่เยอรมัน นัดกับเพื่อนสนิทที่เยอรมันไว้ แพลนไว้หลายรอบแล้ว แต่ปีนี้ต้องไปให้ได้แน่ๆ”

ชอปปิ้งบำบัด!

กับมุมหญิงๆ ของคุณหมอแสนสวยคนนี้กันบ้าง แน่นอนว่าเป็นผู้หญิงทั้งทีก็ต้องมีบ้างที่อยากจะแต่งตัวสวยๆ และชอปปิ้ง ซึ่งหลายๆ ร้านที่คุณหมอเป็นแฟนประจำต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าคุณหมอเข้าร้านไหนร้านนั้นโชคดีไปเลย!

“เป็นคนซื้อง่าย คือถ้าชอบก็ซื้อเลย เสื้อผ้ามีแบรนด์ประจำอยู่ พอเรารู้สไตล์แล้วก็จะซื้อแต่แบรนด์ที่เข้ากับเรา เป็นคนที่ใช้เวลา Shopping สั้นมาก แต่ว่าเยอะ (หัวเราะ) เพราะเวลาน้อย เมื่อก่อนไม่ค่อยซื้อ แต่เดี๋ยวนี้เดือนหนึ่งต้องซื้อของใหม่บ้าง ให้ชีวิตไม่น่าเบื่อ การแต่งตัวก็จะได้มีสีสันขึ้น

คนไข้จะชอบถามหมอว่าหาเงินไปเอาไปใช้อะไรเนี่ย ไม่เห็นหมอใช้เงินเลย วันๆ ทำแต่งาน หารู้ไม่เวลาหมอซื้อทีหมอซื้อหนักเลย ซื้อชิ้นใหญ่ๆ อย่างนาฬิกา รถ เครื่องประดับก็มีบ้างเล็กน้อยเพราะเราต้องใช้ออกงาน”

ท้ายนี้ขอปิดท้ายด้วยสไตล์ในการใช้ชีวิตของคุณหมอแสนสวยคนนี้ที่ว่า “ชีวิตนี้ก็มีชีวิตเดียว ถ้าไม่ได้ใช้ในสิ่งที่ควรจะใช้ก็ไม่รู้จะใช้เมื่อไหร่แล้ว หาความสุขให้ต้องเองบ้าง หมออยากซื้ออะไรก็ซื้อ อยากทำอะไรก็ทำ อะไรก็ได้ที่สร้างความสุขให้กับจิตใจเราที่มันไม่ได้เดือดร้อนคนอื่นหมอจะทำ” ขอให้ทุกคนเอนจอยกับชีวิตของเราอย่างเต็มที่ค่ะ :: Text by FLASH






กำลังโหลดความคิดเห็น