โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
หลายท่านมีนิยามความหนุ่มสาวและความแก่ต่างกันไปในหัวใจ
บ้างมองความหนุ่มสาวว่าเป็นวัยทำงาน ส่วนคนแก่เป็นวัยเกษียณที่พักผ่อนชีวิต
หรือบางท่านใช้สถานที่เป็นเครื่องชี้วัย เช่น วัยรุ่นต้องคู่กับเดินห้างเข้าผับ ส่วนผู้สูงวัยก็ถูกมองว่าต้องคู่กับวัดวาหรือว่าอยู่กับบ้านเสียอย่างนั้น
มองกันไปเป็นพิมพ์นิยม (Stereotype) เหมือนกับทุกคนในแต่ละวัยต้องทำแบบเดียวกันเหมือนถอดบล็อคออกมา
อันที่จริงไม่ว่าวัยไหนล้วนมี “ความพิเศษ” ของตัวเองที่ธรรมชาติฝากเอาไว้ เอาง่ายที่สุดที่เห็นชัดก็คือคนเรามีโอกาสหนุ่มสาวได้ครั้งเดียวเช่นเดียวกับสามารถแก่ได้ครั้งเดียว
เป็นโอกาสทองทั้งสองวัยครับ
ขึ้นอยู่กับใครจะเห็นแสงดาวที่พราวพรายนั้น
ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้ชีวิตให้สิ้นเปลืองไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างไม่รู้ตัวได้เช่นกัน ซึ่งการใช้ชีวิตให้ดูแก่นั้นไม่ยากนักคือ ทำตามใจรักของตัวเองไปในทางลบ อาทิ นอนดึก, กินดึก, ทั้งดื่มและสูบให้เต็มที่ เพียงเท่านี้ก็จะพบกับความแก่ได้โดยง่าย
แต่ถ้าอยากให้มีวัยที่สุขภาพดีอยู่กับตัวเองไปนานๆ ไม่ว่าวันวานจะผ่านไปแต่ก็ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ ก็พอมีวิธีอยู่ครับ มีข้อแม้อยู่เพียงข้อเดียวคือ
ต้อง “ลองเองรู้เอง”
ในทางอายุรวัฒน์ว่าสิ่งนี้เป็นปัจจัตตังครับ สำหรับการใช้ชีวิตให้อ่อนเยาว์ถนอมความสุขไว้ในหัวใจได้นานๆ มีการฝึกง่ายๆ ที่อาจลองทำแล้วค่อยๆ กลายเป็นนิสัยแห่งความสุข
-> ดูแล้วง่ายแต่ต้องลงมือทำเองดังต่อไปนี้ครับ
1) กินง่ายอยู่ง่าย ใช้ชีวิตแบบตามน้ำแต่ไม่ตามกระแส นั่นคือชีวิตมีขึ้น-ลงก็เข้าใจไม่ตีโพยตีพายไป มีอะไรให้กินก็กินได้ไม่ต้องเน้นของแพงหรือสุขภาพจ๋า รู้สึกมีความสุขที่มีกินดีกว่าไม่มีกิน และสุขได้ในทุกขณะแม้จะถึง “ขาลง” ก็คิดได้ว่ายังมี 2 มือ 2 เท้าที่เราได้จากพ่อแม่ช่วยแก้ได้ทุกสถานการณ์ครับ
2) อยู่กับสัตว์เลี้ยง การได้อยู่กับ “เด็ก” หรือ “สัตวเลี้ยง” จะช่วยคืนความสดชื่นในหัวใจได้ครับ ลองสังเกตปู่ย่าที่รับขวัญหลานคนใหม่จะเหมือนกับเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง แต่ถ้ายังไม่มีลูกหรือหลานก็หาสุนัขหรือแมวนี่ละครับ รับมาอุปการะก็ได้ท่านจะได้ความสุขวัยเยาว์แถมด้วยช่วยสุขภาพได้หลายโรคครับ
3) ชอบเรียนรู้ การกระตือรือร้นหรืออย่างน้อย “พยายาม” รับสิ่งใหม่ๆ ให้ง่ายจะดีต่อร่างกายของท่านอย่างดียิ่งครับ โดยเฉพาะกับ “สมอง” ที่เป็นของมีค่าที่ไม่ควรให้ “ฝ่อ”ไปตามเวลาที่ผ่านไปหรือปล่อยให้หดหู่หัวใจ ในช่วงแรกอาจต้องฝืนแต่ต่อไปจะยืนได้ด้วยตัวเองครับ
4) นอนและตื่นเป็นเวลา หาจังหวะนอนของตัวเองให้ได้แล้วทำวินัยให้เกิดกับเวลา “เข้านอน” และ “ตื่นนอน” ครับ เพราะมันจะช่วยปรับสมองให้ทำงานได้ดีสร้างเคมีสุขและเคมีง่วง (เมลาโทนิน) ออกมาได้ช่วยให้ร่างกายสดชื่นคืนความเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้ง
5) หาสิ่งแปลกใหม่ทำ ลองพาตัวเองทำในสิ่งสร้างสรรค์ที่ไม่เคย แต่ไม่ต้องถึงขั้น “กดดัน” ตัวเองมากจนเกินไป ขอให้เริ่มจากง่ายๆ อย่างออกกำลังกายก็อาจลองฝึก “โยคะ” ดู หรือถ้าออกอยู่แล้วก็อาจลอง “ซุมบ้า” ดูบ้างก็ได้ อย่างท่านที่ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ก็อาจลองใช้
6) ชื่นชมคนอื่น โจทย์ยากที่สุดของมนุษย์คือ การชมคนอื่น การกล้าเอ่ยคุณงามความดีของคนอื่นเป็นคุณสมบัติของผู้มีใจกว้างและดีแท้ การหัดชมคนอื่นจะช่วยให้ใจสบายลดความริษยาและความรู้สึกเปรียบเทียบไปโดยปริยาย
7) ออกกำลังกาย ขอให้ขยับไม่อยู่นิ่งครับ กฏสำคัญคือ “ความว่างคือบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย” อย่าให้ตัวเองอยู่ว่างจะสร้างขยะทุกข์และโรคภัยไข้เจ็บตามมา ลองสังเกตคนที่ว่างมากทั้งหลายก็ได้ ขอให้หากิจกรรมให้ตัวเองกระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลาแล้วจะรู้สึกว่า “ชีวิตเป็นขาขึ้น” เสมอครับ
8) หวังให้พอเพียง ทุกคนควรมีความหวังหล่อเลี้ยงชีวิตเพราะจะทำให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างขาขึ้น แม้บางท่านจะมีลูกหลายประสบความสำเร็จ “หมดห่วง” แล้วแต่ขอให้เติม “ความฝัน” หรือ “ความหวัง” เอาไว้แบบพอประมาณโดยไม่ใช่การตั้งไว้สูงจนเริ่มทุกข์อีกครั้ง เป็นความหวังแบบง่ายๆ เช่นจะลดพุงให้ได้,ให้ทุนเด็กสักคน หรือไปทำสวนเล็กๆแบบพอเพียงครับ
9) เป็นผู้ให้ คนที่ให้ได้คือคนที่ใจสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพราะการให้นั้นเราต้องพร้อมก่อนจึงจะกล้าให้ ดังนั้นเมื่อรู้จักให้ก็ทำให้เรานับถือตัวเองขึ้นมาได้อีกขั้นครับ นอกจากนั้นข้อดีของการให้ยังทำให้เรา “กล้า” ที่จะให้ต่อไปอีก เรียกว่ามีใจอาจหาญในการบุญเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
10) เห็นดีได้ในทุกสิ่ง เป็นอย่างสุดท้ายที่ช่วยเติมเต็มทุกข้อ ขอให้ท่านที่รักค่อยๆมองสิ่งที่ตัวเองมีและเป็นอยู่แล้วจะเห็นความโชคดีที่ไม่เหมือนใครครับ เช่นท่านได้มีโอกาสเกิดในเมืองไทย ได้อยู่ใต้พระบารมีในหลวงผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างอบอุ่นแสนสะดวกสบาย มี 2 ตาและแขนขาที่เดินไหวให้ท่านได้สัมผัสความสวยงามของโลกซึ่งมีคนเพียงส่วนน้อยของโลกที่มีโอกาส
สิทธิการิยะ ท่านว่ามีคนอยู่เพียงเท่าปลายเล็บในโลกที่จะทำครบทั้ง 10 ประการนี้ได้ โดยคนกลุ่มน้อยที่โชคดีนั้นก็คือ “พวกเรา” คนไทยครับ เพราะมีต้นทุนที่พร้อมอยู่แล้ว ด้วยคนไทยเราโชคดีที่มีแผ่นดินทองอันอุดมสมบูรณ์ การกินการอยู่จึงไม่พอลำบากนักด้วยมีความรักและน้ำใจแบบไทยที่ไปไหนก็ไม่มีอด
นอกจากนั้นยังได้โอกาสทองในการพบพระพุทธศาสนา ซึมซับหลักการอยู่แบบพอเพียง และที่สำคัญคือ มีผู้ที่ทำเป็นตัวอย่างให้เห็นเป็นแบบอย่างอันประเสริฐในแผ่นดิน เพียงเท่านี้ก็เป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในโลกแล้ว
ใช้ต้นทุนที่มีต่อยอดความสุขให้คุ้มค่านะครับ
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
หลายท่านมีนิยามความหนุ่มสาวและความแก่ต่างกันไปในหัวใจ
บ้างมองความหนุ่มสาวว่าเป็นวัยทำงาน ส่วนคนแก่เป็นวัยเกษียณที่พักผ่อนชีวิต
หรือบางท่านใช้สถานที่เป็นเครื่องชี้วัย เช่น วัยรุ่นต้องคู่กับเดินห้างเข้าผับ ส่วนผู้สูงวัยก็ถูกมองว่าต้องคู่กับวัดวาหรือว่าอยู่กับบ้านเสียอย่างนั้น
มองกันไปเป็นพิมพ์นิยม (Stereotype) เหมือนกับทุกคนในแต่ละวัยต้องทำแบบเดียวกันเหมือนถอดบล็อคออกมา
อันที่จริงไม่ว่าวัยไหนล้วนมี “ความพิเศษ” ของตัวเองที่ธรรมชาติฝากเอาไว้ เอาง่ายที่สุดที่เห็นชัดก็คือคนเรามีโอกาสหนุ่มสาวได้ครั้งเดียวเช่นเดียวกับสามารถแก่ได้ครั้งเดียว
เป็นโอกาสทองทั้งสองวัยครับ
ขึ้นอยู่กับใครจะเห็นแสงดาวที่พราวพรายนั้น
ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้ชีวิตให้สิ้นเปลืองไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างไม่รู้ตัวได้เช่นกัน ซึ่งการใช้ชีวิตให้ดูแก่นั้นไม่ยากนักคือ ทำตามใจรักของตัวเองไปในทางลบ อาทิ นอนดึก, กินดึก, ทั้งดื่มและสูบให้เต็มที่ เพียงเท่านี้ก็จะพบกับความแก่ได้โดยง่าย
แต่ถ้าอยากให้มีวัยที่สุขภาพดีอยู่กับตัวเองไปนานๆ ไม่ว่าวันวานจะผ่านไปแต่ก็ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ ก็พอมีวิธีอยู่ครับ มีข้อแม้อยู่เพียงข้อเดียวคือ
ต้อง “ลองเองรู้เอง”
ในทางอายุรวัฒน์ว่าสิ่งนี้เป็นปัจจัตตังครับ สำหรับการใช้ชีวิตให้อ่อนเยาว์ถนอมความสุขไว้ในหัวใจได้นานๆ มีการฝึกง่ายๆ ที่อาจลองทำแล้วค่อยๆ กลายเป็นนิสัยแห่งความสุข
-> ดูแล้วง่ายแต่ต้องลงมือทำเองดังต่อไปนี้ครับ
1) กินง่ายอยู่ง่าย ใช้ชีวิตแบบตามน้ำแต่ไม่ตามกระแส นั่นคือชีวิตมีขึ้น-ลงก็เข้าใจไม่ตีโพยตีพายไป มีอะไรให้กินก็กินได้ไม่ต้องเน้นของแพงหรือสุขภาพจ๋า รู้สึกมีความสุขที่มีกินดีกว่าไม่มีกิน และสุขได้ในทุกขณะแม้จะถึง “ขาลง” ก็คิดได้ว่ายังมี 2 มือ 2 เท้าที่เราได้จากพ่อแม่ช่วยแก้ได้ทุกสถานการณ์ครับ
2) อยู่กับสัตว์เลี้ยง การได้อยู่กับ “เด็ก” หรือ “สัตวเลี้ยง” จะช่วยคืนความสดชื่นในหัวใจได้ครับ ลองสังเกตปู่ย่าที่รับขวัญหลานคนใหม่จะเหมือนกับเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง แต่ถ้ายังไม่มีลูกหรือหลานก็หาสุนัขหรือแมวนี่ละครับ รับมาอุปการะก็ได้ท่านจะได้ความสุขวัยเยาว์แถมด้วยช่วยสุขภาพได้หลายโรคครับ
3) ชอบเรียนรู้ การกระตือรือร้นหรืออย่างน้อย “พยายาม” รับสิ่งใหม่ๆ ให้ง่ายจะดีต่อร่างกายของท่านอย่างดียิ่งครับ โดยเฉพาะกับ “สมอง” ที่เป็นของมีค่าที่ไม่ควรให้ “ฝ่อ”ไปตามเวลาที่ผ่านไปหรือปล่อยให้หดหู่หัวใจ ในช่วงแรกอาจต้องฝืนแต่ต่อไปจะยืนได้ด้วยตัวเองครับ
4) นอนและตื่นเป็นเวลา หาจังหวะนอนของตัวเองให้ได้แล้วทำวินัยให้เกิดกับเวลา “เข้านอน” และ “ตื่นนอน” ครับ เพราะมันจะช่วยปรับสมองให้ทำงานได้ดีสร้างเคมีสุขและเคมีง่วง (เมลาโทนิน) ออกมาได้ช่วยให้ร่างกายสดชื่นคืนความเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้ง
5) หาสิ่งแปลกใหม่ทำ ลองพาตัวเองทำในสิ่งสร้างสรรค์ที่ไม่เคย แต่ไม่ต้องถึงขั้น “กดดัน” ตัวเองมากจนเกินไป ขอให้เริ่มจากง่ายๆ อย่างออกกำลังกายก็อาจลองฝึก “โยคะ” ดู หรือถ้าออกอยู่แล้วก็อาจลอง “ซุมบ้า” ดูบ้างก็ได้ อย่างท่านที่ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ก็อาจลองใช้
6) ชื่นชมคนอื่น โจทย์ยากที่สุดของมนุษย์คือ การชมคนอื่น การกล้าเอ่ยคุณงามความดีของคนอื่นเป็นคุณสมบัติของผู้มีใจกว้างและดีแท้ การหัดชมคนอื่นจะช่วยให้ใจสบายลดความริษยาและความรู้สึกเปรียบเทียบไปโดยปริยาย
7) ออกกำลังกาย ขอให้ขยับไม่อยู่นิ่งครับ กฏสำคัญคือ “ความว่างคือบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย” อย่าให้ตัวเองอยู่ว่างจะสร้างขยะทุกข์และโรคภัยไข้เจ็บตามมา ลองสังเกตคนที่ว่างมากทั้งหลายก็ได้ ขอให้หากิจกรรมให้ตัวเองกระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลาแล้วจะรู้สึกว่า “ชีวิตเป็นขาขึ้น” เสมอครับ
8) หวังให้พอเพียง ทุกคนควรมีความหวังหล่อเลี้ยงชีวิตเพราะจะทำให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างขาขึ้น แม้บางท่านจะมีลูกหลายประสบความสำเร็จ “หมดห่วง” แล้วแต่ขอให้เติม “ความฝัน” หรือ “ความหวัง” เอาไว้แบบพอประมาณโดยไม่ใช่การตั้งไว้สูงจนเริ่มทุกข์อีกครั้ง เป็นความหวังแบบง่ายๆ เช่นจะลดพุงให้ได้,ให้ทุนเด็กสักคน หรือไปทำสวนเล็กๆแบบพอเพียงครับ
9) เป็นผู้ให้ คนที่ให้ได้คือคนที่ใจสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพราะการให้นั้นเราต้องพร้อมก่อนจึงจะกล้าให้ ดังนั้นเมื่อรู้จักให้ก็ทำให้เรานับถือตัวเองขึ้นมาได้อีกขั้นครับ นอกจากนั้นข้อดีของการให้ยังทำให้เรา “กล้า” ที่จะให้ต่อไปอีก เรียกว่ามีใจอาจหาญในการบุญเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
10) เห็นดีได้ในทุกสิ่ง เป็นอย่างสุดท้ายที่ช่วยเติมเต็มทุกข้อ ขอให้ท่านที่รักค่อยๆมองสิ่งที่ตัวเองมีและเป็นอยู่แล้วจะเห็นความโชคดีที่ไม่เหมือนใครครับ เช่นท่านได้มีโอกาสเกิดในเมืองไทย ได้อยู่ใต้พระบารมีในหลวงผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างอบอุ่นแสนสะดวกสบาย มี 2 ตาและแขนขาที่เดินไหวให้ท่านได้สัมผัสความสวยงามของโลกซึ่งมีคนเพียงส่วนน้อยของโลกที่มีโอกาส
สิทธิการิยะ ท่านว่ามีคนอยู่เพียงเท่าปลายเล็บในโลกที่จะทำครบทั้ง 10 ประการนี้ได้ โดยคนกลุ่มน้อยที่โชคดีนั้นก็คือ “พวกเรา” คนไทยครับ เพราะมีต้นทุนที่พร้อมอยู่แล้ว ด้วยคนไทยเราโชคดีที่มีแผ่นดินทองอันอุดมสมบูรณ์ การกินการอยู่จึงไม่พอลำบากนักด้วยมีความรักและน้ำใจแบบไทยที่ไปไหนก็ไม่มีอด
นอกจากนั้นยังได้โอกาสทองในการพบพระพุทธศาสนา ซึมซับหลักการอยู่แบบพอเพียง และที่สำคัญคือ มีผู้ที่ทำเป็นตัวอย่างให้เห็นเป็นแบบอย่างอันประเสริฐในแผ่นดิน เพียงเท่านี้ก็เป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในโลกแล้ว
ใช้ต้นทุนที่มีต่อยอดความสุขให้คุ้มค่านะครับ
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net