By Lady Manager
“เริ่มถ่ายโฆษณามาตั้งแต่อายุ 12 เรารู้สึกว่าเป็นคนตัวใหญ่ตั้งแต่เด็ก มีแก้ม มีแขน เป็นคนโครงใหญ่ จึงทำให้ชอบออกกำลังกายตั้งแต่เด็กๆ เลย เพราะต้องดูแลหุ่น”
เจมี่ หรือ ศศมล บูเฮอร์ นักแสดงสาวหุ่นแซบ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการออกกำลังกาย
และเหตุผลที่ทำให้เจมี่ชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจก็เพราะคนใกล้ตัว อย่างคุณแม่ นั่นเอง
“คุณแม่เจมี่ ท่านเรียนโยคะมาตั้งแต่สาวๆ จะเห็นเขาทำตั้งแต่ท่า Shoulder Stand , Head Stand ตั้งแต่เด็กเลย พอเราเริ่มทำงาน แม่เลยสอน อย่าง ท่าไหว้พระอาทิตย์ แต่ไม่เก่งมาก
ส่วน Shoulder Stand ได้นิดหน่อย แต่ Head Stand เอาหัวตั้งบนพื้น เอาเท้าชี้ ยังทำไม่ได้
ยิ่งตอนเล่นละครจะออกกำลังกายเยอะมาก ชอบโยคะ แอโรบิค บอดี้คอมแบท ว่ายน้ำ มวยไทย ทุกอย่างที่เป็นการออกกำลังกายเอาหมด ไม่งั้นจะอ้วน
ถ้าเจมี่หยุดออกกำลังกาย เราจะกินมาก การออกกำลังกายไม่ได้ทำให้บอดี้ฟิตอย่างเดียว แต่เป็นการฝึกตัวเองด้วยว่า เราต้องควบคุม เป็นช่วงที่เรารู้สึกว่าจะต้องลดอาหาร เราจะต้องควบคุม
ถ้าตัวของเราไม่มีความตั้งใจจริง ทุกอย่างคือสูญเปล่า ความตั้งใจของเราต้องมาก่อนอันดับหนึ่ง ว่าเราจะต้องสวย เราจะต้องหุ่นดี” เจมี่ กล่าว
เตือน! อย่าเพลินอดอาหารจนผอมผีตายซาก
เจมี่ บอกว่า น้ำหนักตัวที่เคยมากสุดทะลุ 60 กิโลกรัมเลยทีเดียว เพราะไม่ออกกำลังกาย แถม ตามใจปาก กระหน่ำกินไม่ยั้ง
“ช่วงไม่ออกกำลังกายก็มีเหมือนกันนะ ช่วงหุ่นเผละก็มี น้ำหนักสูงสุดเคย 62 กิโลฯ เนื่องจากตอนนั้นถ่ายละครอุ้มรัก 7 วัน ตลอดเลยทั้งปีเลย ไม่มีโอกาสหยุด เพราะผู้จัดละครจะเดินมาถามเลยว่า อยากจะกินอะไรเป็นพิเศษ มาเสิร์ฟอาหาร เค้ก ให้ทานตลอด พอกลับบ้านทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่ากิน
จากที่น้ำหนัก 54 เลยขึ้นไปเลย 62 กิโลฯ แต่พอปิดกล้องปุ้บ น้ำหนักลงเลยนะ เดือนเดียวลงมาเหลือ 56 กิโลฯ เพราะไม่ค่อยมีใครเอาอาหารมาเสิร์ฟแล้ว
อย่างปัจจุบันนี้เจมี่น้ำหนัก 51 กิโลกรัม เคยผอมมากสุด น้ำหนักคือ 49 กิโลฯ นี่ก็ผอมเป็นผีตายซากแล้วนะ ทุกคนรุมประณามเลย ว่าผอมไปแล้ว”
ทั้งนี เจมี่ยังเตือนสาวๆ ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารด้วยว่า ระวัง “โยโย่” ให้จงดี
“การลดความอ้วนจะมีช่วงเวลาที่ยากมาก เราต้องต่อสู้กับตัวเองเยอะมาก ห้ามกิน แต่พอมันผ่านช่วงนั้นมาได้ก็ฉลุยแล้ว ทีนี้นะ ให้กินอะไรก็ไม่กิน ช่วงนี้อันตรายมากที่สุด เหมือนกับว่า เราฝึกตัวเองจนเราไม่กินอะไรแล้ว เราจะสนุกกับการลดความอ้วน แล้วจะผอมเกิน โยโย่จะเกิดจากตรงนี้ เพราะความโหยที่อดมานานนั่นเอง
เมื่อไหร่ที่เราเพลินกับการอดอาหาร ตอนนี้เจมี่ลดความอ้วนมาได้ 20 ปีแล้ว ช่วงไหนที่เพลินกับการอดอาหารเจมี่ก็จะบังคับตัวเอง ไม่อยากกินก็ต้องกิน ถ้าอยากกินห้ามกิน
อย่างดาราบางคนเจมี่เห็นเลย อะไรก็ไม่แตะ ไม่กินเลย เพราะกว่าจะมาถึงน้ำหนักนี้ได้มันยากนะ ต้องต่อสู้กับตัวเองเยอะ ไอ้นั้นก็อยากกิน ไอ้นี่ก็อยากกิน พออดได้เริ่มผอมแล้ว คราวนี้ให้กินอะไรจะไม่กินเลย จะกินแต่น้ำ แอปเปิ้ล จะกินแต่ขนมปังแผ่นเดียว น้ำหนักก็ฮวบ เมื่อปี 2011 เจมี่น้ำหนักลดไปเหลือ 49 กิโลฯ เท่ากับตอนอายุ 11 ขวบ ผอมเหมือนผีตายซากมาก
หมดช่วงที่เราพยายามได้แล้ว มันจะโหยมาก เพื่อนทุกคนลงภาพในเฟซบุ๊ก ทุกคนประนามหมดเลย ผอมเกินไป โทรมมาก เราก็เลยคิดว่า ไม่ได้แล้วต้องกิน”
ต้องรู้! สวยที่น้ำหนักเท่าไหร่ บาลานซ์ขึ้น-ลง ไม่เกิน 2 กิโลฯ
“พอมาถึงตอนนี้เราก็บาลานซ์ได้แล้ว ถ้าเราเริ่มจะผอม เช่น น้ำหนักเจมี่ไปแตะ 50 กิโลฯ ปุ้บ เจมี่จะเริ่มกินให้มาทิ้งที่ 51-52 กิโลฯ อย่าให้ไปถึง 49 กิโลฯ มันจะผอมน่ากลัวมาก
เราจะอ้วนหรือไม่อ้วน ไม่ได้อยู่ที่นางแบบบนปก เราเทียบกับเขาไม่ได้ เราจะอ้วนก็ต่อเมื่อบุคลิกภาพเสีย นั่นจะเรียกว่าอ้วน และเราจะผอมเกินไปเมื่อบุคลิกภาพเสีย
เช่น ใส่เสื้อผ้าแล้วไม่สวย บุคลิกก็เสียแล้ว เริ่มกินตามใจปาก มันจะดูไม่สำรวม ไม่น่ารัก เดี๋ยวกินจุ๊บจิ๊บ สำคัญที่สุดเราต้องรู้ว่าบุคลิกภาพ เราจะสวยตรงน้ำหนักเท่าไหร่ แล้วบาลานซ์มันอยู่แค่นั้น น้ำหนักจะสามารถขึ้น-ลง ได้ไม่เกิน 2 กิโลฯ
อย่างเจมี่จะสวยที่น้ำหนัก 53 กิโลฯ มันจะสามารถขึ้นได้ไปถึง 55 และลงไปได้ที่ 51 ต้องบาลานซ์แบบนี้ เราต้องรู้ด้วยว่าเราสวยตรงที่น้ำหนักเท่าไหร่
และต้องยอมรับด้วยว่าเราสวยที่น้ำหนักตรงนี้ คนบางคนจะเครียด คนนั้นเขาสวยกว่าเรา ซึ่งมันไม่ใช่ เทียบกันไม่ได้” เจมี่ แนะวิธีสังเกตน้ำหนักตัวเอง ว่าจะดูสวยอิ่มที่กี่กิโลกรัม
สูตรหุ่นเป๊ะแบบไม่โหย ต้องปล่อยผี 2 วัน!
อดอาหารมากก็ไม่ดี กินมากก็อ้วน ทางสายกลางเวิร์คกว่า เจมี่ บอกสูตร ลด 3 ปล่อยผี 2!
“เวลาเราลดความอ้วน เราจะต้องมีช่วงปล่อยผีด้วย คือช่วงลดปริมาณอาหาร 3 วัน ปล่อยผี(กิน) ตามใจปากได้ 2 วัน เราจะได้ไม่โหยมาก ทุกสิ่งทุกอย่างต้องบาลานซ์มีความพอดี ไม่ใช่จะงดหมดทุกอย่าง เราต้องดูตัวเอง และหมั่นสังเกตตัวเอง ว่า กินอะไรแล้วอ้วน หรือกินอะไรแล้วผอม
อย่างบางคนบอกว่ากินของหวานแล้วจะอ้วน แต่สำหรับเจมี่กินของหวานแล้วผอม อาหารหลักของเจมี่คือช็อกโกแลตนะ และชอบไอติมมาก เจมี่ไม่ทานข้าวทุกวันนะ นานๆกินที แต่ของหวานนี่กินทุกวัน
เพราะเวลาเจมี่ออกมาทำงานต้องใช้พลังเยอะ จะกินหวานก่อนเข้างานตลอด กาแฟแก้วหนึ่ง ช็อกโกแลตแท่งหนึ่ง แล้วพวกของหวานมันจะเผาผลาญเร็ว แล้วเราใช้แรงเยอะ มันจะไม่ค่อยเหลือ
อย่างเป็นพวกข้าว พวกแกง จะมีความเป็นไขมัน เป็นแป้ง หนักเลย จึงไม่ค่อยทาน ส่วนกลางวันก็ทานผลไม้ ตระกูลส้ม ฝรั่ง ตอนเย็นทานอะไรที่เบาๆ อาจจะเป็นข้าวได้เล็กน้อย ทานผัก” เจมี่ แนะเคล็ดลับ
ออกกำลังกายต้องสนุกอย่าเครียด และตามจริตตัวเอง!
“เคยสังเกตมั้ย เวลาว่ายน้ำเราจะเพลินมาก และที่สำคัญสามารถออกกำลังกายได้ทุกส่วนของร่างกาย แถมหลังว่ายน้ำมันจะโหยมากเลยนะ เพราะได้ออกกำลังกายเยอะโดยสนุกไม่รู้ตัว
ลดความอ้วนด้วยวิธีใดก็ได้ที่ทำแล้วสนุก ถ้าเริ่มเครียดก็จะไม่ใช่แล้ว เกลียดที่สุดเลย คือ ฟิตเนส เกลียดมากเลยต้องไปนั่งยกลูกเหล็ก เรารู้สึกว่ามันเครียดไปแล้ว ต้องยกลูกเหล็กกี่ปอนด์ๆ แล้วต้องไปวิ่งที่ลู่วิ่ง ชอบที่เป็น Activity มากกว่า แบบขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ต่อยมวย
ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วเเต่ เจมี่จะทำให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นชีวิตประจำวัน อย่างออกกำลัง เราจะไม่แบบว่า เดี๋ยวชั้นจะไปยิม เข้าฟิตเนสทุกวัน จริตของเรามันไม่ใช่ อย่างคนอื่นเขาชอบฮาร์ดคอร์ แต่เราจะทำแบบเรื่อยๆ มากกว่า
ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3-4 วัน วันละ 20 นาที ก็เพียงพอแล้ว การออกกำลังกายทุกวันหรือมากๆจะทำให้กล้ามเนื้อเจ็บได้เหมือนกัน เราไม่ได้อยากได้หุ่นที่เป็นกล้ามท้อง เพราะจะดูแน่น และดูสปอร์ตไป
เราแค่ออกกำลังกายให้ดูเป็นเครื่องเตือนใจว่า ช่วงนี้เราต้องควบคุมอาหารนะ เราต้องดูแลตัวเองนะ” เจมี่ แนะนำปิดท้าย
อ้อ! และพรุ่งนี้ห้ามพลาดนะจ๊ะ เคล็ดลับหุ่นแซบของเจมี่ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ ยังมีทั้งภาพและเสียง กับคลิปเอวคอด ลดต้นขา และสูตรกระชับก้น!
ขอบคุณรูปภาพบางส่วนจาก อินสตาแกรม JAYMEBOOHER
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
“เริ่มถ่ายโฆษณามาตั้งแต่อายุ 12 เรารู้สึกว่าเป็นคนตัวใหญ่ตั้งแต่เด็ก มีแก้ม มีแขน เป็นคนโครงใหญ่ จึงทำให้ชอบออกกำลังกายตั้งแต่เด็กๆ เลย เพราะต้องดูแลหุ่น”
เจมี่ หรือ ศศมล บูเฮอร์ นักแสดงสาวหุ่นแซบ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการออกกำลังกาย
และเหตุผลที่ทำให้เจมี่ชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจก็เพราะคนใกล้ตัว อย่างคุณแม่ นั่นเอง
“คุณแม่เจมี่ ท่านเรียนโยคะมาตั้งแต่สาวๆ จะเห็นเขาทำตั้งแต่ท่า Shoulder Stand , Head Stand ตั้งแต่เด็กเลย พอเราเริ่มทำงาน แม่เลยสอน อย่าง ท่าไหว้พระอาทิตย์ แต่ไม่เก่งมาก
ส่วน Shoulder Stand ได้นิดหน่อย แต่ Head Stand เอาหัวตั้งบนพื้น เอาเท้าชี้ ยังทำไม่ได้
ยิ่งตอนเล่นละครจะออกกำลังกายเยอะมาก ชอบโยคะ แอโรบิค บอดี้คอมแบท ว่ายน้ำ มวยไทย ทุกอย่างที่เป็นการออกกำลังกายเอาหมด ไม่งั้นจะอ้วน
ถ้าเจมี่หยุดออกกำลังกาย เราจะกินมาก การออกกำลังกายไม่ได้ทำให้บอดี้ฟิตอย่างเดียว แต่เป็นการฝึกตัวเองด้วยว่า เราต้องควบคุม เป็นช่วงที่เรารู้สึกว่าจะต้องลดอาหาร เราจะต้องควบคุม
ถ้าตัวของเราไม่มีความตั้งใจจริง ทุกอย่างคือสูญเปล่า ความตั้งใจของเราต้องมาก่อนอันดับหนึ่ง ว่าเราจะต้องสวย เราจะต้องหุ่นดี” เจมี่ กล่าว
เตือน! อย่าเพลินอดอาหารจนผอมผีตายซาก
เจมี่ บอกว่า น้ำหนักตัวที่เคยมากสุดทะลุ 60 กิโลกรัมเลยทีเดียว เพราะไม่ออกกำลังกาย แถม ตามใจปาก กระหน่ำกินไม่ยั้ง
“ช่วงไม่ออกกำลังกายก็มีเหมือนกันนะ ช่วงหุ่นเผละก็มี น้ำหนักสูงสุดเคย 62 กิโลฯ เนื่องจากตอนนั้นถ่ายละครอุ้มรัก 7 วัน ตลอดเลยทั้งปีเลย ไม่มีโอกาสหยุด เพราะผู้จัดละครจะเดินมาถามเลยว่า อยากจะกินอะไรเป็นพิเศษ มาเสิร์ฟอาหาร เค้ก ให้ทานตลอด พอกลับบ้านทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่ากิน
จากที่น้ำหนัก 54 เลยขึ้นไปเลย 62 กิโลฯ แต่พอปิดกล้องปุ้บ น้ำหนักลงเลยนะ เดือนเดียวลงมาเหลือ 56 กิโลฯ เพราะไม่ค่อยมีใครเอาอาหารมาเสิร์ฟแล้ว
อย่างปัจจุบันนี้เจมี่น้ำหนัก 51 กิโลกรัม เคยผอมมากสุด น้ำหนักคือ 49 กิโลฯ นี่ก็ผอมเป็นผีตายซากแล้วนะ ทุกคนรุมประณามเลย ว่าผอมไปแล้ว”
ทั้งนี เจมี่ยังเตือนสาวๆ ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารด้วยว่า ระวัง “โยโย่” ให้จงดี
“การลดความอ้วนจะมีช่วงเวลาที่ยากมาก เราต้องต่อสู้กับตัวเองเยอะมาก ห้ามกิน แต่พอมันผ่านช่วงนั้นมาได้ก็ฉลุยแล้ว ทีนี้นะ ให้กินอะไรก็ไม่กิน ช่วงนี้อันตรายมากที่สุด เหมือนกับว่า เราฝึกตัวเองจนเราไม่กินอะไรแล้ว เราจะสนุกกับการลดความอ้วน แล้วจะผอมเกิน โยโย่จะเกิดจากตรงนี้ เพราะความโหยที่อดมานานนั่นเอง
เมื่อไหร่ที่เราเพลินกับการอดอาหาร ตอนนี้เจมี่ลดความอ้วนมาได้ 20 ปีแล้ว ช่วงไหนที่เพลินกับการอดอาหารเจมี่ก็จะบังคับตัวเอง ไม่อยากกินก็ต้องกิน ถ้าอยากกินห้ามกิน
อย่างดาราบางคนเจมี่เห็นเลย อะไรก็ไม่แตะ ไม่กินเลย เพราะกว่าจะมาถึงน้ำหนักนี้ได้มันยากนะ ต้องต่อสู้กับตัวเองเยอะ ไอ้นั้นก็อยากกิน ไอ้นี่ก็อยากกิน พออดได้เริ่มผอมแล้ว คราวนี้ให้กินอะไรจะไม่กินเลย จะกินแต่น้ำ แอปเปิ้ล จะกินแต่ขนมปังแผ่นเดียว น้ำหนักก็ฮวบ เมื่อปี 2011 เจมี่น้ำหนักลดไปเหลือ 49 กิโลฯ เท่ากับตอนอายุ 11 ขวบ ผอมเหมือนผีตายซากมาก
หมดช่วงที่เราพยายามได้แล้ว มันจะโหยมาก เพื่อนทุกคนลงภาพในเฟซบุ๊ก ทุกคนประนามหมดเลย ผอมเกินไป โทรมมาก เราก็เลยคิดว่า ไม่ได้แล้วต้องกิน”
ต้องรู้! สวยที่น้ำหนักเท่าไหร่ บาลานซ์ขึ้น-ลง ไม่เกิน 2 กิโลฯ
“พอมาถึงตอนนี้เราก็บาลานซ์ได้แล้ว ถ้าเราเริ่มจะผอม เช่น น้ำหนักเจมี่ไปแตะ 50 กิโลฯ ปุ้บ เจมี่จะเริ่มกินให้มาทิ้งที่ 51-52 กิโลฯ อย่าให้ไปถึง 49 กิโลฯ มันจะผอมน่ากลัวมาก
เราจะอ้วนหรือไม่อ้วน ไม่ได้อยู่ที่นางแบบบนปก เราเทียบกับเขาไม่ได้ เราจะอ้วนก็ต่อเมื่อบุคลิกภาพเสีย นั่นจะเรียกว่าอ้วน และเราจะผอมเกินไปเมื่อบุคลิกภาพเสีย
เช่น ใส่เสื้อผ้าแล้วไม่สวย บุคลิกก็เสียแล้ว เริ่มกินตามใจปาก มันจะดูไม่สำรวม ไม่น่ารัก เดี๋ยวกินจุ๊บจิ๊บ สำคัญที่สุดเราต้องรู้ว่าบุคลิกภาพ เราจะสวยตรงน้ำหนักเท่าไหร่ แล้วบาลานซ์มันอยู่แค่นั้น น้ำหนักจะสามารถขึ้น-ลง ได้ไม่เกิน 2 กิโลฯ
อย่างเจมี่จะสวยที่น้ำหนัก 53 กิโลฯ มันจะสามารถขึ้นได้ไปถึง 55 และลงไปได้ที่ 51 ต้องบาลานซ์แบบนี้ เราต้องรู้ด้วยว่าเราสวยตรงที่น้ำหนักเท่าไหร่
และต้องยอมรับด้วยว่าเราสวยที่น้ำหนักตรงนี้ คนบางคนจะเครียด คนนั้นเขาสวยกว่าเรา ซึ่งมันไม่ใช่ เทียบกันไม่ได้” เจมี่ แนะวิธีสังเกตน้ำหนักตัวเอง ว่าจะดูสวยอิ่มที่กี่กิโลกรัม
สูตรหุ่นเป๊ะแบบไม่โหย ต้องปล่อยผี 2 วัน!
อดอาหารมากก็ไม่ดี กินมากก็อ้วน ทางสายกลางเวิร์คกว่า เจมี่ บอกสูตร ลด 3 ปล่อยผี 2!
“เวลาเราลดความอ้วน เราจะต้องมีช่วงปล่อยผีด้วย คือช่วงลดปริมาณอาหาร 3 วัน ปล่อยผี(กิน) ตามใจปากได้ 2 วัน เราจะได้ไม่โหยมาก ทุกสิ่งทุกอย่างต้องบาลานซ์มีความพอดี ไม่ใช่จะงดหมดทุกอย่าง เราต้องดูตัวเอง และหมั่นสังเกตตัวเอง ว่า กินอะไรแล้วอ้วน หรือกินอะไรแล้วผอม
อย่างบางคนบอกว่ากินของหวานแล้วจะอ้วน แต่สำหรับเจมี่กินของหวานแล้วผอม อาหารหลักของเจมี่คือช็อกโกแลตนะ และชอบไอติมมาก เจมี่ไม่ทานข้าวทุกวันนะ นานๆกินที แต่ของหวานนี่กินทุกวัน
เพราะเวลาเจมี่ออกมาทำงานต้องใช้พลังเยอะ จะกินหวานก่อนเข้างานตลอด กาแฟแก้วหนึ่ง ช็อกโกแลตแท่งหนึ่ง แล้วพวกของหวานมันจะเผาผลาญเร็ว แล้วเราใช้แรงเยอะ มันจะไม่ค่อยเหลือ
อย่างเป็นพวกข้าว พวกแกง จะมีความเป็นไขมัน เป็นแป้ง หนักเลย จึงไม่ค่อยทาน ส่วนกลางวันก็ทานผลไม้ ตระกูลส้ม ฝรั่ง ตอนเย็นทานอะไรที่เบาๆ อาจจะเป็นข้าวได้เล็กน้อย ทานผัก” เจมี่ แนะเคล็ดลับ
ออกกำลังกายต้องสนุกอย่าเครียด และตามจริตตัวเอง!
“เคยสังเกตมั้ย เวลาว่ายน้ำเราจะเพลินมาก และที่สำคัญสามารถออกกำลังกายได้ทุกส่วนของร่างกาย แถมหลังว่ายน้ำมันจะโหยมากเลยนะ เพราะได้ออกกำลังกายเยอะโดยสนุกไม่รู้ตัว
ลดความอ้วนด้วยวิธีใดก็ได้ที่ทำแล้วสนุก ถ้าเริ่มเครียดก็จะไม่ใช่แล้ว เกลียดที่สุดเลย คือ ฟิตเนส เกลียดมากเลยต้องไปนั่งยกลูกเหล็ก เรารู้สึกว่ามันเครียดไปแล้ว ต้องยกลูกเหล็กกี่ปอนด์ๆ แล้วต้องไปวิ่งที่ลู่วิ่ง ชอบที่เป็น Activity มากกว่า แบบขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ต่อยมวย
ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วเเต่ เจมี่จะทำให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นชีวิตประจำวัน อย่างออกกำลัง เราจะไม่แบบว่า เดี๋ยวชั้นจะไปยิม เข้าฟิตเนสทุกวัน จริตของเรามันไม่ใช่ อย่างคนอื่นเขาชอบฮาร์ดคอร์ แต่เราจะทำแบบเรื่อยๆ มากกว่า
ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3-4 วัน วันละ 20 นาที ก็เพียงพอแล้ว การออกกำลังกายทุกวันหรือมากๆจะทำให้กล้ามเนื้อเจ็บได้เหมือนกัน เราไม่ได้อยากได้หุ่นที่เป็นกล้ามท้อง เพราะจะดูแน่น และดูสปอร์ตไป
เราแค่ออกกำลังกายให้ดูเป็นเครื่องเตือนใจว่า ช่วงนี้เราต้องควบคุมอาหารนะ เราต้องดูแลตัวเองนะ” เจมี่ แนะนำปิดท้าย
อ้อ! และพรุ่งนี้ห้ามพลาดนะจ๊ะ เคล็ดลับหุ่นแซบของเจมี่ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ ยังมีทั้งภาพและเสียง กับคลิปเอวคอด ลดต้นขา และสูตรกระชับก้น!
ขอบคุณรูปภาพบางส่วนจาก อินสตาแกรม JAYMEBOOHER
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net