>>การนัดสัมภาษณ์และถ่ายทำคอลัมน์ Interview ฉบับนี้ เกิดขึ้นในช่วงสายๆ ของวันว่าง ซึ่งหาได้ยากยิ่งของ คุณแกะ-อิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารสายเลือดใหม่จากเครือเซ็นทรัล โดยเรานัดหมายกันที่ Minibar Royal ร้านอาหารแสนเก๋ย่านสุขุมวิท นับเป็นสถานที่อันแสนจะเหมาะกับครอบครัวนี้ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นครอบครัวนักชิมที่หลงใหลในอาหารอร่อยๆ ทั้งชอบรับประทาน ชอบทำ และชอบเผยแพร่ความอร่อยให้กับผู้อื่นด้วย
ทั้งคุณแกะ-อิศเรศ จิราธิวัฒน์ และภรรยา ณัฐินี หรือคุณแป้ม ต่างมีความชำนาญด้านการทำอาหารมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ในต่างประเทศ และชอบจูงมือตระเวนหาของอร่อยๆ รับประทานกันอยู่เสมอ และเมื่อแต่งงานสร้างครอบครัวกันแล้ว ตอนนี้ก็มีสมาชิกนักชิมตัวน้อยวัย 17 เดือน อย่าง น้องริศา-สาริศา ที่ก็ดูจะชื่นชอบอาหารอร่อยๆ ไม่น้อยหน้าคุณพ่อคุณแม่ มาร่วมขบวนด้วยอีกราย
“ผมกับแป้มเป็นคนที่ทั้งชอบทำ และชอบรับประทาน สังเกต หุ่นเรา 2 คนก็น่าจะพอเดาได้ (หัวเราะ) โดยแป้มเขาจะชอบอาหารฝรั่ง ส่วนผมจะออกแนวเอเชีย ไทย, จีน, ญี่ปุ่น โดยผมเรียนรู้มาจากคุณพ่อ ท่านทำอาหารจีนอร่อยมาก ผมมาได้ฝึกฝีมือเยอะๆ ตอนสมัยเรียนต่างประเทศ เพราะอาหารไทยมันแพงครับ อยากกินต้องทำเอง เพื่อนก็จะมาจอยกัน ทำอาหารมาร่วมวงกินกัน อย่างแป้มเขาก็จะทำอาหารฝรั่งมา ผมก็ทำพวกข้าวหน้าไก่ ซูชิมา ซึ่งนอกจากทำเองแล้วเราก็ชอบไปเสาะหาร้านอร่อยๆ ทานด้วย สมัยก่อนก็จะบ่อยหน่อย แต่ตอนนี้มีร้านเราเองก็เลยน้อยลงหน่อย อยากกินเมนูไหนก็สั่งที่ร้านทำได้” อิศเรศกล่าว
อร่อยแบบมีคอนเซ็ปต์
เมื่อเรียนจบกลับมาใหม่ๆ คุณแป้ม-ณัฐินี ก็ได้ทำงานด้านมาร์เกตติ้งตามสายงานความรู้ที่ร่ำเรียนมา จนเมื่อ 5 ปีที่แล้วถึงได้ลาออกมาทำธุรกิจที่สร้างความสุขให้กับชีวิตอย่างร้านอาหาร โดยเธอกับเพื่อนสมัยเรียน 10 กว่าคน ทำร้าน Minibar Royal นี้ขึ้น นอกจากนี้เธอยังร่วมหุ้นกับสามีและเพื่อนสนิทเปิดบริษัทร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีร้าน Sushi Den และ KUU อยู่หลายสาขา รวมไปถึงการให้คำปรึกษาและดูแลเรื่องอาหารให้กับร้าน Est 33 ด้วย
แม้จะเห็นเธอดูแลร้านอาหารมากมายแบบนี้ แต่ณัฐินีไม่ได้จบมาทางอาหาร เพียงเคยเรียนกอร์ดองเบลอมาแบบคอร์สพื้นฐานสั้นๆ ด้วยความที่แค่อยากรู้เทคนิคขั้นตอนทำอาหารที่ถูกต้องมาเป็นความรู้ประยุกต์ใช้ในการทำอาหารของสูตรที่ทำกินเองของเธอ โดยไม่ได้ตั้งใจจะทำเป็นอาชีพแต่อย่างใด ส่วนเส้นทางในสายงานด้านอาหารนั้นมันเริ่มมาจากการเป็นผู้บริโภคนี่เอง
“ร้านนี้เกิดมาจากที่แป้มกับพวกเพื่อน พยายามหาร้านที่นั่งกินมื้อสายชิลชิลในวันหยุดเหมือนสมัยเรียนอยู่ที่นิวยอร์กไม่ได้ ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อสมัย 5-6 ปีที่แล้ว ร้านที่เสิร์ฟบรันช์จะมีแต่ในโรงแรมซึ่งไม่ใช่สไตล์เรา ก็เลยเกิดไอเดียในการเปิดร้าน Minibar Royal ขึ้น ให้คนสามารถมาทานบรันช์กันได้แบบสบายๆ แต่งกายลำลอง ไม่ต้องเกร็ง...
คอนเซ็ปต์ในการทำธุรกิจของแป้ม เราไม่ได้หวังผลกำไรเป็นหลัก แต่เราต้องมีความสุขในการทำด้วย แป้มอยากทำอะไรที่ยังไม่มีใครทำ ตอบโจทย์ให้คนที่เขาต้องการแต่ยังหาไม่ได้ เราต้องรู้สึกสนุกกับการทำร้าน ถ้าจะให้ทำร้านเดิมๆ ขยายหลายๆ สาขานั้นคงไม่ใช่สไตล์แป้มละ เหมือนอย่างก่อนหน้านี้เราเคยไปเปิด Minibar Royal Daily ที่เอ็มโพเรียม ก็เป็นคอนเซ็ปต์ที่ต่างไป ส่วนตอนนี้กำลังจะมีอีกสาขาใหม่ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งจะเปิดปีหน้า แม้ว่าคอนเซ็ปต์อาหารคือ Home Cook เหมือนที่นี่ แต่เมนูและธีมต้องต่างออกไปเป็นแนวอาหารไทยเข้าไปผสมด้วย”
ส่วนร้านอาหาร Sushi Den และ Kuu นั้น สมัยยังไม่มีน้องริศา คุณแป้มเองก็เข้าไปช่วยดูร้านด้วยตนเอง โดยแบ่งสลับวันเข้าร้าน แต่พอมีน้องแล้วเวลาที่น้อยลงประกอบกับกิจการที่อยู่ตัวแล้ว เธอจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กฤษณ์ เกียรติเฟื่องฟู หุ้นส่วนอีกท่านดูแลรับผิดชอบไป
Groove แหล่งรวมความอร่อย
ด้านคุณแกะ แม้จะไม่ได้เข้าไปเกี่ยวพันกับร้านอาหารอย่างเต็มที่เหมือนภรรยา ด้วยความที่หนุ่มคนนี้เขามีโปรเจกต์ที่ใหญ่กว่านั้นให้ต้องดูแลในฐานะผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลทั่วประเทศ 20 กว่าแห่ง แต่เขาก็ไม่ได้ห่างหายไปจากแวดวงแห่งความอร่อยนี้ ด้วยโปรเจกต์ใหญ่ของเซ็นทรัลที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่าง Groove นับเป็นแหล่งรวมอภิมหาร้านอาหารอร่อย ณ ใจกลางเมือง กับอาคาร 2 ชั้นดีไซน์เก๋ที่อยู่ติดเซ็นทรัลเวิลด์
“ที่นี่จะเป็น Lifestyle Dining & Gastro Bar Landmark ของไทย เหมือนอย่างที่สิงคโปร์มี Clark Quay หรือที่ลาน ไกว ฟง ของฮ่องกง เป็นคำตอบของคนกรุงเทพฯ ที่มองหาแหล่งแฮงเอาต์ยามค่ำคืน โดยที่นี่แม้จะตั้งอยู่ในศูนย์การค้า แต่เราออกแบบให้มีบรรยากาศแตกต่างไม่เหมือนนั่งกินอยู่ในห้างแต่อย่างใด โปร่งโล่งสบาย และมีส่วนของเอาต์ดอร์ด้วย
ใครที่แต่ก่อนจะนัดสังสรรค์เวลาเลิกงานกับผองเพื่อนแล้วต้องหงุดหงิดกับการตระเวนหาร้านและที่จอดรถแถวทองหล่อ หรือ เอกมัย ก็ตรงมาที่นี่ได้ทั้งติด BTS และมีที่จอดรถกว่า 7,000 คัน มีทั้งร้านอาหาร ผับ บาร์ อยู่ร่วมกันหลายสิบร้าน ทั้งร้านอาหารดังของไทยอย่าง Hyde&Seek, HOB, Greyhound Café, Wine I love you รวมถึงร้านดังในต่างประเทศอย่าง Fauchon ร้านในตำนานของฝรั่งเศส, Maxim ร้านดังระดับโลก, Cicchetti สุดยอดร้านจากอังกฤษ และร้าน Harrods ที่จะรวมเอาสุดยอดเมนูของร้านในห้าง Harrods มาให้บริการ”
สานต่อความสำเร็จ ‘จิราธิวัฒน์’
นอกจาก Groove ที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ด้วยฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่ของเครือเซ็นทรัล อิศเรศยังมีอีกหลายโปรเจกต์ใหญ่ยักษ์ให้รับผิดชอบ โดยหลังจากเขาจบการศึกษาปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จาก Boston College และปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจด้านการตลาดและการเป็นเจ้าของธุรกิจจาก UCLA Anderson School of Management แล้ว อิศเรศเข้าทำงานที่โกลด์แมน แซคส์ ที่นิวยอร์กอยู่ 2 ปีเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนกลับมาช่วยงานธุรกิจครอบครัวตั้งแต่ปี 2545
ด้วยตำแหน่งผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อิศเรศทำหน้าที่สำคัญในการขยายกิจการของบริษัท “เราต้องมองเรื่องการเจริญเติบโตของศูนย์การค้า ทั้งที่มีอยู่เดิม และการเปิดศูนย์ใหม่ ซึ่งต้องเข้าไปพิจารณาตั้งแต่โอกาสด้านธุรกิจที่จะเข้าไปในจังหวัดใหม่ๆ ดูเรื่องที่ดิน ดูทำเลว่าเหมาะที่จะทำอะไร สร้างแบบไหน ซึ่งตอนแรกที่ผมเข้ามาร่วมงาน เรามีศูนย์การค้าอยู่เพียง 10 แห่ง ตอนนี้ผ่านมา 8 ปี เรามีทั้งหมด 24 แห่ง และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 3-4 แห่งในปีหน้า โดยต้นปีเราจะเปิด Central Festival Samui ย่านหาดเฉวงบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ ทำเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ต่างจากเซ็นทรัลสาขาอื่นๆ ด้วยการเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์แบบ Out Door ไม่ได้เป็นแบบตึกใหญ่ๆ เพื่อให้เข้ากับสเน่ห์แห่งธรรมชาติของเกาะสมุย
หลายคนเห็นตัวเลขที่ก้าวกระโดดแบบนี้แล้วอาจจะมองว่าเยอะ แต่นั่นคือเทียบในระดับประเทศไทย แต่ถ้ามองไปยังประเทศอย่างจีน ออสเตรเลีย หรืออเมริกา การขยายตัวแบบนี้ถือว่าน้อยมากนะ บางปีเขาเปิดที่ 10 ศูนย์เลย ตอนนี้เซ็นทรัลเราไม่ได้มองแค่การเป็นหนึ่งในประเทศ แต่เรามองไปสู่การเป็นใหญ่ในภูมิภาคนี้แล้ว ทั้งประเทศไทยและภูมิภาคนี้ยังมีพื้นที่ให้เราโตอีกเยอะ โดยตอนนี้เรากำลังจะเข้าไปเปิดห้างที่มาเลเซีย โดยทำการตกลงกับพันธมิตรคู่ค้าเรียบร้อยแล้ว น่าจะเปิดบริการได้ใน 2 ปีข้างหน้า”
การรับผิดชอบในโปรเจกต์สำคัญๆ เหล่านี้ แม้จะเป็นงานหนักแต่อิศเรศก็มีความสุข เนื่องจากหนุ่มคนนี้บอกว่าเป็นธุรกิจที่อยู่ในสายเลือด “ผมโตมากับการเดินห้างก็ว่าได้ เราเห็นบรรพบุรุษทำมาตั้งแต่จำความได้ อย่างเวลาคุณพ่อดูงานต่างประเทศ ผมกับแม่ก็จะไปเดินห้างที่นั่น โชคดีที่ผมเองเป็นคนชอปปิ้งด้วย มันเลยยิ่งมีความสุข ทุกวันนี้เวลาเดินห้างที่ไหนเราก็จะสังเกตตลอดว่า มีร้านอะไรใหม่ๆ บ้าง จัดร้านแบบไหน จัดพื้นที่ยังไง เทรนด์อะไรกำลังมา ไม่ได้ตั้งใจจะทำงานนะ แต่มันเหมือนกลายเป็นนิสัยติดตัวไปแล้วละครับ”
ครอบครัวอารมณ์ดี
หลังจากคุยเรื่องงานกับคุณพ่อคุณแม่สักพัก น้องริศา สาวน้อยวัย 17 เดือน แก้วตาดวงใจของพ่อแกะและแม่แป้ม ที่กำลังสนุกสนานกับการเดินเล่นกับของตกแต่งในร้านก็เดินกลับมาอ้อนคุณพ่อ เหมือนบอกคิวให้เราว่าถึงเวลาพูดเรื่องครอบครัวบ้าง
“เรื่องลูกนี่แป้มเขาจะดูแลเป็นหลักเลย เพราะผมงานเยอะก็จะเข้าไปเล่นกับเขาทุกเช้าก่อนไปทำงาน ส่วนตอนเย็นก็พยายามกลับมาให้ทันก่อนเขาเข้านอน ซึ่งตอนเขายังเล็กเข้านอนเร็วประมาณ 1 ทุ่ม นี่แทบจะไม่ได้เจอเลยเพราะผมยังไม่เสร็จงาน แต่มาช่วงหลังนี่ที่เริ่มโตแล้วปรับเวลามานอนดึกลง 2-3 ทุ่ม ก็ทำให้ผมได้กลับมามีเวลาเจอลูก พาเขาเข้านอนได้บ่อยขึ้น ถ้าไม่มีอีเวนต์ มีงานอะไรเราก็ตรงกลับมาเลย ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์นี่เป็นวันของเขาเลย เราให้เวลาเขาเต็มที่ พาไปทำกิจกรรมต่างๆ และทุกวันเสาร์ก็ไปว่ายน้ำบ้านคุณตาคุณยาย ส่วนเที่ยงวันอาทิตย์ก็จะไปทานข้าวที่บ้านคุณปู่คุณย่า” คุณแกะเล่าระหว่างเล่นกับลูกสาวตัวน้อย
“แกะเขาเป็นพ่อที่น่ารักมาก คือตั้งแต่คบกันเขาก็เป็นคนน่ารักอยู่แล้วนะ เสมอต้นเสมอปลายมาก จิตใจดี ดูแลเทกแคร์คนรอบข้างดีมาก ยิ่งพอเขาเป็นพ่อนี่ยิ่งเห็นได้ชัดเลย เขารักลูกมาก แม้ว่างานจะยุ่งมาก แต่ก็พยายามหาเวลาให้ครอบครัว อย่างช่วงนี้เขาต้องเดินทางไปดูแลงานที่ต่างจังหวัดบ่อย เขาก็รีบไปรีบกลับ อย่างบางครั้งเขาต้องกลับไฟลต์วันรุ่งขึ้น แต่ถ้าค่ำนั้นงานเสร็จเรียบร้อยไม่ว่าไฟลต์จะดึกแค่ไหนเขาก็เปลี่ยนไฟลต์รีบบินกลับมาหาลูกเสมอ”
หนุ่มสาวคู่นี้นับเป็นพ่อแม่รุ่นใหม่ที่รู้จักใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการใช้ชีวิต โดยทางคุณแป้มเล่าให้ฟังว่า
“แป้มจะออกมาดูร้านวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วนวันที่เหลือจะอยู่กับลูกตลอด วันไหนที่ออกมาทำงานบางทีเรากลับค่ำ ทำให้เอาเขาเข้านอนไม่ทัน ก็จะใช้เวลา FaceTime คุยกับเขา ให้เขาเห็นหน้าเราก่อนนอนทุกวัน และในห้องนอนลูกเรามีติดกล้องวงจรปิดไว้ทุกมุมเลย สามารถเข้าไปดูจากมือถือได้ตลอดเวลา อย่างเวลาแกะอยู่ที่ทำงานอยากเห็นหน้าลูก ก็เปิดดูได้เลยว่าเขาทำอะไรอยู่ ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการเขาตลอด เพราะเราไม่อยากพลาดช่วงเวลาไหนเลย”
ทั้งคู่บอกว่าโชคดีที่ริศา ลูกสาวตัวน้อยน่ารัก อารมณ์ดี แล้วก็ไม่กลัวคนแปลกหน้า อีกทั้งยังเป็นคนทานเก่ง ทานได้ทุกอย่าง จึงเลี้ยงง่าย จะมีเหนื่อยอยู่หน่อยก็ตรงที่เธอเป็นเด็กแอกทีฟตลอด ไม่ค่อยนอน แรงเยอะ คุณแม่เลยพยายามพาไปทำกิจกรรมทั้งหลาย ว่ายน้ำ Little Gym ฯลฯ
“ทุกวันนี้เวลาทั้งหมดก็ให้เขาสำคัญเป็นที่หนึ่งละ เวลาชีวิตคู่ หรือเวลาส่วนตัวนี่แทบไม่เหลือ มันอาจจะไม่สบายเหมือนก่อน ที่เราคิดจะไปไหนกัน 2 คนก็ไปได้ หรือมีเวลาไปสนุกสนานกับเพื่อนๆ มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ชีวิตก็ถือว่ามีความสุขมากนะ... สุขแบบครอบครัวพ่อแม่ลูกของเรา 3 คน” ::Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/