ปรากฏการณ์ของมวลมหาประชาชนจำนวนนับล้านๆ คน ที่ออกมาต่อต้านระบอบทักษิณซึ่งโกงชาติกันเต็มถนนทุกสายในกรุงเทพฯ จนกลายเป็นบันทึกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย และในวงสังคมไฮโซ ต้องขอบันทึกต่อท้ายด้วยว่า นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ม็อบครั้งนี้ นอกจากชนชั้นกลางและมนุษย์เงินเดือน ที่เป็นกงจักรใหญ่แล้ว ยังมีทั้งนักธุรกิจ นักแสดง คนแวดวงโฆษณา-แฟชั่น ตลอดจนคนธรรมะ และกลุ่มราชนิกุล ที่ออกมารวมพลังต่อสู้อย่างเปิดเผย มากเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
ในวันสิ้นปี เซเลบออนไลน์ ได้รวบรวมเรื่องราวกู้ชาติของกลุ่มคนดังกู้ชาติมาฝาก เป็นการส่งท้ายปีเก่า 2556 และรอรับชัยชนะในปี 2557 กันค่ะ!
กลุ่มราชนิกูล กู้ชาติ
“ท่านใหม่” พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล ถือเป็นราชนิกุลคนแรกที่ออกตัวปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อมีพวกเสื้อแดงบางกลุ่มมุ่งโจมตีสถาบัน ช่วงแรกใช้วิธีโพสต์ความรู้สึกผ่านเฟสบุ๊ก จนเมื่อถึงวันที่รู้สึกว่าทนไม่ไหว ท่านใหม่จึงส่งจดหมายเชิญกลุ่มราชสกุล 53 สาย และ 20 ราชนิกุล มาร่วมงาน “รวมดวงใจ ร่วมใจภักดิ์”
การประชุมในวันนั้นมีราชนิกุลมาร่วมประชุมประมาณ 60 คน ทั้งหมดหารือถึงสถานการณ์ที่มีหลายเหตุการณ์สร้างผลกระทบต่อสถาบันเบื้องสูง และมองว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น เป็นกฎหมายมีมลทิน มิบังควรนำขึ้นทูลเกล้าฯ
“นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราลุกขึ้นมา เพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ ซึ่งเราเองก็เคยแจ้งไปยังรัฐบาลแล้วถึงความไม่เหมาะสม และแสดงความไม่เห็นด้วยแล้วครั้งหนึ่ง แต่รัฐบาลก็ยังคงเดินหน้า ไม่สนใจเรา เมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ยังถูกดูหมิ่น ก็เหมือนกับราชสกุลทุกคนถูกตบหน้าไปด้วย ถ้าอย่างนั้น “เมื่อคุณตบผม ผมก็ตบคุณ” ไม่สนด้วยว่าคุณจะมีใครหนุนหลัง”
3 หญิงแห่งราชสกุล”จักรพันธุ์”
ด้วยคำสอนของท่านพ่อ (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ) หยั่งรากลึกลงในจิตวิญญาณ ทำให้ไม่สามารถทำใจให้เป็นไทยเฉยได้ ม.ร.ว.จันทิรา จักรพันธุ์ หรือ “คุณหญิงแดง” จึงได้ร่วมกิจกรรมทางการเมืองอย่างเงียบๆ มานานแล้ว
“นอกจากดิฉันแล้วก็มีพี่หญิงใหญ่ (ม.ร.ว.สุพินดา), คุณหญิงเล็ก (ม.ร.ว.เบญจาภา) พวกเราไปร่วมชุมนุมหลายครั้ง ดีใจที่เห็นคนไทยแสดงพลังรักชาติเช่นนี้ มีอยู่วันหนึ่ง ดิฉันกับคุณหญิงใหญ่ไปแล้ว มีคุณหญิงเล็กที่ติดธุระแต่สุดท้ายก็ตามมา เธอต้องใช้เวลาข้ามฟากถนนมาสมทบกับดิฉันถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง คุณหญิงน้องไม่บ่นเลย เขาบอกว่าตื้นตันใจมาก”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเธอเอง เธอยืนยันที่จะเดินตามรอยท่านพ่อที่สั่งสอน และไม่ว่าจะต้องต่อสู้อีกนานแค่ไหน เธอและพี่น้องก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2 นักธุรกิจผู้ใฝ่ธรรมะ เปิดตัวปกป้องชาติ
แทบไม่น่าเชื่อว่า ดนัย จันทร์เจ้าฉาย เจ้าของบริษัทพีอาร์ชื่อดัง จะกล้าเปิดตัวแรงขัดแย้งกับบุคลิกที่สุภาพอ่อนน้อมของเขา และยังถือว่าเขาเป็นนักธุรกิจคนแรกๆ ที่ออกมาประกาศตัวชัดเจน เหตุผลลึกๆ คือ เขาได้สัมผัสกับระบอบโกงชาตินี้ด้วยตัวเอง
ก่อนหน้านี้ เขาเคยทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับกองโฆษกรัฐบาลสมัยรัฐบาลทักษิณ 1 แต่หลังจากร่วมงานได้เพียง 2 ปีเศษ ก็เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากล จึงขอลาออกมา “ตอนนั้นมีคนชื่นชมคุณทักษิณอยู่มาก แต่ผมก็มีความไม่สบายใจกับเรื่องไม่ชอบมาพากลสุดท้ายก็ลาออกดีกว่า”
หลังการออกตัวต่อต้านอย่างชัดเจนทำให้ “ดนัย” ถูกโจมตีอย่างหนัก “มีนักปฏิบัติหลายคนยังไม่เข้าใจเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งคือ ถ้ายังแยก “ถูก” แยก “ผิด” ไม่ได้ ถามว่ามีประโยชน์อะไรที่เราจะปฏิบัติธรรม เพราะธรรมะคือสิ่งถูกต้อง หลวงปู่สิน ที่ผมนับถือบอกว่า ถ้าเราปฏิบัติธรรมอยู่ในป่า แล้วไฟไหม้ป่า โดยไม่ลุกขึ้นมาดับ ปล่อยให้ไฟไหม้หมดแล้วเราจะไปปฏิบัติธรรมที่ไหน ก็เหมือนเหตุการณ์นี้ ถ้านักปฏิบัติธรรมมัวแต่นั่งนิ่ง ยึดอุเบกขา ปล่อยวางเฉยหมดนั่นคือ “โง่” ผมถึงต้องลุกขึ้นมาสู้”
ดนัยยังบอกอีกว่า เขาไม่ใช่คนของนักการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง สิ่งที่เขาทำทั้งหมด เพื่อประเทศชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เขารักเท่านั้น “หากต่อสู้กับการทุจริตทุกรูปแบบนะครับ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นพรรคเพื่อไทยหรือคุณทักษิณหรอก หากนักการเมืองคนไหนทุจริตคอร์รัปชันผมก็ต่อต้านทั้งนั้น ทุกวันนี้ผมทำโครงการต่อต้านคอร์รัปชันทุกรูปแบบ ทำมา 3 ปีกว่าแล้วครับ”
ศรีวรา อิสสระ ประธานกรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ นักธุรกิจหญิงที่กล้าแกร่งคนนี้ ต้องสลัดภาพผู้ทรงศีล เพราะเป็นที่รู้กันว่าเธอเป็นคนธรรมะธัมโม รักการปฏิบัติธรรมเป็นชีวิตจิตใจ และเมื่อถึงวันที่ระบอบทักษิณเข้ามาคุกคามประเทศชาติ โดยเฉพาะ การเร่งออกกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ทำให้ “ศรีวรา” สุดทน
“ถึงเวลาที่ต้องออกมาปกป้องประเทศไทย เราจะมาทำเป็นไทยเฉยอยู่ไม่ได้อีกต่อไปแล้วค่ะ”
การแสดงออกของศรีวราและครอบครัว ที่แสดงชัดว่าไม่เอารัฐบาลชุดนี้นั้น แน่นอนว่า อาจส่งผลกระทบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเธอก็ได้ แต่เธอพร้อมสามีและลูกๆ ก็ยืนยันว่า “ไม่กลัว” เพราะทุกสิ่งที่ได้ทำล้วนเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ถ้ารัฐบาลจะมาทำอะไร พวกเขาก็พร้อมที่จะต่อสู้
กลุ่มแฟชั่นรักชาติ
จากคนที่ทำงานกับความสวยความงามอยู่ทุกวัน ถึงวันนี้ ศักดิ์ชัย กาย เจ้าของนิตยสารชื่อดัง กลับมาต้องมาคลุกคลีกับเพื่อนร่วมชาติบนท้องถนนมานานนับเดือน เพื่อขับไล่รัฐบาลเผด็จการจนถูกแก๊สน้ำตาเข้าอย่างจังแล้ว เขาคนนี้ก็ยืนยันจะสู้จนกว่าจะชนะ
“ผมไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าใคร มีคนเก่งกว่าผมมากมาย ผมแค่ไปเติมในจุดที่เขาขาด ผมและเพื่อนหรือพวกเราทุกคนเป็นแค่จุดเล็กๆ ที่ทำภาพให้ชัดเจนขึ้นมาเท่านั้นเอง ผมออกไปแสดงพลังด้วยใจบริสุทธิ์ ใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ในวันที่พวกเราเดินขบวนไปขอให้ตำรวจมายืนข้างประชาชนที่ บชน. ผมไม่คิดว่าได้รับการต้อนรับจากภาครัฐและตำรวจด้วยวิธีเช่นนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมกับพวกเราเลย”
ก่อนจบการสนทนาศักดิ์ชัยได้ฝากคำพูดถึงรัฐบาลนี้ว่า “ผมอยากให้รัฐบาลรักษาการของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลดทิฐิการครองอำนาจ ลาออกแล้วมาช่วยกันปฏิรูป ตั้งกฎกติกากันใหม่ดีกว่า ประเทศไทยจะได้มีผู้แทนราษฎรที่สง่างาม”
“เป็ด-อภิชาต” สู้ในโลกออนไลน์
เป็ด-อภิชาต นรเศรษฐาภรณ์ ช่างแต่งหน้าชื่อดัง เป็นอีกคนที่แสดงตัวชัดเจนไม่พอใจระบอบทุนสามานย์ แม้ขณะนี้เขาถูกมะเร็งร้ายคุกคามอย่างหนัก จนไม่สามารถออกไปต่อสู้บนท้องถนนได้ แต่เขาก็ยังทำหน้าที่คนไทยอย่างเต็มที่ โดยร่วมขับไล่รัฐบาลผ่านโลกออนไลน์ทั้งเฟสบุ๊กและอินสตาแกรม ด้วยคำสอนที่ตรงไปตรงมา จัดจ้านและคมคายได้อย่างน่านับถือ
เป็ด บอกว่า ออกมาปกป้องชาติครั้งนี้เพราะความจงรักภักดีที่มีต่อในหลวง “ชาติบ้านเมืองกำลังวิกฤติ เพื่อนฝูงแตกแยก มีคนจะมาล้างชาติไม่ให้ไทยได้มีรากเหง้าเหลืออยู่แล้ว จะยกใครไม่รู้มาครอบครอง มันแย่ไปหรือเปล่า อันนี้เป็นสิ่งที่พี่ทนเฉยไม่ได้จริงๆ ตอนนี้พี่ไม่สบายแต่ไม่ใช่ปัญหา พี่อยากไปร่วมชุมนุม แต่เพื่อนหลายคนห้ามไม่ให้ไป ดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือติดตามข่าวสารบ้านเมือง อะไรที่ไม่ถูกต้องก็เขียนอธิบาย เผื่อว่าคนที่เคยคิดผิดได้อ่านแล้วจะสำนึกกลับมาเป็นคนดีได้บ้าง”
ทุกสิ่งที่เป็ดได้ทำไปแม้จะได้รับผลกระทบจากการถูกด่ากลับ เขาก็บอกว่าไม่เคยรู้สึกเสียใจ ในทางกลับกัน เธอกลับรู้สึกดีใจที่อย่างน้อย ได้ทดแทนคุณแผ่นดินและปกป้ององค์เหนือหัวของคนไทยทุกคน “พี่รักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พี่ดีใจที่รักท่าน และก็ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน” เป็ดกล่าวด้วยรอยยิ้มที่สดชื่น
มหากาพย์เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร จับตาอย่าได้กระพริบตา เพราะคุณจะได้เก็บบทเรียนนี้ไปเล่าให้คนรุ่นหลังได้ฟัง ว่าปู่ ย่า ตา ยาย ของเขานั้น มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าเงินสกปรกของคนขายชาติจะซื้อได้
