xs
xsm
sm
md
lg

“เป็ด- อภิชาติ ” ลั่น มะเร็งเรื่องเล็ก...กู้ชาติเรื่องใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เป็ด-อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์
 
แม้ต้องต่อสู้กับมะเร็งร้ายที่ย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้ง แต่ช่างแต่งหน้าชื่อดัง เป็ด-อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์ ก็ไม่หวั่นไหว ยังดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข สามารถทำงานแข็งขัน ทั้งยังทำหน้าที่คนไทยในการแสดงตัวชัดเจน ไม่พอใจระบอบทุนสามานย์ พร้อมร่วมขับไล่รัฐบาลผ่านโลกออนไลน์ ด้วยคำสอนที่ดูคมคาย จัดจ้านจนมีคนติดตามกันมากมาย

 
ในวันที่อุณหภูมิการเมืองไทยร้อนแรงแข่งกับอากาศในบ้านเรา เป็ด-อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์ เปิดโอกาสให้เราได้พูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตในช่วงที่ผ่านมา อย่างเป็นกันเอง โดยเฉพาะ การต่อสู้กับมะเร็งร้ายที่ย้อนกลับมาโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว และเรื่องราวการออกมาต่อสู้เพื่อขับไล่ระบอบทักษิณ ที่กำลังกัดกินประเทศชาติ ด้วยสีหน้าที่สดใสเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและพลังใจ

 
พี่เป็ดบอกว่า 2 ปีก่อนหลังจากรู้ว่าเป็นมะเร็งลำไส้ ก็รักษาตัวจนหายเป็นปกติ จนมาถึงช่วงกลางปี ไปตรวจพบเชื้อมะเร็งอีก คราวนี้เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จึงต้องเข้าทำการรักษาใหม่อีกครั้ง ด้วยวิธีฉายแสงและคีโมบำบัด

“มะเร็งที่กลับมาครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากความเครียด พักผ่อนไม่พอ ตรงนี้ก็ต้องยอมรับ เพราะเป็นสิ่งที่เราทำตัวเอง อาการที่คงเหลืออยู่คือ เนื้อร้ายไปกดประสาทด้านซ้าย ทำให้ไม่สามารถยืนหรือเดินได้นานๆ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะหลังวันที่ 19 ธันวา จะไปญี่ปุ่นเพื่อพักผ่อนให้เต็มที่ ป่วยครั้งนี้พี่ไม่เครียดนะ เพราะป่วยก็คือป่วย ถ้าเรามัวแต่มานั่งหดหู่ใจ ทุกอย่างก็ยิ่งแย่ลง สู้ทำชีวิตให้เป็นปกติเท่าที่จะทำได้ดีกว่า อย่างเบรกงานที่วุ่นวาย ความเคร่งเครียดทั้งหลาย แล้วไปเที่ยวในที่ที่เราชอบ อย่างพี่ชอบญี่ปุ่น พี่ก็จะไป เพราะที่นั่นอากาศดีจะช่วยผ่อนคลายทุกอย่างด้วย"

 
พี่เป็ดยอมรับว่า นอกเหนือจากงานแล้ว อีกหนึ่งในความเครียดมากๆ ของเธอนั้น มาจากปัญหาการเมือง อันเกิดจากบุคคลกลุ่มหนึ่งที่ไม่รักสถาบันกษัตริย์ และยังพยายามทำลายรากเหง้าความเป็นไทยที่บรรพบุรุษสร้างไว้
“ช่วงแรกๆ พี่ไม่สามารถหลับได้เลย ต้องหลับพร้อมกับทีวี คือเปิดทีวีทั้งวัน ตื่นมาเจอเรื่องเครียดอีกแล้ว ช่วงนั้นแย่และมีผลกับสุขภาพ ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องนอน ก็ปิดทีวีแล้วนอนจริงๆ ตื่นมาก็เช็คข่าวจากเฟสบุ๊ก อินสตาแกรมตลอด และพยายามไม่เครียด ใช้คำสอนของพระพุทธเจ้ามาช่วย คือดูทุกอย่างให้เป็นจริง เป็นกลางมากที่สุด ทำได้เท่าไหนก็เท่านั้น อย่างตอนนี้ไปร่วมม็อบไม่ไหว เพื่อนก็ห้ามคือกลัวพี่ติดเชื้อ เพราะตอนนี้ภูมิต้านทานไม่มี พี่ก็ใช้วิธีส่งเงินไปช่วยเขา นอกจากนี้ ก็ใช้เฟสบุ๊กและอินสตาแกรมเป็นเครื่องมือในการต่อสู้”

 
พี่เป็ดยังกล่าวด้วยสีหน้าและแววตาผิดหวังว่า หลังจากที่โพสต์บางเรื่องในเฟสบุ๊กก็เจอกระแสต่อต้านถึงขั้นมีคนด่าว่า “เกลียดอีเป็ดเพราะมันอิจฉาคนอื่น ถึงได้เป็นมะเร็งแบบนี้” ซึ่งเธอบอกว่าไม่แคร์ เพราะไม่เคยอิจฉาใคร ทุกคนต้องตาย แต่จะรู้สึกโกรธทุกครั้งที่ได้ยินคนพูดว่า เมื่อไหร่จะเลิกม็อบกันเสียที ซึ่งเธอบอกว่า คนพวกนี้ไม่ควรอยู่ในบ้านเมืองเรา

 
"เฉยได้อย่างไรกัน (เน้นเสียง) บ้านเมืองวิกฤติ ชาติกำลังแตกแยก เพื่อนฝูงแตกแยก และมีคนจะมาล้างชาติ ไม่ให้เรามีรากเหง้าเหลืออยู่เลย แล้วเอาใครไม่รู้มาครอบครอง มันแย่ไปหรือเปล่า ในเฟสบุ๊กพี่จะสอนน้องๆ เท่าที่จะทำได้ หลายคนบอกม็อบนี้เป็นม็อบไฮโซ พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มองย้อนกลับไปว่า ไฮโซเขาอยู่ในสถานภาพที่เลือกได้ สามารถนอนบนที่นอนนุ่มๆ ดูทีวี กินขนม จิบไวน์ ในห้องแอร์เย็นฉ่ำได้อย่างสบายๆ แต่เขาไม่ทำ ผู้ใหญ่ที่พี่เคารพออกมาต่อสู้ ส่วนใหญ่เริ่มต้นจากส่งเงินช่วยเหลือก่อน แล้วสุดท้ายก็ต้องออกมาอย่างวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา เห็นมั๊ยว่าคนระดับนี้ยังต้องออกมาร่วมกับคนอย่างพวกเรา"  ช่างแต่งหน้าชื่อดังกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

 
ช่างแต่งหน้าตัวเล็กแต่ใจใหญ่คนนี้ บอกว่า อะไรที่เป็นสื่อหรือข้อความที่จะบอกต่อกัน เพื่อให้คนรับรู้ จะได้เตรียมรับมือ หรือปกป้อง เธอก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ทุกคนควรช่วยกันทำ

กรณีโพสต์สอน “อุ๊งอิ๊ง” จนเป็นกระแสฮือฮาเมื่อสัปดาห์ก่อน เธอบอกว่าเป็นข้อความจากเฟสบุ๊กของใครคนหนึ่งที่ส่งต่อกันมาเรื่อยๆ เมื่อเธออ่านแล้วรู้สึกว่า “อุ๊งอิ๊ง” เป็นเหมือนเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่ามีอำนาจล้นเหลือ ทำอะไรด้วยความคะนองปาก บางทีมันก็เกินเลยไปเหมือนกัน “พี่ก็สอนเผื่อว่าเขาจะได้สติขึ้นมาบ้าง คนเราบางทีอยู่กับคนรอบข้างที่เอาอกเอาใจ และพูดแต่สิ่งจอมปลอม บางทีก็ทำให้หลงตัวเองได้เหมือนกัน ถ้ามีคนที่มีความจริงใจเตือน อาจจะช่วยให้ฉุกคิดขึ้นมาได้บ้าง นิดนึงก็ยังดี”

 
เมื่อถามถึงชีวิตในวันนี้ พี่เป็ดบอกว่า ทุกวันนี้มีพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เธอพยายามประคับคองตัวให้เป็นคนดี ตามพระราชดำรัสของในหลวงในทุกๆ ข้อ
“พี่รักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะพี่คิดว่าท่านเป็นพระที่อยู่บนหัวคนไทยทุกคน คอยปกป้องคุ้มครอง ส่งเสริม และเป็นพระที่ชี้นำแนวทางที่ถูกต้องให้กับคนไทย พี่ถือว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าที่มีชีวิต เพราะท่านทรงนำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มาสอนเราทุกเรื่อง พี่ดีใจที่รักท่าน เพราะสิ่งที่พี่ได้ที่เกิดกับพี่ เป็นเรื่องมงคลทั้งนั้น และในวันที่ไม่สบายอย่างหนัก พี่มั่นใจว่าพี่จะได้อยู่ชื่นชมพระบารมีท่านอีกนาน การได้รักท่านคือความสุขทางใจของพี่” พี่เป็ดกล่าวทิ้งท้าย ด้วยรอยยิ้มและแววตาที่ภาคภูมิใจ

กำลังโหลดความคิดเห็น