คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
ยังมีอีกหลายข้อครับ ที่ใช้ ถุงยาง กันผิดๆ
5. สวมผิด
จำเรื่องโจ๊กเกี่ยวกับการคุมกำเนิดได้ใช่มั้ย ที่ว่าลุงเชยคนหนึ่งร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่อนามัยที่มาแนะนำวิธีคุมกำเนิดด้วยถุงยางว่ามันไม่ได้ผล เพราะลุงแกสวมถุงยางไว้ที่นิ้วหัวแม่มือขณะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคุณป้า ตามที่เจ้าหน้าที่เคยสาธิตให้ดู
แต่เรื่องจริงที่หัวเราะไม่ออกก็คือมีมากมายหลายวิธีที่คนเราสวมถุงยางผิดๆ ในชีวิตจริงของพวกเขา อย่างเช่น เอาข้างในออกนอก มันจะถูกคลี่ม้วนออกมาอยากลำบาก (และอาจฉีกขาดได้) แต่คุณก็ยังฝืนใช้มันอยู่ได้ สารที่ควรจะอยู่ข้างในก็จะออกมาอยู่ข้างนอก
แน่นเกินไป ปลายถุงยางต้องการที่ว่างสำหรับกักเก็บน้ำอสุจิ 45.7 % ของคนทั่วไป ไม่เข้าใจว่าถุงยางมีติ่งไว้ทำไม จึงพยายามดึงมันมาครอบหัวองคชาติให้ได้
มีอากาศมากไป แรงเสียดสีกับฟองอากาศในถุงยาง ทำให้ถุงยางมีแนวโน้มว่าจะฉีกขาดได้ง่ายขึ้น ประมาณ 41% ของผู้ชายและ 48% ของผู้หญิงไม่รีดอากาศออกจากถุงก่อน
คลี่ถุงไม่สุด ถุงยางที่ถูกคลี่ไม่สุดสามารถหลุดในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ได้ ซึ่งทำให้มันไม่อาจทำหน้าที่ป้องกันการสัมผัสของอวัยวะเพศทั้งสองได้อย่างสมบูรณ์
คลี่ถุงก่อนใช้ เช่นเดียวกับการคลี่ข้างในออกนอก การคลี่ถุงยางออกหมดก่อนทำให้สวมได้ยากขึ้นมาก จึงทำให้มันฉีกขาดได้ง่ายขึ้น
วิธีถูกต้องคือ หยิบถุงยางออกจากซองอย่างระมัดระวัง และตรวจดูความเสียหายให้แน่ใจว่าถูกด้าน คือ ปลายถุงโผล่ขึ้นจากศูนย์กลาง ไม่ใช่ห่อตัวอยู่รอบจากด้านนอก บีบไล่อากาศออกจากปลายถุงด้วยนิ้วมือกับนิ้วชี้ และวางลงบนหัวองคชาติ (หรือของเล่น ถ้าใช้มันประกอบฉาก) คลี่ถุงลงไปให้สุดความยาวของมัน รีดฟองอากาศรอบๆ ออกอีกครั้ง เท่านี้คุณก็พร้อมที่จะมุดเข้าถ้ำคูหาสวรรค์แล้ว
6. ไม่แก้ไขในสิ่งผิด
ด้วยการสวมถุงยางแบบผิดๆ หลายวิธีนี่เอง ที่ทำให้ทุกคนที่ใช้มันน่าจะทำมันลื่นหลุด ณ จุดใดจุดหนึ่งในประสบกามของพวกเขา สิ่งเลวร้ายที่สุดที่คุณทำเมื่อมันเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการสวมถุงเอาข้างในออกนอก ถุงแตกหรือสวมแน่นเกินไป ก็คือ คุณไม่สนใจมันและทำต่อไป หรือแก้ไขแบบผิดๆ เช่น เมื่อสวมถุงผิดด้านคุณก็ถอดมันออกและปลิ้นกลับให้ถูกแล้วสวมกลับเข้าไปใหม่
กรณีนี้ถือ ว่า ผิดมหันต์ เพราะตอนนั้น ของเหลวในร่างกายของคู่รักมันติดอยู่ด้านนอกแล้ว มันจึงกลับเข้าไปติดกับอวัยวะเพศของคุณที่ด้านใน 30% ของผู้ที่เริ่มร่วมเพศด้วยการสวมถุงกลับด้านนี้ ทำผิดพลาดดังกล่าว
สิ่งที่ดีที่สุดในการกระทำเมื่อบางอย่างผิดพลาดขณะสวมถุงยางก็คือ ทิ้งถุงนั้นไปซะและหยิบถุงใหม่มาใช้ มันจึงเป็นเหตุผลที่ดีในการมีถุงยางสำรองไว้ใกล้ๆ ตัว (ตราบใดที่มันไม่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ หรือใกล้ความร้อน)
7. ใช้สารหล่อลื่นผิด
ถุงยางทำจากยางพาราล้วนๆ มันจึงมีคุณสมบัติยืดหยุ่น แต่ก็มีคุณสมบัติฝืดตัวด้วย ถุงยางส่วนใหญ่จึงมีสารหล่อลื่นประกอบมาด้วย เพื่อชดเชยแรงเสียดสีอันน่ารำคาญดังกล่าว แต่หลายคนยังต้องการความลื่นมากกว่านั้น หรือต้องการสารหล่อลื่นที่แตกต่างจากสารที่โรงงานให้มา แต่สารหล่อลื่นส่วนใหญ่พอหาได้ภายในบ้าน อย่างเช่น จารบีหรือน้ำมันพืชซึ่งไปกันได้ไม่ดีกับถุงยาง
ยังมีสารหล่อลื่นหลายอย่างที่ถูกเลือกใช้กับถุงยาง แต่สารหล่อลื่นฐานน้ำ (ละลายน้ำได้) เป็นเพียงอย่างเดียวที่เข้ากันได้ดีกับยางพารา สารหล่อลื่นฐานน้ำล้างออกได้ง่ายกว่าด้วย ซึ่งทำให้ล้างน้ำอสุจิหรือเชื้อกามโรคออกจากถุงยางได้ง่ายขึ้น
8. สวมถุงช้าไป
ถุงยาง คือ ปราการกีดขวาง ทำให้อวัยวะเพศปลอดจากการถูกสัมผัส แต่ก็ถูกบ่นอยู่ทั่วไปว่ามันมีผลกระทบข้างเคียง คือ มันสามารถลดความเพลิดเพลินและความรู้สึกได้เช่นกัน จึงมักมีคนเลือกสวมถุงยางเฉพาะบางช่วงของปฏิบัติกาม
น่าเศร้าที่การเลือกปฏิบัติดังกล่าวไม่ส่งผลดีต่อใครๆ ไม่สวมถุงยางนานขึ้นเท่าไร ของเหลวในร่างกายของคนเราก็มีโอกาสพัวพันกันนานขึ้นเท่านั้น ประมาณ 17 ถึง 50% ของคนที่ร่วมเพศจะรอจนกว่าจะใกล้หลั่งอสุจิจึงจะสวมถุง ซึ่งสายเกินกว่าจะเป็นนาทีสุดท้าย เป็นการมีเพศสัมพันธ์ที่ปราศจากการป้องกันพอๆกับการไม่สวมถุง
เวลาอันถูกต้องสำหรับการสวมถุงยางคือ ก่อนมีเซ็กซ์ ไม่ใช่ระหว่างมีเซ็กซ์
9. ถอดถุงช้าไป
การสวมถุงช้าไปมีความเสี่ยงพอๆกับการไม่สวมถุง ดังกล่าวแล้ว แต่การรอนานเกินไปก่อนถอดถุงยางก็มีปัญหาเช่นกัน การแข็งตัวของผู้ชายจะเริ่มลดลงในทันทีที่เขาหลั่งน้ำกาม หมายความว่าถุงยางที่เคยแนบกระชับตอนเริ่มต้นสามารถกลายเป็นถุงหลวมๆไปทันทีหลังจากเขาสำเร็จกามกิจ องคชาติอ่อนตัวลงมากเท่าไร โอกาสที่น้ำอสุจิจะรั่วออกจากถุงยางก็มีมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น ในทันทีหลังจากหลั่งอสุจิ ให้ชักองคชาติออกจากช่องคลอด โดย จับขอบวงแหวนของถุงยางไว้ให้แน่น จากนั้นค่อยๆ ถอดถุงยางอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการทำของเหลวข้างในหก ห่อมันไว้ในกระดาษชำระ และโยนลง ถังขยะไป
10. นำมาใช้ใหม่
วิธีนี้เป็นวิธีที่ผิดอย่างมหันต์ที่สุด ไม่ใช่เพราะเป็นวีที่ผิดอย่างเลวร้ายที่สุด ถึงแม้จะเลวอยู่ก็ตาม แต่เพราะมันยากที่จะเชื่อว่ามีคนที่ทำอย่างนั้นด้วย เพราะใครๆก็รู้ว่าถุงยางอนามัยเป็นของที่ใช้แล้วทิ้ง
แต่ปรากฏว่ามีคนไม่รู้ ประมาณ 1.4 ถึง 3.3% ของคนที่ใช้ถุงยาง นำถุงยางกลับมาใช้ใหม่ในระหว่างยกแรกของการร่วมเพศ และ 1.5% นำถุงยางกลับมาใช้ใหม่ในระหว่างยกอื่นๆ
นอกเหนือจากข้อเท็จจริงอันน่าขยะแขยงที่ว่ามีคนนำถุงยางกลับมาใช้ใหม่แล้ว ก็คือ ถุงยางมันไม่ปลอดภัยสำหรับการนำมาใช้อีกครั้ง ต่อให้คุณเช็ดล้างยังไงมันก็ไม่โอเคที่จะนำมาใช้ใหม่ น้ำยาทำความสะอาดหรือสบู่ที่จะฆ่าอสุจิและเชื้อกามโรคนั้น จะทำให้ถุงยางเปื่อยและฉีกขาดได้ง่ายขึ้น
การนำถุงยางกลับมาใช้ใหม่เป็นความคิดที่แย่ที่สุด โปรดใช้มันอย่างถูกต้องเพียงครั้งเดียวเท่านั้นแล้วก็ห่อกระดาษ ทิ้งลงถังขยะไป
อย่าทำอย่างคนใช้ถุงยางในม็อบที่เมื่อเสร็จกิจแล้วก็ทิ้งมันไว้เรี่ยราดบนพื้นให้เป็นที่อุจาดตาต่อมวลมหาประชาชนแบบนั้น มันไม่อารยะขัดขืน รู้มั้ย
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ยังมีอีกหลายข้อครับ ที่ใช้ ถุงยาง กันผิดๆ
5. สวมผิด
จำเรื่องโจ๊กเกี่ยวกับการคุมกำเนิดได้ใช่มั้ย ที่ว่าลุงเชยคนหนึ่งร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่อนามัยที่มาแนะนำวิธีคุมกำเนิดด้วยถุงยางว่ามันไม่ได้ผล เพราะลุงแกสวมถุงยางไว้ที่นิ้วหัวแม่มือขณะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคุณป้า ตามที่เจ้าหน้าที่เคยสาธิตให้ดู
แต่เรื่องจริงที่หัวเราะไม่ออกก็คือมีมากมายหลายวิธีที่คนเราสวมถุงยางผิดๆ ในชีวิตจริงของพวกเขา อย่างเช่น เอาข้างในออกนอก มันจะถูกคลี่ม้วนออกมาอยากลำบาก (และอาจฉีกขาดได้) แต่คุณก็ยังฝืนใช้มันอยู่ได้ สารที่ควรจะอยู่ข้างในก็จะออกมาอยู่ข้างนอก
แน่นเกินไป ปลายถุงยางต้องการที่ว่างสำหรับกักเก็บน้ำอสุจิ 45.7 % ของคนทั่วไป ไม่เข้าใจว่าถุงยางมีติ่งไว้ทำไม จึงพยายามดึงมันมาครอบหัวองคชาติให้ได้
มีอากาศมากไป แรงเสียดสีกับฟองอากาศในถุงยาง ทำให้ถุงยางมีแนวโน้มว่าจะฉีกขาดได้ง่ายขึ้น ประมาณ 41% ของผู้ชายและ 48% ของผู้หญิงไม่รีดอากาศออกจากถุงก่อน
คลี่ถุงไม่สุด ถุงยางที่ถูกคลี่ไม่สุดสามารถหลุดในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ได้ ซึ่งทำให้มันไม่อาจทำหน้าที่ป้องกันการสัมผัสของอวัยวะเพศทั้งสองได้อย่างสมบูรณ์
คลี่ถุงก่อนใช้ เช่นเดียวกับการคลี่ข้างในออกนอก การคลี่ถุงยางออกหมดก่อนทำให้สวมได้ยากขึ้นมาก จึงทำให้มันฉีกขาดได้ง่ายขึ้น
วิธีถูกต้องคือ หยิบถุงยางออกจากซองอย่างระมัดระวัง และตรวจดูความเสียหายให้แน่ใจว่าถูกด้าน คือ ปลายถุงโผล่ขึ้นจากศูนย์กลาง ไม่ใช่ห่อตัวอยู่รอบจากด้านนอก บีบไล่อากาศออกจากปลายถุงด้วยนิ้วมือกับนิ้วชี้ และวางลงบนหัวองคชาติ (หรือของเล่น ถ้าใช้มันประกอบฉาก) คลี่ถุงลงไปให้สุดความยาวของมัน รีดฟองอากาศรอบๆ ออกอีกครั้ง เท่านี้คุณก็พร้อมที่จะมุดเข้าถ้ำคูหาสวรรค์แล้ว
6. ไม่แก้ไขในสิ่งผิด
ด้วยการสวมถุงยางแบบผิดๆ หลายวิธีนี่เอง ที่ทำให้ทุกคนที่ใช้มันน่าจะทำมันลื่นหลุด ณ จุดใดจุดหนึ่งในประสบกามของพวกเขา สิ่งเลวร้ายที่สุดที่คุณทำเมื่อมันเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการสวมถุงเอาข้างในออกนอก ถุงแตกหรือสวมแน่นเกินไป ก็คือ คุณไม่สนใจมันและทำต่อไป หรือแก้ไขแบบผิดๆ เช่น เมื่อสวมถุงผิดด้านคุณก็ถอดมันออกและปลิ้นกลับให้ถูกแล้วสวมกลับเข้าไปใหม่
กรณีนี้ถือ ว่า ผิดมหันต์ เพราะตอนนั้น ของเหลวในร่างกายของคู่รักมันติดอยู่ด้านนอกแล้ว มันจึงกลับเข้าไปติดกับอวัยวะเพศของคุณที่ด้านใน 30% ของผู้ที่เริ่มร่วมเพศด้วยการสวมถุงกลับด้านนี้ ทำผิดพลาดดังกล่าว
สิ่งที่ดีที่สุดในการกระทำเมื่อบางอย่างผิดพลาดขณะสวมถุงยางก็คือ ทิ้งถุงนั้นไปซะและหยิบถุงใหม่มาใช้ มันจึงเป็นเหตุผลที่ดีในการมีถุงยางสำรองไว้ใกล้ๆ ตัว (ตราบใดที่มันไม่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ หรือใกล้ความร้อน)
7. ใช้สารหล่อลื่นผิด
ถุงยางทำจากยางพาราล้วนๆ มันจึงมีคุณสมบัติยืดหยุ่น แต่ก็มีคุณสมบัติฝืดตัวด้วย ถุงยางส่วนใหญ่จึงมีสารหล่อลื่นประกอบมาด้วย เพื่อชดเชยแรงเสียดสีอันน่ารำคาญดังกล่าว แต่หลายคนยังต้องการความลื่นมากกว่านั้น หรือต้องการสารหล่อลื่นที่แตกต่างจากสารที่โรงงานให้มา แต่สารหล่อลื่นส่วนใหญ่พอหาได้ภายในบ้าน อย่างเช่น จารบีหรือน้ำมันพืชซึ่งไปกันได้ไม่ดีกับถุงยาง
ยังมีสารหล่อลื่นหลายอย่างที่ถูกเลือกใช้กับถุงยาง แต่สารหล่อลื่นฐานน้ำ (ละลายน้ำได้) เป็นเพียงอย่างเดียวที่เข้ากันได้ดีกับยางพารา สารหล่อลื่นฐานน้ำล้างออกได้ง่ายกว่าด้วย ซึ่งทำให้ล้างน้ำอสุจิหรือเชื้อกามโรคออกจากถุงยางได้ง่ายขึ้น
8. สวมถุงช้าไป
ถุงยาง คือ ปราการกีดขวาง ทำให้อวัยวะเพศปลอดจากการถูกสัมผัส แต่ก็ถูกบ่นอยู่ทั่วไปว่ามันมีผลกระทบข้างเคียง คือ มันสามารถลดความเพลิดเพลินและความรู้สึกได้เช่นกัน จึงมักมีคนเลือกสวมถุงยางเฉพาะบางช่วงของปฏิบัติกาม
น่าเศร้าที่การเลือกปฏิบัติดังกล่าวไม่ส่งผลดีต่อใครๆ ไม่สวมถุงยางนานขึ้นเท่าไร ของเหลวในร่างกายของคนเราก็มีโอกาสพัวพันกันนานขึ้นเท่านั้น ประมาณ 17 ถึง 50% ของคนที่ร่วมเพศจะรอจนกว่าจะใกล้หลั่งอสุจิจึงจะสวมถุง ซึ่งสายเกินกว่าจะเป็นนาทีสุดท้าย เป็นการมีเพศสัมพันธ์ที่ปราศจากการป้องกันพอๆกับการไม่สวมถุง
เวลาอันถูกต้องสำหรับการสวมถุงยางคือ ก่อนมีเซ็กซ์ ไม่ใช่ระหว่างมีเซ็กซ์
9. ถอดถุงช้าไป
การสวมถุงช้าไปมีความเสี่ยงพอๆกับการไม่สวมถุง ดังกล่าวแล้ว แต่การรอนานเกินไปก่อนถอดถุงยางก็มีปัญหาเช่นกัน การแข็งตัวของผู้ชายจะเริ่มลดลงในทันทีที่เขาหลั่งน้ำกาม หมายความว่าถุงยางที่เคยแนบกระชับตอนเริ่มต้นสามารถกลายเป็นถุงหลวมๆไปทันทีหลังจากเขาสำเร็จกามกิจ องคชาติอ่อนตัวลงมากเท่าไร โอกาสที่น้ำอสุจิจะรั่วออกจากถุงยางก็มีมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น ในทันทีหลังจากหลั่งอสุจิ ให้ชักองคชาติออกจากช่องคลอด โดย จับขอบวงแหวนของถุงยางไว้ให้แน่น จากนั้นค่อยๆ ถอดถุงยางอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการทำของเหลวข้างในหก ห่อมันไว้ในกระดาษชำระ และโยนลง ถังขยะไป
10. นำมาใช้ใหม่
วิธีนี้เป็นวิธีที่ผิดอย่างมหันต์ที่สุด ไม่ใช่เพราะเป็นวีที่ผิดอย่างเลวร้ายที่สุด ถึงแม้จะเลวอยู่ก็ตาม แต่เพราะมันยากที่จะเชื่อว่ามีคนที่ทำอย่างนั้นด้วย เพราะใครๆก็รู้ว่าถุงยางอนามัยเป็นของที่ใช้แล้วทิ้ง
แต่ปรากฏว่ามีคนไม่รู้ ประมาณ 1.4 ถึง 3.3% ของคนที่ใช้ถุงยาง นำถุงยางกลับมาใช้ใหม่ในระหว่างยกแรกของการร่วมเพศ และ 1.5% นำถุงยางกลับมาใช้ใหม่ในระหว่างยกอื่นๆ
นอกเหนือจากข้อเท็จจริงอันน่าขยะแขยงที่ว่ามีคนนำถุงยางกลับมาใช้ใหม่แล้ว ก็คือ ถุงยางมันไม่ปลอดภัยสำหรับการนำมาใช้อีกครั้ง ต่อให้คุณเช็ดล้างยังไงมันก็ไม่โอเคที่จะนำมาใช้ใหม่ น้ำยาทำความสะอาดหรือสบู่ที่จะฆ่าอสุจิและเชื้อกามโรคนั้น จะทำให้ถุงยางเปื่อยและฉีกขาดได้ง่ายขึ้น
การนำถุงยางกลับมาใช้ใหม่เป็นความคิดที่แย่ที่สุด โปรดใช้มันอย่างถูกต้องเพียงครั้งเดียวเท่านั้นแล้วก็ห่อกระดาษ ทิ้งลงถังขยะไป
อย่าทำอย่างคนใช้ถุงยางในม็อบที่เมื่อเสร็จกิจแล้วก็ทิ้งมันไว้เรี่ยราดบนพื้นให้เป็นที่อุจาดตาต่อมวลมหาประชาชนแบบนั้น มันไม่อารยะขัดขืน รู้มั้ย
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net