xs
xsm
sm
md
lg

นาทีชีวิต...เสี่ยงตาย “ศักดิ์ชัย กาย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศักดิ์ชัย กาย ใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ออกมาร่วมปกป้องประเทศไทย
แม้เสียงปืน เสียงระเบิด และกลิ่นแก๊สน้ำตา เมื่อวันที่ 2-3 ธันวาคมที่ผ่านมา จะจางหายไปแล้ว แต่เรื่องราวทั้งหมดยังคงติดตาติดใจผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่เลือนรางศักดิ์ชัย กาย นับเป็นอีกหนึ่งที่สลัดภาพคนดังแห่งวงการแฟชั่น มายืนหยัดต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับมวลชนร่วมอุดมการณ์อย่างไม่กริ่นเกรง
ร่วมชุมนุมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์
 
ศักดิ์ชัย หนุ่มมากความสามารถคนนี้ นอกจากจะเป็น บรรณาธิการบริหารนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง LIPS (ลิปส์) แล้ว เขายังเป็นทั้งช่างภาพฝีมือฉกรรจ์, นักจัดดอกไม้มือหนึ่งระดับประเทศ และยังได้รับเลือกให้เป็นประธานที่ปรึกษาโครงการแฟชั่นเทรนด์ เซ็นเตอร์, อุปนายกสมาคมนิตยสารแห่งประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาสื่อสารมวลชนอีกด้วย

ในวันที่การเมืองไทยยังอยู่ในภาวะวิกฤต ศักดิ์ชัย เปิดโอกาสให้เราได้พูดคุยถึงการมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้องบนท้องถนน เพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน แสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงความหวังอยากเห็นประเทศไทยหลุดพ้นจากระบอบทุนสามานย์ อย่างเป็นกันเอง
กับกำแพงอัปยศบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ
 
“สนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็ก สมัย 14 ตุลา 16 ตอนนั้นเรียนมัธยมปลายก็หนีพ่อแม่ไปร่วมชุมนุม กลับบ้านบางทีโดนตีเพราะแม่เป็นห่วง หมดยุคนั้นผมเรียนทางด้านศิลปะ จบมาก็ทำงานในวงการแฟชั่น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สนใจเรื่องบ้านเมืองเลย ครั้งนี้ผมดูจนเห็นว่าสังคมเริ่มไม่มีความยุติธรรมแล้ว ก็ไปร่วมเคลื่อนไหวตั้งแต่ที่แยกอุรุพงษ์ ไปสามเสน จนเติบโตไปถึงราชดำเนิน” ศักดิ์ชัย  กล่าว
บริเวณสะพานเทวกรรม อีกหนึ่งจุดที่มีการปะทะกันอย่างหนักระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับมวลชนมือเปล่า
 
การแสดงพลังของมวลชนครั้งนี้ ไม่ใช่ม็อบประท้วงที่ออกมาสร้างสถานการณ์จนไม่สามารถจะควบคุมได้ หากแต่มีความงดงาม ได้เห็นชาวบ้านที่มาจากต่างจังหวัด กินอยู่หลับนอนตรงนั้น ความหวังและรอยยิ้มของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ จนทำให้เขาต้องไปร่วมทุกวัน จนถึงวันที่มีการเคลื่อนมวลชนจากสะพานชมัยมรุเชฐไป บชน. เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาร่วมกับมวลชนด้วยสองมือเปล่า หากแต่พวกเขากลับได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ด้วย แก๊สน้ำตา จนเกิดการปะทะและได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งเป็นวันที่เขาไม่อาจลืมได้
ศักดิ์ชัย กาย หลังโดนแก๊สน้ำตาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงใส่มวลชน
 
“ปีที่เสื้อแดงประท้วงก่อความวุ่นวายคราวที่แล้ว ผมก็ไป แต่โดนหางๆ นะ แต่ครั้งนี้โดนเยอะหน่อย วันนั้นแยกกันไปหลายเส้นทาง ผมไปทางสะพานชมัยมรุเชฐ พอไปถึงสะพานระเบิดแก๊สน้ำตาก็มาเลย พวกที่อยู่หน้าๆ โดนกันหมด เราไม่ใช่พวกฮาร์ดคอร์ แต่เพื่อนรุ่นพี่อายุ 60 กว่าปี เขาเป็นคนที่เห็นความไม่เสมอภาคแบบนี้ไม่ได้ พอเห็นตำรวจขว้างแก๊สน้ำตามาเขาก็วิ่งไปหยิบแก๊สน้ำตาโยนกลับไปทางตำรวจ มือพองเลย เพราะเขาไม่รู้ว่าระเบิดนั้นมันร้อนเป็นเตารีดเลยนะ ผมไม่ได้เก่งถึงขั้นไปหยิบระเบิดขว้างกลับไปหรอก แต่เราเห็นเพื่อนโดนก็ช่วยกันวิ่งไปลาก ไปดึงออกมา วิ่งเอาน้ำเกลือมาเทล้างตาล้างหน้า เพราะมันแสบร้อนเหมือนเวลาเราตำพริกแล้วพริกกระเด็นเข้าตาเลยครับ” ศักดิ์ชัย เล่าถึงนาทีที่โดนระเบิดแก๊สน้ำตา
พิษแก๊สน้ำตาที่รุนแรง ต้องรีบล้างหน้าและดวงตาด้วยน้ำเกลือ
 
แม้จะผ่านนาทีวิกฤตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาแล้ว แต่การเรียกร้องเพื่อให้บ้านเมืองกลับคืนมาเป็นของคนไทยเหมือนเดิม ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ผู้ชายชื่อ ศักดิ์ชัย ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าสู้ต่อไป แม้จะเป็นบาดแผลที่ต้องจำ
"มันทั้งกลัว ทั้งตกใจ ทั้งแก๊สน้ำตา ทั้งที่ยิงคนแม้จะเป็นกระสุนยาง แต่เจาะกางเกงยีนส์เข้าขาคนต่อหน้าต่อตาเรา พวกเขายืนอยู่บนหลังคา 3-4 คน ยังจะมาบอกบุคคลที่สามมันไม่ใช่ พอตกดึกเฮลิคอปเตอร์มา ขนอะไรมาล่ะ กลัวมาก เพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เหมือนถ่ายหนังเลย”
 แม้มีหน้ากาก แต่ก็ไม่อาจต้านความรุนแรงของแก๊สน้ำตาได้
 
เจ้าของนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง ยังเล่าถึงการประกาศให้พนักงานหยุดงานจนจบศึกว่า การหยุดไม่ได้หมายความว่า ปิดทำการไปเลย แต่หยุดเพราะไม่อยากให้พนักงานต้องกังวลเรื่องการเดินทางมาทำงาน เพราะอาชีพคนทำหนังสือ หรือสิ่งพิมพ์ มีกำหนดเส้นตายในการปิดต้นฉบับ “ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเอง ถึงกำหนดปิดต้นฉบับเขาต้องเข้ามาทำงาน เพระหากคนใดคนหนึ่งไม่รับผิดชอบก็เสียหมดทั้งระบบ เรื่องชุมนุมนี่ผมอยากให้แต่ละคนแสดงจุดยืน พนักงานผมทุกคนมีความคิดเป็นตัวของตัวเอง ใครอยากจะไปราชดำเนินก็ไป ใครอยากไปราชมังคลาฯ ก็ไป ไม่ได้บังคับ แต่สุดท้ายก็มากองกันที่จุดเดียวกันคือ ทำเพื่อชาติ”
ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และความหวังในการปฎิรูปประเทศไทย
 
บรรณาธิการหนุ่มยังบอกถึงความตั้งใจในการต่อสู้ครั้งนี้ว่า ไม่อยากให้ใครมาตีความหรือยกให้เขาเป็นฮีโร่ โดยเขาบอกว่า สิ่งที่เขาทำนั้นยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับบางคน และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น มีส่วนร่วมเหมือนกันหมด ไม่ว่าที่กินอยู่หลับนอนอยู่ตรงราชดำเนิน รวมถึงคนที่ออกมาแสดงเจตนารมณ์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมาก็ตาม

“ผมไม่ได้เรียนกฎหมายมา ก็ต้องมาศึกษาเอง ผมแค่ไปเติมในจุดที่เขาขาด ไม่ได้ออกหน้าว่าเรากล้าหาญ หรือว่าเรายิ่งใหญ่กว่าคนอื่น ทุกคนเป็นจุดเล็กๆ ที่ทำภาพให้ชัดเจน มีสีชัดขึ้นมาเท่านั้นเอง ผมจะดีใจมาก หากรัฐบาลลาออกในวันนี้ เพราะมันเป็นชัยชนะของพวกเรา แต่ถ้าจะให้ภูมิใจในตอนนี้ยังไม่ได้ เราต้องไปได้ถึงจุดหมายปลายทาง และผลลัพท์ต้องออกมาเป็นบวกกับประเทศชาติ แต่ขณะนี้ไม่รู้จะภูมิใจอะไร ขณะนี้ทุกอย่างยังอึมครึม ฝ่ายมีอำนาจก็ยังเฉยเมยกับคำเรียกร้องของมหาประชาชน”
เสียงจาก ศักดิ์ชัย กาย เรียกคนไทยช่วยกันปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์
 
ศักดิ์ชัยยังบอกอีกว่า ถึงตอนนี้เขาอยากให้รัฐบาลลาออก ขอให้ลดทิฐิของการครองอำนาจนี้ลงมา ร่วมมือร่วมใจปฏิรูปการเมือง ตั้งกฎกติกากันใหม่ กลับมาเป็นผู้แทนราษฎรที่สง่างาม ช่วยกันปฏิรูปประเทศไทยให้ก้าวหน้าได้ดีกว่านี้ และเมื่อถามว่าหากมีการปฏิรูปการเมืองใหม่ แล้วสนใจจะลงเล่นการเมืองหรือไม่ ศักดิ์ชัยบอกอย่างถ่อมตัวว่า “สนใจและชอบการเมืองนะครับ แต่ไม่มีความสามารถขนาดนั้น ความชอบกับความถนัดไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นที่ปรึกษาในบางเรื่องก็พอเป็นสิ่งที่ทำได้”

นอกเหนือจากหน้าที่การงานที่ประสบความสำเร็จแล้ว วันนี้ ศักดิ์ชัย กาย อีกหนึ่งไฮโซชื่อดังที่กล้าแสดงตัวในการขับไล่รัฐบาล ยังฝากถึงคนที่อ่านบทสัมภาษณ์ของเขาด้วยว่า ประเทศไทยอยู่ในมือคนไทยทุกคน ที่จะช่วยกันขับเคลื่อน อย่าเฉย อย่ามาทำเป็นไม่รู้ อย่าทำอะไรที่เป็นตัวถ่วงประเทศชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น