>>ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกชนชั้น ต้องออกมาแสดงพลังเพื่อต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่แปดเปื้อนไปด้วยมลทิน ไม่เว้นกระทั่งกลุ่มราชนิกุลที่ทนไม่ไหวกับการออก พ.ร.บ.แบบสุดซอยของรัฐบาลในครั้งนี้ แถมยังจะดึงดันให้ถึงที่สุด จนถึงขั้นทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลงพระปรมาภิไธย! เอาสิ...ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ประชาชนทุกหมู่เหล่าจึงสู้สุดใจเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นกัน!
การรวมตัวอีกหนึ่งกลุ่มที่ทนไม่ไหวกับการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ในครั้งนี้ นำโดย พลตรีหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ที่ออกมานำราชสกุล ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยความอัดอั้นตันใจเริ่มส่อเค้าความไม่พอใจตั้งแต่กฎหมายนิรโทษกรรมยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร แม้ว่าทุกคนจะออกแรงคัดค้านกันแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังดึงดันเข้าสภา จนผ่านมติทั้ง 3 วาระในคืนเดียว อันเป็นเหตุให้หลายๆ กลุ่มออกมาคัดค้าน และมีคำถามมาถึงกลุ่มราชสกุลว่าเมื่อถึงขั้นนี้แล้วราชสกุลไม่เดือดร้อนบ้างเหรอ?
จากเหตุการณ์ต่างๆ นั่นเอง จึงนำไปสู่การแถลงปกป้องสถาบัน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยกลุ่มราชสกุล 53 สายและ 20 ราชนิกุล ได้นัดประชุมรวมดวงใจ ร่วมใจภักดิ์ หารือถึงสถานการณ์ที่มีหลายเหตุการณ์สร้างผลกระทบต่อสถาบันเบื้องสูง และมองว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้นเป็นกฎหมายมีมลทิน มิบังควรนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยมี พลตรีหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล เป็นประธานการประชุม ขณะที่มีกลุ่มราชสกุลสายต่างๆ ร่วมลงทะเบียนประชุมประมาณ 60 คน ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าวมีขึ้นเพื่อขอฉันทามติจากราชสกุลสายต่างๆ ในการเคลื่อนไหวปกป้องสถาบัน จนได้ข้อสรุปว่าราชสกุลต่างๆ พร้อมที่จะเคลื่อนไหวต่อสู้ ปกป้องพระเกียรติยศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสถาบัน โดย พลตรีหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล เปิดใจกับ Celeb Online เกี่ยวกับการรวมตัวกันออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของกลุ่มราชนิกุลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ว่า
“เริ่มจากเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ผมเป็นประธานถวายสักการะ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แล้วมีคนมาถามถึงเรื่องที่สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกหมิ่นในหลายๆ ครั้ง แล้วราชสกุลไม่เดือดร้อนหรือ? ซึ่งเราเองก็ไม่ใช่นิ่งนอนใจ เพราะกลุ่มราชสกุลก็เป็นกลุ่มที่มีความใกล้ชิดกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เราเกิดในราชสกุล เราทุกคนเดือดร้อนที่มีคนมาบิดเบือนและจ้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บหมิ่น หรือการปล่อยข่าวจ้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงนำเรื่องนี้มาปรึกษาในกลุ่ม จนได้ข้อสรุปว่าเราจะรวมตัวกันจัดกิจกรรม อันเกี่ยวเนื่องกับการพิทักษ์ รักษา และปกป้องสถาบันฯ และองค์พระประมุข อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย มีมติให้เรียกชื่อคณะทำงาน ว่า “รักราช” แทนชื่อกลุ่มสมาชิกราชสกุล และราชนิกุลเพื่อให้สอดคล้องเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย โดยเราจะไม่แยกน้ำออกจากปลา แยกประชาออกจากราชสกุล และราชนิกุล เราก็เป็นเหมือนประชาชนคนหนึ่งเหมือนกัน การรวมตัวครั้งนี้ของเราจึงเปิดกว้าง ไม่มีเรื่องของการเมือง ไม่มีเรื่องของพรรค ไม่มีเรื่องของสีเข้ามายุ่ง เราเน้นเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
วัตถุประสงค์ของการออกมาครั้งนี้ คณะรักราชเห็นตรงกันว่า ราชสกุล ราชนิกุล และประชาชนทุกหมู่เหล่า ต่างก็รักในสถาบันไม่มากและไม่น้อยไปกว่ากัน และความเคลื่อนไหวต่อไปเริ่มแหลมคม และหมิ่นเหม่ในการนำไปขยายให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้ อีกทั้งผมในฐานะประธานคณะรักราชได้รับการร้องขอและอาสาจากพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าที่จงรักภักดีต่อสถาบัน และองค์พระประมุข จำนวนมาก ผมจึงจะเปิดกว้าง เรียนเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้ามาร่วม ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้นแต่ขอให้มีหัวใจที่จงรักภักดีต่อสถาบัน และองค์พระประมุข”
ทั้งนี้ ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ผ่านสภาฯ ในวาระ 3 แล้วนั้น พลตรีหม่อมเจ้าจุลเจิม เผยว่าให้เป็นไปตามขั้นตอนที่จะส่งเรื่องถึง ส.ว. ต่อไป แต่ในราชสกุลมีความกังวลว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มีกระแสต่อต้านและหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย ซึ่งยังอยู่ในความเคลือบแคลงสงสัยของสังคม จึงเป็นการไม่เหมาะสมหากรัฐบาลจะนำกฎหมายที่มีมลทิน ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ดังนั้น ในฐานะราชสกุล จึงต้องการคัดค้านการนำสิ่งที่มิบังควรขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราลุกขึ้นมา เพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ ซึ่งเราเองก็เคยแจ้งไปยังรัฐบาลแล้วถึงความไม่เหมาะสม และแสดงความไม่เห็นด้วยแล้วครั้งหนึ่ง แต่รัฐบาลก็ยังคงเดินหน้าไปไม่สนใจเรา เมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ยังถูกหมิ่น ก็เหมือนกับราชสกุลทุกคนก็ถูกตบหน้าได้ ถ้าอย่างนั้น “เมื่อคุณตบผม ผมก็ตบคุณ” ไม่สนด้วยว่าคุณจะมีใครหนุนหลัง ในเบื้องต้นจะมีการทำจดหมายเปิดผนึกยื่นต่อรัฐบาล เพื่อขอความร่วมมือและขอร้องให้มีมาตรการควบคุมดูแลการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสมต่อสถาบัน
อย่างไรก็ดี เราจะทำหน้าที่สกัดไม่ให้มีการถวาย พ.ร.บ.นี้ให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่รัฐบาลจะเอาไปเสนอนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จะนำไปถวายได้อย่างไร? เปรียบเทียบเหมือนตอนนี้น้ำกำลังไหลเชี่ยว ซึ่งทุกคนก็ออกมาต่อสู้สกัดความแรงของน้ำ ส่วนพวกเราจะทำหน้าที่อยู่ปลายน้ำ ไม่ให้เรื่องนี้ถูกยื่นไปถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราจะลุกขึ้นมา!!”
พลตรีหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฮึกเหิม พร้อมย้ำอีกด้วยว่า "แม้ผมเกิดในราชนิกุล แต่ผมก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่รักประเทศชาติ และรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราก็จะลุกขึ้นมาต่อสู้ในสิ่งที่มีการบังอาจ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งโดยเฉพาะตัวผมก็มีประชาชนหลายคนมาพูดว่าทำไมพวกราชสกุลอยู่นิ่งเฉย ชาวบ้านธรรมดานอนกลางดินกินกลางทราย ยังออกมาปกป้อง ดังนั้น เราจะยอมเจ็บฝ่ายเดียวไม่ได้แล้ว วันนี้จึงมาขอฉันทามติจากราชสกลุต่างๆ ว่าเราควรจะทำอย่างไร โดยจุดมุ่งหมายครั้งนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะการเมืองเป็นหน้าที่ของนักการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ หรือใครต่อใคร แต่ผมจะยุ่งอย่างเดียวคือการปกป้องสถาบัน การจาบจ้วงพระราชอำนาจ การเอาสถาบันมาเป็นเครื่องมือบิดเบือน"
พบกัน 10 พ.ย. 2556 สำหรับการรวมตัวกันครั้งแรกของกลุ่ม “รักราช” นั้นจะมีขึ้นในวันที่ 10 พฤศจิกยน 2556 ที่พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นปฐมบรมราชวงศ์ (ตั้งอยู่บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า)
“วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ พวกเราจะรวมตัวพร้อมกับประชาชนคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบัน เพื่อสักการะบวงสรวงและถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนในการร่วมกันปกป้องสถาบัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใคร กลุ่มนักธุรกิจ ไม่ว่าจะสีเสื้ออะไรก็มาร่วมได้ทั้งหมด เราไม่ได้ปิดกั้น ทั้งนี้ จะได้มีการกำหนดเวลาที่จะดำเนินการและแจ้งทราบต่อไป สำหรับแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไปเราจะพิจารณาตามจังหวะ แต่ไม่ใช่การเข้าไปร่วมในเวทีอุรุพงษ์ หรือประชาธิปัตย์ ซึ่งเวทีต่างๆ ที่มีขึ้นในขณะนี้เราเพียงให้กำลังใจ โดยเราจะมีเวทีเอง อาจจะมีท่านพลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร มาให้ข้อมูลความรู้ ส่วนผู้ที่จะนำการเคลื่อนไหวมีผมเพียงคนเดียว เริ่มแรกคาดว่าคนน่าจะมาร่วมกับเรานับหมื่นคน และอาจจะมากขึ้นไปถึงแสนคน เพราะเรามาทำเพื่อพระเจ้าอยู่หัว เราไม่ใช่ม็อบรับจ้าง เราทุกคนมาด้วยใจ ใครจะมาสนับสนุนเรา เราก็ยินดีน้อมรับ ส่วนจะยาวไม่ยาวนั้นก็ต้องดูสถาณการณ์ก่อน ถ้ามวลชนเราเยอะก็อาจจะยาว ก็ต้องดูอีกทีหลังวันที่ 10 พฤศจิกายน”
ส่วนเรื่องของการที่จะมีราชนิกุลคนใดมาเข้าร่วมนั้น พลตรีหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล บอกว่าเป็นไปตามความสมัครใจ เพราะเรื่องของความคิดและความจงรักภักดีนั้นบังคับกันไม่ได้!
“เราเป็นครอบครัวใหญ่ ความคิดเห็นอาจจะไม่ตรงกัน คนในราชสกุลบางคนที่เห็นต่างก็อาจจะไม่มาเข้าร่วม ตรงนี้ใครไม่มาเราก็ไม่ว่า เราไม่บังคับ แต่ถ้าคุณรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณก็มาร่วมกับผม”
หลังวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ทุกอย่างจะมีความชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ดี อยากจะเชิญประชาชนทุกหมู่เหล่าที่มีหัวใจตรงกันมารวมตัวกับสมาชิกราชสกุลเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นส่วนหนึ่งของครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในครั้งนี้....
ข้อสรุปในการพบปะหารือ ระหว่างกลุ่มราชสกุล ในราชวงศ์จักรีทุกมหาสาขา (ทุกตระกูล)
ราชสกุลและราชนิกุลทุกมหาสาขาในราชวงศ์จักรี จัดการพบปะหารือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ โดย พลตรีหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล เป็นประธานในการพบปะหารือ ที่ประชุมมีฉันทามติเป็นเอกฉันท์ ทุกราชสกุลและราชนิกุลร่วมปกป้องพระเกียรติยศของสถาบันและถวายชีวิตเป็นราชพลี ดังนี้
๑.พวกเราราชสกุลจะดำเนินการทุกวิถีทางที่เหมาสมและจำเป็น ร่วมกับพี่น้องประชาชนผู้จงรักภักดีและสำนึกในคุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ เพื่อต่อต้านผู้มีจิตคิดร้ายที่มุ่งทำลายพระเกียรติยศและบิดเบือนใส่ร้าย
๒.จัดตั้งคณะทำงานในสายราชสกุลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในข้อ ๑
๓.ที่ประชุมจะทำการบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์ และโดยขอกราบทูลเชิญ ทูลเชิญ และเรียนเชิญทุกราชสกุล และเรียนเชิญพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าที่มีความจงรักภักดีฯ มาร่วมกันแสดงกตเวทิตา และความกตัญญูต่อคุณงามความดีของบรรพบุรุษของไทยและเป็นเสมือนตัวแทนของบรรพบุรุษของคนไทยที่ร่วมกันสร้างชาติบ้านเมืองมาจนถึงทุกวันนี้
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/