xs
xsm
sm
md
lg

ไต่เส้นด้ายขี้นคอนโดฯ ชีวิตที่เพียบพร้อมของ บิล-ภีร์ ไล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
 
หนุ่มหน้าใสกับรอยยิ้มอบอุ่นแสดงถึงความอ่อนโยนในแบบฉบับสุภาพบุรุษของเขาคนนี้ แม้จะไม่เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาใครหลายคน หากแต่ในแวดวงสิ่งทอเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักเขา บิล-ภีร์ ไล สิ่งทอ ทายาทเจ้าของบริษัท PSD Group of Companies ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ที่มากด้วยประสบการณ์ทำให้พ่อแม่ไว้วางใจ วางตัวให้รับช่วงดูแลธุรกิจของกลุ่มบริษัท PSD ต่อเป็นรุ่นด้วยวัยเพียง 25 ปี

 
ภีร์ ไล เล่าว่าเขาเป็นลูกคนที่ 2 ในจำนวน 5 คนของสง่า สง่าเสริมทรัพย์ และ อุไรรัตน์ ไล เจ้าของธุรกิจผลิตเส้นด้ายไมโครไฟเบอร์และสิ่งทอ กลุ่มบริษัท PSD Group of Companies ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าเสื้อสำเร็จรูปรายแรกและรายเดียวให้กับบริษัทผ้าไหมไทยชื่อดังอย่าง “จิม ทอมป์สัน” มายาวนานกว่า 15 ปี

ทายาทยักษ์ใหญ่สิ่งทอย้อนความทรงจำเรื่องราวของเส้นด้ายที่พ่อแม่ปลุกปั้นให้เป็นมรดกชิ้นสำคัญของพวกเขาว่า “สัมผัสเส้นด้ายมาตั้งแต่เด็กครับ จากโรงงานเส้นด้ายขยายมาโรงงานงานการ์เม้นท์ ตอนนั้นมีคนมาติดต่อเยอะมาก แต่ลูกค้าที่พ่อกับแม่ดีใจมากเป็นบริษัท จิมทอมสัน ตอนนั้นผมยังไม่รู้นะว่าเป็นแบรน์ดดัง พอพ่ออธิบายก็เข้าใจ แต่เราก็เห็นว่าพ่อทำงานหนักขึ้น อยู่นิ่งไม่ได้เพราะการแข่งขันสูง เสื้อผ้าที่ทำต้องใช้วัตถุดิบตัวเอง พ่อกับแม่เลือกเองทุกอย่าง เส้นด้ายต้องไมโครไฟเบอร์ที่ความละเอียดของเส้นใยสูง ใยผ้าฝ้ายต้องฝ้ายอียิปต์ เพราะนุ่มเงางามและมีเส้นยาวที่สุดในโลกมาเป็นวัตถุดิบพิเศษร่วมด้วยตรงนี้ทำให้เสื้อที่ผลิตคุณภาพดี”

 
การทำงานอย่างหนักของพ่อแม่ ทำเขาไม่คิดว่าจะทำทำธุรกิจสิ่งทอ ยิ่งเมื่อได้โอกาสเรียนบริหารจัดการที่อเมริกาตั้งแต่เด็ก ทำให้เกิดความคิดอยากทำอุตสาหกรรมบริการเช่น โรงแรม ศูนย์การค้า แต่ด้วยความที่ PSD Group of Companies เติบโตมากับสิ่งทอเป็นที่รู้จักของเอเชีย หลังบิลเรียนจบจึงต้องเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัว เพื่อรอให้น้องชายธีร์-ทิเลียน ไล (Trillion) เรียนจบ

“อย่างที่บอกผมอยากทำธุรกิจที่ตัวเองชอบมากกว่าการคุมการผลิตในโรงงาน แต่ธีร์เขาชอบเรื่องการทอมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ธุรกิจในกลุ่มสิ่งทอทั้งหมดก็จะส่งผ่านมาให้น้องชายเป็นคนดูแลซึ่งเขาทำได้ดี ส่วนผมก็ขยับขอที่ดินที่พ่อซื้อเก็บเอาไว้มาต่อยอดทำอสังหาริมทรัพย์ ตอนแรกก็ถูกขัดแต่พอเสนอแผนให้พ่อแม่ดูก็ผ่าน เลยมาแตกไลน์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใช้ชื่อ คณาพญา พร็อพเพอร์ตี้ อยู่ใน PSD Group เหมือนกัน”

 
สำหรับชื่อ คณาพญา ที่ดูเก๋ไก๋แต่ดุดันนั้น เขาบอกว่าเป็นเพราะที่ดินที่ได้มีคลองมีแม่น้ำไหลผ่าน อีกทั้งโรงงานใหญ่ก็อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา คณาพญา โดยคำว่า คณา มาจากภาษาอังกฤษ Canel ที่แปลว่าคลอง ส่วนส่วนคำว่า “พญา” มาจากชื่อแม่น้ำเจ้าพระยา  

“ที่เลือกชื่อนี้เพราะที่ดินเราอยู่ริมแม่น้ำ แต่จะใช้ว่าพระยาไม่เหมาะเพราะเป็นคำที่แสดงตำแหน่งยศฐาบรรดาศักดิ์ เลยเลือกใช้ “พญา” ที่มีความหมายว่าผู้ยิ่งใหญ่ ชื่อนี้อ่านง่ายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ผมชอบและความหมายของชื่อก็ดูดีมาก แต่กว่าจะลงตัวกว่าจะถูกใจนานมาก (หัวเราะ)”

 
“คณาพญา” ที่แม้จะเพิ่งเริ่มต้นและถือเป็นงานใหม่ที่ฉีกออกมาจากธุรกิจหลักของครอบครัวนั้น เขาบอกว่าไม่รู้สึกหวั่นไหว เพราะเขาเชื่อเสมอว่าจุดเริ่มต้นของความสำเร็จคือการลงมือทำในสิ่งที่รัก เมื่อทำแล้วก็ต้องคิดอย่างรอบคอบที่สุด ความล้มเหลวเกิดขึ้นได้ อย่ากลัว หากมองภาพใหญ่ได้ชัดเจน จะเห็นช่องโหว่ในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งสามารถดำเนินการวางแผนเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้นได้ทั้งหมด

 
ในวัยที่ 25 ปีของ “บิล” กับกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่โตดูเหมือนสบายแต่หากเทียบกับเด็กหนุ่มทั่วไปดูเหมือนชีวิตเขาจะทำงานหนักมากทีเดียว ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างเขาจะรีบหาทางผ่อนคลายทันที ไลฟ์สไตล์ยามว่างของบิสเนสแมนรายนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเพียงใช้เวลากับครอบครัวอันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดของเขา
 
“ผมชอบเที่ยวแบบ DIY กับครอบครัว ไปกันทุกปี ผมจัดทริปเองจะนัดวันว่างที่ตรงกันแล้วเราจะเลือกเที่ยวต่างประเทศ เลือกที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สุดของเมืองนั้นถือเป็นการเปิดหูเปิดตาและทำให้พวกเรารู้สึกอบอุ่น นอกจากนี้ก็หาเวลาออกกำลังกาย ผมว่าถ้าสุขภาพดี เราก็มีกำลังในการทำงานมีแรงเอ็นจอยกับทุกสิ่งรอบตัว”


ก่อนจากกันเขายังบอกว่า “พ่อและแม่คือไอดอลที่เขายึดเป็นหลักในการทำงาน ณ นาทีนี้เขาวาดฝันว่าไม่ต้องดังในเอเชียอย่างพ่อแม่ ขอแค่โครงการแลนด์มาร์กใหม่ในกรุงเทพฯ โดยบุกเบิกพื้นที่ย่านพระราม 3 ให้เป็น Hub ด้านการท่องเที่ยวเป็นที่รู้จักและยอมรับของคนทั่วไปก็เพียงพอแล้ว

กำลังโหลดความคิดเห็น