xs
xsm
sm
md
lg

ตามฝัน “หญิงน้อย” เปิดครัว “นกอ้วน” ผู้รักอิสระ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
นับเป็นราชนิกูลหญิงทันสมัยอีกคน ที่ลุ่มหลงการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ และอาหารนี่เองก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ ราชนิกูลน้อยแห่งราชสกุลยุคล นาม “หญิงน้อย-ม.ร.ว.นิภานพดารา” ทายาทของ หม่อมเจ้าฐิติ (ท่านกบ) ยุคล กับ หม่อมอุ่นเรือน สลัดภาพชีวิตอันหรูหราเลิศล้ำ มาเป็นเจ้าของร้านอาหาร Fatbird ขายอาหารไทย-สากล และเบเกอรี่ตำรับวังอัศวิน ย่านพหลโยธิน

 
สตรีร่างเล็กอ้อนแอ้นแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เปิดบทสนทนากับเราด้วยท่วงท่าสบายๆ ในร้าน FatBird ของเธอว่า หลังจบศิลปกรรมสาขาออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้สมัครทำงานกราฟิกที่นิตยสาร Daybed อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนออกมาช่วยพี่ๆ น้องๆ ทำร้านเสื้อผ้าฟลามิงโก แต่ด้วยความเป็นคนชอบกินอาหารเหมือนท่านพ่อ และยังชอบทำอาหารเหมือนคุณแม่ เธอจึงฝันอยากทำร้านอาหารของเธอเอง โดยเลือกนำเมนูโปรดที่ท่านพ่อและที่ตัวเองชอบ มาบรรจุลงในเมนูร้าน Fatbird ดังนั้น เมื่อเสร็จภารกิจเรื่องทำงานกราฟิกที่ฟลามิงโก จึงไปสหรัฐอเมริกาเข้าคอร์สทำอาหาร และเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อทำธุรกิจอาหาร
 
สมัยเด็กๆ หญิงน้อยจะเป็นคนที่ติดคุณพ่อ ซึ่งชอบเที่ยวป่าและชอบรับประทานอาหารแปลกๆ ใครว่าที่ไหนดีที่ไหนมีอะไรอร่อย ก็จะชวนหญิงน้อยไปเที่ยวหารับประทาน อาหารที่ท่านกบโปรดส่วนมากจะรสจัด อย่าง ผัดเผ็ดไก่ สตูว์เนื้อ เบาลงมาหน่อยก็พวกขนมจีนน้ำเงี้ยว พายไก่ และแซนวิชยำปลาทูน่ากระป๋อง

 
“เฉพาะพายไก่นี่จะเป็นของที่เราชอบกันทั้งบ้าน ตั้งแต่คุณย่า (หม่อมสร้อยระย้า) คุณพ่อ และน้อยเองก็ชอบ ที่วังอัศวินจะมีสูตรเฉพาะ คุณแม่ก็ชอบทำอาหารอยู่แล้ว ก็เลยลงมือทำอาหารเอง เวลาเข้าครัวแม่ก็จะชวนเข้าไปช่วยตลอด เลยซึมซับได้รู้สูตรมาบ้าง(หัวเราะ) คุณแม่ทำอาหารอร่อย โดยเฉพาะ อาหารไทยรสจัด แต่ตัวน้อยเองชอบทานขนม ก็อยากทำขนมที่มีหน้าสวยๆ มีดีไซน์ ตอนเป็นนักเรียนที่ไหนมีสอนทำอาหาร ถ้าน้อยชอบก็จะไปสมัครเรียนทันที”
 

ทายาทสาวคนเดียวของท่านกบบอกอีกว่า ก่อน Fatbird จะเปิดเป็นร้านอาหารเต็มรูปแบบ เธอเคยทำธุรกิจเบเกอรี่และแคเทอริ่ง ชื่อ Fatbird Homemade Bakery and Catering ทำขนมส่งร้านเบเกอรี่ต่างๆ รวมถึงงานปาร์ตี้ งานเลี้ยงของเพื่อนๆ และมาหยุดตอนไปต่างประเทศ ซึ่งตอนอยู่ที่โน่นก็ไปเข้าคอร์สทำขนมด้วย พอกลับมาคราวนี้ ก็จะจริงจังมากขึ้น เพราะเป็นร้านอาหารที่เป็นความฝันของเธอ

“ที่เลือกชื่อ Fatbird เพราะมันหมายถึงความเป็นอิสระ นกจะบินไปไหนมาไหนก็ได้ น้อยชอบอิสระ อยากทำอะไรก็ทำ อยากกินก็กิน ก่อนหน้านี้จะอ้วนเลยใช้ชื่อนี้”

 
เมื่อถามว่าเคยรู้สึกอย่างไร ที่ได้ฉีกกรอบชีวิตชาววังมาเปิดร้านอาหารเช่นนี้ ม.ร.ว.นิภานพดารายิ้มสดใสพร้อมบอกว่า เคยมีคนถามแบบนี้เยอะมาก แต่เธอไม่คิดอะไร รู้สึกเพียงว่าถ้าอยากทำอะไรก็จะทำ ทำในสิ่งที่ชอบ งานจะออกมาได้ดีกว่า
 
“คุณพ่อสอนให้มีความมั่นใจในตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ ขอให้ทำออกมาแล้วดีไม่เบียดเบียนหรือกระทบใครพอแล้ว หลังจากที่คุณพ่อท่านเสีย คุณแม่ก็จะเลี้ยงน้อยแบบธรรมดา เราใช้ชีวิตปกติธรรมดามาก งานพิธีต่างๆในวังที่คุณพ่อเคยพาไปก็ไม่ค่อยได้ไปแล้ว ยกเว้นงานสำคัญๆ อีกอย่าง ช่วงนั้นน้อยเริ่มโตขึ้น ด้วยเรามีสังคมพบเจอผู้คนมากมายหลายรูปแบบ ก็ไม่ได้ยึดติดอะไร ยึดคำสอนพ่ออย่างเดียว ซึ่งตอนนี้ก็ทำอยู่ค่ะ”

 
 
สำหรับร้าน Fatbird หญิงน้อยบอกว่า ในช่วงแรกจะเปิดแค่เฉพาะช่วงเย็นคือ 17.00-24.00 น. อาหารยังมีไม่มากนัก เพราะเธอทำคนเดียวตั้งแต่กำหนดเมนูอาหาร วางระบบการสต็อกอาหาร ดูแลลูกค้า ซึ่งก็เหนื่อยพอตัว ซึ่งเมื่อทุกอย่างลงตัวเธอจะเริ่มเปิดขายอาหารกลางวันด้วย

 
“จริงๆ แล้วน้อยอยากเปิดร้านอาหารไทย ที่เป็นสูตรเฉพาะของวังอัศวิน แต่ยอมรับยังไม่ไหว ขอให้ตรงนี้ลงตัวก่อน เพราะแค่นี้ก็แทบไม่มีเวลาพักแล้วค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้ที่ร้านน้อยจะทำพายไก่กับแซนวิชยำปลาทูน่ากระป๋องเท่านั้น เป็นอาหารง่ายๆ ที่ชอบมาก อย่างแซนวิชนี่อยากให้ลอง เพราะไม่เหมือนใครจริงๆ อย่างที่บอกคือ คุณพ่อชอบเที่ยวป่า เวลาไปแคมป์เราก็ต้องเตรียมอาหารไปด้วย จะเป็นอาหารที่กินง่ายแต่รสจัด คุณแม่เลยยำปลากระป๋องใส่ปลาทูน่าเพิ่มไป แล้วแช่แข็งกันอาหารเสีย พอจะกินก็เอาออกมาทาขนมปังทานเย็นอร่อยมากค่ะ ” ม.ร.ว.นิภานพดารา กล่าว

 
เพราะอาหารเป็นวัฒนธรรมอีกอย่าง ที่คนไทยควรให้ความสำคัญ เพราะบ่งบอกถึงความเป็นตัวตน วิถีความเป็นอยู่ ในวันนี้หญิงน้อยจึงได้เปิดประตูวังทำอาหารต้นตำรับ ที่เธอได้เรียนรู้และหัดทำมาตั้งเด็กแล้ว เพียงแค่สองเมนูที่เธอบอกเล่า ก็บ่งบอกให้รู้แล้วว่า นอกเหนือจากอาหารชาววังชั้นเลิศแล้ว ที่วังอัศวินยังมีอาหารที่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ยึดติด และรักอิสระอย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น