>>เราอาจจะรู้จัก “ปิ๊ก-ศรัณย์ วิชยาภัย” ในมาดนักธุรกิจหนุ่ม พ่วงด้วยคำต่อท้ายว่าเป็น “ไฮโซ” และมีข่าวพัวพันกับสาวๆ ในแวดวงบันเทิงหลายต่อหลายคนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนไม่รู้ว่าใครตัวจริงหรือตัวปลอม!? มาถึงวันนี้เรามีโอกาสมานั่งคุยกับซีอีโอหนุ่ม อัปเดตทั้งเรื่องหน้าที่การงานที่ยังคงไปได้สวยเช่นเดิม รวมทั้งสเตตัสความรัก ที่เจ้าตัวยังคงปักหมุดอยู่ที่คำว่า “โสด”
ปัจจุบันศรัณย์ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นซีอีโอของบริษัทผลิตสื่อโฆษณานอกอาคารชื่อดังอย่าง Wrap Inc. ซึ่งดำเนินกิจการมาได้ 12 ปีแล้ว บรรดาสื่อโฆษณาที่เราเห็นอยู่บนตึกสูง บนรถ ประตูลิฟต์ ไปจนถึงลานจอดรถ บริษัทของเขาถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
“เรามีบริษัทลูกอีกคือ Billboard Network ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ของบิลบอร์ดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เราถือเป็นเจ้าแรกที่รวมได้ 3,000 ป้าย อย่างตอนนี้เราก็ได้สัมปทานทำป้ายบิลบอร์ดตรงทางด่วนแถวเพลินจิต เราก็กะจะสร้างป้ายโฆษณาที่เป็นซีรีส์ 15 ป้ายติดกัน และถือเป็นเจ้าแรกในประเทศอีกด้วย ที่ถือเป็นโฆษณาบิลบอร์ดบวกกับโปรดักต์ ม็อกอัพใหญ่ๆ อยู่ติดกับบิลบอร์ด เช่น ถ้าโฆษณารถ ก็มีรถมาตั้งได้ ก็น่าจะแปลกใหม่ และคงได้เห็นกันช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ และยังมีโรงงานพิมพ์ อิงก์เจ็ต-ไวนิล ที่เปิดมาได้ประมาณ 2 ปี”
การทำงานของหนุ่มคนนี้คือ เน้นอิสระและเน้นผลลัพธ์ในการทำงาน “การทำงานของผมคือ เราต้องหาช่องทางไปเรื่อยๆ คิดนอกกรอบ รอบด้าน และสร้างสรรค์ พยายามเสริมธุรกิจของเรา ที่ผมชอบงานนี้ก็เพราะชอบอิสระในการทำงานนะ อย่างเมื่อก่อนเราเคยไปทำบริษัทของคนอื่น เราก็จะคิดว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเป็นบริษัทเราเอง เราตั้งกฏอะไรขึ้นมาเองหมด เราจึงสามารถคอนโทรลงานของเราเองได้ และผมชอบที่มันอิสระที่จะเข้าออกเมื่อไหร่ก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องเข้าทำงาน 9 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น คือทำงานหนักอาจจะไม่ได้หมายถึงผลผลิตจะสูงเสมอไป ผมเน้นผลลัพธ์ที่ออกมามากกว่า”
แม้ว่าธุรกิจจะไปได้ดี แต่ใช่ว่าอุปสรรคจะไม่มี โดยเฉพาะปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ต่างๆ “ที่ผ่านมาอุปสรรคเยอะมากนะ บอกได้เลยว่าเป็นเถ้าแก่เหนื่อยตรงที่ทุกอย่างมันจบที่เรา และปัญหามันมีมาตลอด ไม่มีช่วงไหนที่ไม่มีปัญหา ไอ้ที่เราแก้ได้เราก็แฮปปี้ แต่ที่แก้ไม่ได้คือเป็นอะไรที่เราควบคุมไม่ได้ มันก็เหนื่อย อย่างเช่น เหตุการณ์เผาเมือง ปิดสนามบิน ประท้วง ฝนตก น้ำท่วม ไฟไหม้ เราเจอมาหมดแล้ว เราก็ต้องพยายามผ่านไปให้ได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่คอนโทรลไม่ได้เราก็ต้องทำใจ ก็ถือว่าไปเรื่อยๆ นะ อาจจะไม่ถึงจุดที่ผมพอใจ แต่ก็โอเคแล้ว”
นอกจากธุรกิจสื่อโฆษณาแล้ว ศรัณย์ยังเพิ่งเข้าไปลงสนามท้าทายกับธุรกิจในด้านใหม่ๆ อย่างอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเขาเป็นคนก่อตั้งอีกอย่างหนึ่งด้วย
“ตอนนี้มีบริษัทเกี่ยวกับ Property Fund ชื่อว่า Bangkok Reits เป็นการตั้งกองทุน ที่เราไปหาซื้อพวกโรงแรม โรงงาน ออฟฟิศ แล้วก็ขายต่อให้นักลงทุน ตอนนี้เราพยายามจะจัดตั้งกองทุนของเราเอง ตั้งเป็น Hotel Fund, Warehouse Fund พยายามดูเรื่อง Energy Fund อีกอันหนึ่ง ก็ทำมาได้ราวๆ 1 ปี ซึ่งอันนี้เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่น่าจะเติบโตได้อีกมากในอนาคต และทางครอบครัวผมค่อนข้างมีคอนเนกชันตรงนี้เยอะ เพราะคุณพ่อ (คุณอุดม วิชยาภัย) เคยป็นซีอีโอของบริษัทกองทุนแห่งแรกของประเทศไทย และผมก็มีความรู้เรื่องไฟแนนซ์อยู่แล้ว
พอได้มาทำก็ชอบเพราะเป็นงานที่ท้าทายอีกอย่างหนึ่ง มันรวมทุกอย่างอยู่ในนั้น ซึ่งจะว่ายากก็ยาก เพราะเราต้องพร้อมทุกด้าน ผมอยู่กับงานด้านสื่อโฆษณามา 12 ปี แล้วเรื่องบิลบอร์ดอะไรก็ไม่ได้ยากแล้ว เลยอยากทำอะไรใหม่ๆ ที่เป็นความรู้ใหม่ จริงๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเองครับ เราก็ทำควบคู่กันไปกับที่ Wrap Inc. อาจจะเป็น 1 ปีที่ไม่ได้ดูแลเต็มที่นัก เพราะฉะนั้นตอนนี้มันก็เลยยังไม่เสร็จดี กองทุนเลยยังไม่ได้เปิดตัว แต่ผมก็ดูไปเรื่อยๆ เพราะงานนี้มันไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมาก หลักๆ มันคือเรื่องคอนเนกชัน การจัดการ และความรู้ที่เรามีมากกว่า คาดว่าคงจะได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างอีกสัก 1-2 ปี ตอนนี้ก็ดูอยู่ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนะครับ ถือว่าค่อยๆ เริ่มไปก่อน”
เห็นชีวิตในมุมนักธุรกิจของศรัณย์ไปแล้ว ไลฟ์สไตล์ของเขาเป็นหนุ่มมีหลายแง่มุม ตั้งแต่ออกไปแฮงเอาต์กลับกลุ่มเพื่อน ไปเที่ยวทะเลแบบชิลชิล หรือกิจกรรมออกเหงื่อหนักๆ อย่างฟุตบอลและชกมวย
“ผมเป็นคนที่ปรับตัวไปตามสถานการณ์มากกว่า แต่โดยส่วนใหญ่ก็จะสบายๆ ง่ายๆ การแต่งตัวก็ธรรมดาทั่วไป ตอนเย็นหลังเลิกงานหรือช่วงเสาร์อาทิตย์ ถ้ามีเวลาว่างนอกจากเล่นฟุตบอลที่เล่นมานานหลายปีแล้ว นี่ก็เพิ่งได้เรียนต่อยมวยเพิ่มอีกอย่าง เพราะเล่นแล้วรู้สึกฟิตมากขึ้น ผมว่าการชกมวยนี่ก็ช่วยได้มากเลยนะครับ ช่วยทั้งเรื่องกล้ามเนื้อและความฟิต สนุกดีนะ ชกมวยแค่ 3 นาที นี่ได้เหงื่อเยอะมากแล้ว ได้เจอเพื่อนๆ ด้วย ตอนนี้ผมพยายามเล่นให้ได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง”
และมาถึงคำถามสำคัญที่หลายๆ คนอยากรู้ ว่าสถานภาพความรักตอนนี้ของซีอีโอหนุ่มเนื้อหอมจะเป็นอย่างไร เพราะถ้าจำกันได้ เขาเคยมีข่าวว่าเป็นแฟนกับสาวๆ ในแวดวงบันเทิงมากหน้าหลายตา ตั้งแต่นักร้องโกอินเตอร์ “ทาทา ยัง” ดาราสาวไฮโซ “ลี-นาตาลี เจียรวนนท์” นางแบบสาว “โอเด็ต” และอีกหลายๆ คน
“ตอนนี้ผมไม่มีแฟน โสดครับ... โสดมา 3 ปีแล้ว... ผมเลือกเยอะนะ อาจจะเป็นเพราะด้วยความที่เราล้มเหลวเรื่องความรักมาเยอะ เราก็เลยไม่อยากผิดหวังอีก และยิ่งเห็นที่บ้านประสบความสำเร็จเรื่องนี้ เราก็ยิ่งกลัว บางทีมันอาจจะอยู่ที่เราเลือกคนไม่เก่งด้วยมั้ง เราอาจจะไม่ได้เลือกคนที่อยากจะอยู่กับเราแบบ Long Term คบแล้วก็เลิก ผู้หญิงที่ผมอยากแต่งงานด้วย ก็ต้องมีหลายๆ อย่าง อยู่ด้วยกันต้องมีความสุข และมีเคมีต่อกัน ผมว่าความเข้ากันได้มีความสำคัญมาก ซึ่งความเข้ากันนี้มันก็ต้องประกอบด้วยหลายๆ เรื่อง ต้องดูและค่อยๆ ศึกษา ซึ่งมันก็ไม่ง่ายเลย”
แต่ถ้าจะมีอะไรที่ไม่ชอบเลยของผู้หญิง ก็คือ ผู้หญิงที่ชอบโกหก หลอกลวง ซึ่งผู้หญิงแบบนี้ก็คงไม่มีใครชอบอยู่แล้ว หรืออย่างผู้หญิงที่ไม่ตรงเวลาและไม่ค่อยมีมารยาท ผมก็ไม่ค่อยชอบนะครับ ความจริงก็เป็นคุณสมบัติทั่วๆ ไป แต่สมัยนี้ค่อนข้างจะหายาก พอยิ่งเจาะลึก เราก็ยิ่งจะต้องดูหลายๆ อย่าง ทุกวันนี้ก็อยากจะคบกับคนที่สามารถคบกันไปได้นานๆ”
ถึงเขาจะโสดมานาน แต่กลับไม่เคยมองตัวเองในอนาคตว่าต้องอยู่คนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายใหญ่ในชีวิตอย่างการมีลูก “ผมอยากมีลูก อยากมีครอบครัว เพราะมันถึงวัยของเราแล้ว แต่ยังไม่เจอแม่ที่ดีของลูก เมื่อก่อนเคยตั้งเอาไว้ว่า 35 ปีจะมีลูก แต่นี่อายุ 37 แล้ว ก็ยังไม่ใกล้เลย เพราะเราเองก็ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน แต่ก็อยากจะมีครอบครัว อยากมีลูกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะ”
มุ่งมั่นอยากเป็นพ่อเสียขนาดนี้ เลยอดไม่ได้ที่จะถามว่าเขาจะเป็นแบบไหนกัน “ผมเองก็มีหลานหลายคน ได้เลี้ยงมาตั้งแต่พวกเขาเด็กๆ ทุกคนผมก็เอาอยู่หมดนะ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นเราก็พอจะรู้ว่าต่อไปเราจะเป็นพ่อแบบไหน ผมน่าจะโอเคเลย เพราะผมเข้ากับทุกคนได้ ไม่ได้ดุด้วยนะ ใจดีเลย แต่ถ้าต้องดุ ผมก็ต้องทำให้เขาเชื่อฟัง จริงๆ เด็กเอาใจง่ายมาก เพียงแค่ต้องรู้ว่าเราสามารถเป็นผู้นำ และทำให้เขาเชื่อฟังเราได้ บางทีเด็กก็เหมือนแฟน เขาจะชอบขยายขอบเขต ถ้าเรายอมครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง และเด็กจะเรียนรู้เร็ว เราต้องเอาใจใส่ รู้ว่าทำดีต้องได้ดี ถ้าเขาทำไม่ได้ก็ต้องเตือน”
ประสบความสำเร็จในเรื่องหน้าที่การงานแล้ว อีกอย่างที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์ในชีวิตก็หนีไม่พ้นเรื่องครอบครัว...เราก็ได้แต่หวังว่าเขาจะสมหวังเป็น “คุณพ่อปิ๊ก” ในอีกไม่นาน
:: สไตล์การทำงานของซีอีโอปิ๊ก
“ผมจะเน้น 3 อย่าง เวลาทำงานคือ Freedom (อิสระในการทำงาน) ปล่อยให้พนักงานได้คิดเอง ทำเอง และรับผิดชอบเอง และ Performance (เน้นการปฏิบัติ) ก็จะมีการวัดเพอร์ฟอร์เมนซ์อยู่ตลอดทุกอาทิตย์ อย่างหน้าบริษัทก็จะมีเป็นชาร์ตว่าใครอยู่ที่ 1 ถึงที่เท่าไหร่ เป็นการวัดผล และพนักงานได้แข่งขันพัฒนาตัวเองกันด้วย อย่างที่สามคือการให้ Intensive (เจริญเติบโต) เราให้อิสระในการทำงาน มีการวัดผล ถ้าผลออกมาดี คนก็แฮปปี้ คนทุกคน ไม่ว่าจะทำงานหรือทำอะไรก็ตาม มันต้องได้ดี ผมเชื่อตรงนี้ ผมว่าถ้าทั้งสามอย่างของเราลงตัว งานก็น่าจะไปได้ดี ผมว่าไปนั่งจิกมันไม่เวิร์กหรอก คนทุกคนอยากรู้สึกว่าตัวเองคอนโทรลชีวิตได้”
:: 3 สถานที่ฮอลิเดย์ในฝัน
“ผมเป็นคนชอบท่องเที่ยวในระดับหนึ่งนะ แต่ผมจะไม่ไปเที่ยวในสถานที่ที่ไม่รู้จัก หรือแปลกๆ เพราะเราไม่รู้ว่าจะไปตรงไหนดี แต่ถ้าสถานที่ที่ไปแล้วชอบ ก็จะชอบไปซ้ำเลยนะครับ เช่น กระบี่ สมุย ภูเก็ต เพราะเป็นคนชอบทะเล หรืออย่างประเทศอังกฤษ อิตาลี ฮ่องกง สิงคโปร์ นี่ก็ชอบนะ เลยไปซ้ำๆ แต่ถ้าจะไปลุยใหม่ๆ อย่างอินเดีย เนปาล แล้วให้ไปเริ่มใหม่หมด ก็ค่อนข้างเสี่ยงนะ แต่ถ้าไปแล้วมีคนที่มีประสบการณ์พาไปก็โอเค”
สเปน - “เห็นในทีวีแล้วประเทศเขามีวัฒนธรรมที่สวยงาม ผมชอบเมืองที่มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง”
มัลดีฟส์ -“ผมเป็นคนชอบทะเลอยู่แล้ว มัลดีฟส์นี่เห็นในรูปแล้วสวยมาก ก็อยากไปสักครั้งหนึ่ง จริงๆ ผมเคยเรียนดำน้ำจนได้ใบรับรอง แต่ว่าไม่ค่อยชอบดำเท่าไหร่ เพราะกล้าๆ กลัวๆ เคยดำน้ำแล้วพอขึ้นมาเลือดไหลออกทางจมูกกับหู เพราะผมเป็นโรคภูมิแพ้ และโพรงจมูกอักเสบ”
อาร์เจนตินา-บราซิล -“ผมว่าเป็นประเทศที่น่าดึงดูด อยากไปเปิดหูเปิดตาประเทศเขาว่ามีอะไรบ้าง ไปเดินดูเมือง เดินเที่ยว หาอะไรกิน อยากเปลี่ยนมุมมองตัวเองบ้าง แต่ต้องหาคนที่รู้จักที่นั่นดีเป็นคนพาไปนะ” :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/