xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิตที่เริ่มจากศูนย์ของผู้ชายชื่อ ธนะสิทธิ์ เฟื่องไพศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
 
หากมีเวลาเฝ้าดูชีวิตนานพอ จะพบว่ามีหลายสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไป มีทั้งดีและร้ายยังตกค้างหลงเหลือให้หวนละลึกถึงและจดจำได้เสมอ เฉกเช่น บอส-ธนะสิทธิ์ เฟื่องไพศาล กรรมการผู้จัดการ โครงการ Landmark Residence ที่นั่งทบทวนเรื่องในอดีตให้เราได้ฟังถึงชีวิตที่เคยสุขสบาย หากแต่วันหนึ่งเมื่อธุรกิจของครอบครัวประสบภาวะขาดทุน โรงงานและบ้านถูกยึด ทุกคนในครอบต้องทำใจรับสภาพ ขณะที่พ่อและแม่ช่วยกันทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาใช้หนี้และเลี้ยงลูกที่ยังเล็กนัก

 
 
ในวันที่อากาศอบอุ่นไม่ร้อนจนเกินไป เรามีนัดกับนักธุรกิจหนุ่มหน้าใสวัย 30 ต้นๆ บอส-ธนะสิทธิ์ ลูกชายคนเล็กในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 4 คน ของ ไพโรจน์ - กุลทรัพย์ เฟื่องไพศาล เจ้าของธุรกิจการ์เม้นท์ ...ภาพรอยยิ้มสดใสในวันที่พบกันแทบไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะผ่านเรื่องราวชีวิตที่มีทั้งสุขและเศร้าปนกัน 

บอสบอกว่าเมื่อตอนเด็กๆใช้ชีวิตอย่างสุขสบายพ่อทำธุรกิจส่งออกด้านสิ่งทอ ขณะที่แม่และยายเป็นเจ้าของร้านค้าใหญ่ที่เยาวราช หลังจบชั้นประถมที่สมถวิล ราชดำริ พ่อกับแม่วางแผนให้เขาเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนอัญสัมชัญเหมือนพี่ๆ แต่ที่บ้านเกิดวิกฤติธุรกิจการ์เม้นท์ที่พ่อทำอยู่มีปัญหาโรงงานตกไปเป็นของคนอื่น บ้านเกือบถูกยึด ทุกอย่างพังทลาย เงินที่เคยใช้สอยอย่างสบายกลายเป็นไม่มี แม่ต้องออกทำงานช่วยพ่อ พี่ๆต้องย้ายจากโรงเรียนอัสสัมชัญ มาเรียนโรงเรียนรัฐบาล ขณะที่ตัวเขาเองถูกส่งมาเรียนที่โรงเรียนสันติราษฏร์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

 
 
“ความรู้สึกตอนนั้นแย่มาก พ่อก็นิ่งไปเลย ทั้งบ้านไม่มีรอยยิ้ม เมื่อต้องมาเรียนหนังสือที่สันติราษฏร์ ชีวิตเปลี่ยนสังคมเปลี่ยนผมต้องปรับตัวเองให้อยู่กับเพื่อนกลุ่มใหม่ให้ได้ พอเพื่อนมาชวนไปไหนผมไปหมด เริ่มกินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่ใช่ว่าโรงเรียนไม่ดีหรือเพื่อนไม่ดี แต่เพราะผมอ่อนแอเอง เที่ยวชนิดไม่เรียนหนังสือจนครูเรียกผู้ปกครองไป พ่อกับแม่ร้องไห้ก็รู้สึกผิดที่เราไปเพิ่มความทุกข์ให้เขา ก็เลยสัญญากับตัวเองจะทำทุกอย่างให้ดี อยากรวย อยากเลี้ยงดูพ่อแม่”
 
 
เมื่อคิดแล้วบอสก็ปรับปรุงตัวเอง ตั้งใจเรียนมากขึ้น เลิกเหล้าบุหรี่ และเริ่มหาเงินเอง โดยมีเพื่อนที่สันติราษฏร์ชวนหาซื้อของไปขาย จากเด็กเกเรเมื่อคิดได้ เขาก็เริ่มจับงานเพื่อหาเงิน “พอเรารู้ว่าใครอยากได้อะไร ก็จะไปเดินหาพอได้มาก็ไปเสนอบวกกำไร เราลงทุนไปด้วยเงินไม่มากแต่ได้กำไรดี ก็ทำเรื่อยมาจนจบปริญญาตรี ก็ไปเจอรุ่นพี่ที่เล่นหุ้น ซึ่งผมก็ชอบคำนวณชอบคิดอยู่แล้ว เลยบอกให้เขาสอน ตรงนี้ใช้เวลาไม่นานได้เงินเยอะ (หัวเราะเมื่อถูกถามถึงตัวเลข) ชนิดที่ว่านึกไม่ถึง”

 
และด้วยความเป็นคนไม่อยู่นิ่ง จึงขยับขยายงานในมือเริ่มจากการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เล็กๆ โดยการซื้อขายเก็งกำไร รับฝากซื้อ-ฝากขาย (Broker) และซื้อคอนโดในย่านธุรกิจแล้วให้ลูกค้าเช่า จนเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เขาได้ลงทุนเทคโอเวอร์อาพาร์ทเม้น ย่านลาดพร้าว ชื่อโครงการ Grace City park
บอสบอกว่า ก่อนซื้ออาพาร์เม้น ที่โชคชัยสี่เขาคิดหนักเพราะ ไม่อยากเอาเงินมาเสี่ยงจมอยู่จุดเดียว แต่ถ้าไม่ซื้อก็เสียดาย เพราะทำเลตรงนั้น หากปรับปรุงดีๆได้เงินแน่นอน เพียงแต่ต้องใช้เวลาเก็บ เขาหมดเวลาไปกับอาพาร์ทเม้นไปมาก จนงานซื้อ-ขายทำไม่ทัน ต้องให้พี่ๆ ออกจากงานมาช่วยกันดูแล

 

ดูเหมือนว่าชีวิตของบอสเริ่มจะมือขึ้นในด้านธุรกิจเสียแล้ว คราวนี้เขาเริ่มจับงานใหญ่ขึ้นไปอีก “ผมอยากได้อาพาร์ทเม้นใหม่อีกแห่ง เลยไปดูที่แถวเอแบคบางนา ซื้อที่ได้ก็สร้างเลย ผมออกแบบตกแต่งภายในเองในแบบที่ตัวเองชอบตอนใกล้เสร็จมีคนมาดูจะขอเช่า พอเห็นห้องเขาเปลี่ยนใจขอซื้อ ก็ดีใจว่าเฮ้ย!!ถ้าขายขาดก็ดี ที่นี่จากอาพาร์ทเม้นให้เช่าเลยเปลี่ยนเป็น Condominium เพิ่งสร้างเสร็จใช้ชื่อโครงการ Landmark Residence @ ABAC Bangna เฟสแรกใกล้หมดแล้ว กำลังจะขึ้นเฟสสองครับ”

 

ด้วยวัยกับภาระที่บอสรับผิดชอบ ทำให้ชีวิตของเขาดูเหมือนขาดเสน่ห์ที่วัยรุ่นควรมี จึงอดถามไม่ได้ ทำงานหนักแบบนี้มีเพื่อนและมีเวลาไปเที่ยวเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปหรือไม่ เขารีบพยักหน้า “มีครับ ผมชอบเที่ยวด้วยซ้ำไป ทุกวันนี้ได้ออกไปเจอคนก็เหมือนได้เที่ยวแล้วครับ ถ้าว่างจริงๆชอบไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปทะเลก็ไปดำน้ำ ถ้าไปป่าไปภูเขาก็เหมือนได้ไปอีกโลกหนึ่งทำตัวเหมือนไปผจญภัย ไปค้นหาอะไรใหม่ๆ แต่ถ้าไม่ออกต่างจังหวัด ก็จะนัดเพื่อนๆดูหนัง ฟังเพลง ยิงปืน ฟิตเนส ตอนนี้ฟิตไปเรียนมวยไทยเพิ่ม”

 
 
ทุกวันนี้บอสใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ให้พ่อกับแม่ต้องทำงานเหนื่อยอีกแล้ว ทุกเช้าไปทำงาน เย็นสังสรรค์และออกกำลังกาย หากมีวันว่างจะพาพ่อกับแม่ไปไหว้พระที่พ่อแม่อยากไป เขาบอกว่าดีใจที่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบ 

สำหรับเป้าหมายชีวิตในวันข้าง เขาอยากสร้างตำนานพัฒนาธุรกิจที่ดำเนินอยู่ให้ไปถึงจุดสูงสุดและขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ส่วนจะทำได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพียงในวันนี้เขาขอฝันไว้ก่อน เพราะไม่แน่ว่าวันข้างหน้า เมื่อแก่ตัวไปเขาอาจได้กลับมานั่งทบทวนอดีตให้นักข่าวรุ่นหลังได้ฟังประสบการณ์ชีวิต และในบางจุดของเวลาที่ผ่านเลยไปอีกครั้ง

กำลังโหลดความคิดเห็น