เขาหาว่าผมเป็นมาเฟีย คำสารภาพของสุภาพบุรุษใจนักเลงแห่งอาณาจักรโบนันซ่า “ไพวงษ์ เตชะณรงค์”

>>หากเอ่ยชื่อ ไพวงษ์ เตชะณรงค์ แล้วคงยากจะมีใครค้านว่าไม่รู้จักเขา สงกรานต์ ชายหนุ่มผู้โชคดีที่คว้าตัวนางเอกหน้าหวาน แอฟ-ทักษอร มาสวมแหวนแต่งงานเมื่อเร็วๆ นี้เป็นลูกชายคนโตของเขานั่นเอง อดีตนายกที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีทว่าเป็นอดีตนายกสมาคมคนไทยในอเมริกา ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของคนไทยแทบทุกระดับ เพราะระหว่างที่ยังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น เขาคอยเฝ้ารับเสด็จสมาชิกพระราชวงศ์ รับรองข้าราชการที่มาดูงาน ตลอดจนเป็นที่พึ่งของบรรดาคนไทยที่ไปใช้ชีวิตในอเมริกา

นิตยสาร Hello! ฉบับวันที่ 13 ธันวาคม 2555 ได้สัมภาษณ์ครอบครัว เตชะณรงค์ โดยมีคุณไพวงษ์ เตชะณรงค์ พร้อมภรรยาผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเนิ่นนานอย่าง คุณพรรณี เตชะณรงค์ มาเล่าถึงชีวิตและที่มาของที่ดินผืนงามกลางหุบเขาที่กินอาณาเขตถึง 5,000 ไร่ ที่ส่วนใหญ่ได้มาจากบรรดาชาวบ้านในพื้นที่เสนอขายให้คนละ 20-30 ไร่ ที่จากตอนแรกมี 1,100 ไร่จนผ่านไป 20 ปี ก็มีประมาณ 5,000 ไร่ ซึ่งคุณไพวงษ์บอกไม่ถือว่ามากมายอะไร เพราะถ้าผมมีสตางค์จริงตอนนี้น่าจะมีที่ดินหลายหมื่นไร่ถึงจะถูก

อดีตบัณฑิต Commercial Art จาก Woodbury University เล่าถึงที่มาเบื้องหลังการเกิดโบนันซ่าเมื่อ 20 ปีก่อน

“ตอนผมเรียนศิลปะที่อเมริกา โปรเฟสเซอร์พาไปดูเวสต์เลค ซึ่งสร้างทะเลสาบเป็นรูปนิ้วมือ และปลูกบ้านริมทะเลสาบทุกหลังแล้วก็ปลูกต้นหลิว โปรเฟสเซอร์บอกว่าในความสวยงามของธรรมชาติ ถ้ามนุษย์รู้จักตกแต่งก็จะดูสวย พอกลับเมืองไทยเพื่อนชวนทำเรียลเอสเตท สมัยนั้นฮิตสวนเกษตร ก็บอกถ้าจะทำต้องทำแบบพี่นะโว้ย เลยเริ่มจากซื้อที่ดินแถวองครักษ์ 600 ไร่ ให้สถาปนิกออกแบบ และจัดงานเปิดตัวที่ปาร์คนายเลิศ ปรากฏว่าคืนเดียวขายหมดเกลี้ยงเลย เพราะเราขายถูก 2 ไร่ 8 แสนบาท จากที่ซื้อมาไร่ละ 20,000 บาท โดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วย แค่มีแบบให้ดูเท่านั้น ได้กำไรมาเกือบ 200 ล้านบาท พอได้มาปั๊บเริ่มใช้เงินกันไม่เป็น แทนที่จะเอาไปต่อยอดก็เอาไปซื้อโน่นซื้อนี่ ผมบอกไม่ไหวแบ่งส่วนของพี่มาดีกว่า แล้วผมก็ซื้อที่ดินมาทำอีก 2-3 แปลง ได้กำไรมา 90 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมากสมัยนั้น ก็มีเพื่อนพามาเขาใหญ่ สมัยนั้นไปลำบากพอใช้เพราะถนนแค่ 2 เลน ทีนี้ที่มันสวยก็นึกถึงเวสต์เลค เลยให้สถาปนิกที่เพิ่งจบจากอังกฤษออกแบบให้เหมือนที่เราบอก ติดน้ำทุกแปลง ซื้อมาไร่ละแสน ขายไร่ละ 2 ล้าน เปิดตัวปุ๊บขายได้เกือบครึ่งเลยนะ แต่ดันเจอซัดดัม ซึ่งเราก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนคนรู้จักโบนันซ่ามากขึ้น เพราะอาศัยว่าผมเป็นคนกว้างขวาง เพราะอะไร เพราะเราดูแลเขา ผมเป็นคนที่ตำรวจทหารเข้าหาเยอะสุด เพราะบรรดานายเป็นน้องๆ ผมทั้งนั้น แล้วผมเคยอยู่หน้าห้องพี่จิ๋ว (พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) หน้าห้องนายกฯ มาตั้งกี่สมัย การที่เราช่วยเหลือคนไปเรื่อย มันแผ่กิ่งก้านสาขา”

แค่เกริ่นนำ เรื่องราวก็เริ่มจะสนุก น่าสนใจ น่าติดตามว่าชีวิตที่ผ่านมากว่าจะประสบความสำเร็จต้องผ่านอะไรมาบ้าง คงต้องไปติดตามอ่านต่อกันในนิตยสาร Hello! ฉบับวันที่ 13 ธันวาคม 2555 แล้วคุณจะได้คำตอบว่า สุภาพบุรุษไพวงษ์ ไม่ได้เป็นมาเฟียอย่างที่คนทั่วไปกล่าวไว้ :: Report by FLASH