จากยุโรปเหนือดินแดนไกลโพ้นในอดีต เรื่อยลงมาจนถึงฝรั่งเศสประเทศของงานศิลปะที่ล้ำค่า และอิตาลี ต้นกำเนิดของศิลปะแบบเรอเนสซ็องต์ ไล่เรื่อยลงมาจนถึงโปรตุเกส ดินแดนของนักเดินเรือในยุคของการค้นหาว่าโลกกลม Massimo Listri ช่างภาพอิตาเลียนผู้หลงไหลในความงามของงานศิลปะในยุคเทพปกรณัม กับผลงานถ่ายภาพอันเอกอุที่บันทึกผลงานอันยิ่งใหญ่ในอดีตของมนุษย์ผู้เป็นศิลปินที่ใช้เพียงสองมือและจิตใจอันงดงาม บรรจงสรรค์สร้างงานศิลปะเหล่านี้ขึ้นเพื่อเป็นศาสนบูชาและพระราชประสงค์ของกษัตริย์ผู้ครองแผ่นดิน ถ่ายทอดเป็นงานศิลปะชิ้นเอกไปทั่วทั้งทวีป
แต่เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและฉับพลัน งานศิลปะที่งดงามเหล่านี้ บ้างก็ถูกเปลี่ยนแปลง บ้างถูกทอดทิ้ง บ้างก็ยังคงซ่อนเร้นอยู่ในที่ลับตา เพียงชั่วเวลาไม่กี่ศตวรรษที่ความเปลี่ยนแปลงย่างกรายเข้ามา ความงดงามเหล่านี้คงถูกลบเลือนไปสิ้น หากไม่มีช่างภาพผู้นี้ที่บากบั่นเดินทาง ใช้เพียงกล้องถ่ายรูปกับสายตาอันแหลมคม สะสมงานศิลปะเหล่านี้ลงบนรูปถ่าย และนำออกมาให้คนรุ่นใหม่ได้ประจักษ์ ถึงศรัทธาและฝีมือของบรรพบุรุษที่ยังคงเห็นเป็นประจักษ์อยู่บนโลกไปนี้
Massimo Listri หนุ่มอิตาเลียนผู้หลงไหลในความงามของงานศิลปะ ทั้งภาพเขียน ประติมากรรม มัณฑณศิลป์ และสถาปัตยกรรม ได้ออกเดินทางไปทั่วทุกแห่งในยุโรป โดยใช้เวลานานแรมปี ที่จะเก็บภาพของประจักษ์พยานและความรุ่งเรืองของอดีต ซึ่งยังคงยืนหยัดอวดความงดงามของงานศิลปะในแขนงต่างๆ ให้คนรุ่นใหม่ได้รับทราบว่า ยังคงมีสมบัติศิลป์ที่ล้ำค่าหลงหูหลงตาอยู่อีกมากมาย ทั้งควรค่าที่คนรุ่นใหม่จะได้สืบสานรักษางานศิลปเหล่านี้ให้ยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน เพราะงานเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผลงานของบรมมหาศิลปินในอดีต ที่มิอาจหาผลงานของคนในยุคใดๆมาเทียบได้อีกแล้ว

ภาพที่1 ภาพของท้องพระโรงเก่าของพระราชวังในกรุงสต็อคโฮล์ม ที่ยังคงหลงหูหลงตานักท่องเที่ยว เพราะถูกดัดแปลงภายในให้กลายเป็นห้องโถงธรรมดาเพียงเท่านั้น เครื่องเรือนที่แสดงถึงการใช้งานได้ถูกโยกย้ายออกไปจนหมดสิ้น จนไม่เหลือเค้าของท้องพระโรงอีกต่อไป

ภาพที่ 2 ในพระราชวังในกรุงสต็อคโฮล์มเช่นกัน เป็นห้องที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนที่พื้นและเสาที่เรียงรายไปตลอดทั้งห้อง มีสีสันและฝีมือที่ละเอียดอ่อนงดงามมาก คงเหลือเพียงงานประติมากรรมหินอ่อนรูปแม่และลูกนอนเล่นกันอยู่เพียงเท่านั้น

ภาพที่ 3 งานจิตรกรรมในแบบเฟรซโกหรือปูนเปียกตามแบบศิลปะในยุคร็อคโคโค่ ในสมัยศตวรรษที่ 18 ที่พระราชวัง เกอลูซ ประเทศโปรตุเกส แสดงถึงความอลังการของห้องโถงที่แต่งแต้มความอลังการด้วยงานฝีมือตั้งแต่เพดานจนถึงพื้นห้องที่เป็นหินอ่อนแผ่นขนาดใหญ่สีดำสลับขาว

ภาพที่ 4 งานฝีมือในยุคบาโรคที่รุ่มรวยไปด้วยงานฝีมือทั้งปูนปั้น ประติมากรรมหินอ่อน จิตรกรรมฝาผนัง งานกาไหล่ทองที่สุดวิจิตรพิศดาร งานตกแต่งด้วยงานศิลปะชั้นเยี่ยมนี้ทำขึ้นสำหรับโบสถ์ Wiblingen ซึ่งเป็นศาสนสถานของนิกายเบเนดิคทีน แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งเมือง ULM ในประเทศเยอรมนี

ภาพที่ 5 งานที่ใช้หินอ่อนในการประดับและตกแต่งแห่งนี้ เป็นงานในรูปแบบของสีเอกรงค์ เป็นงานตกแต่งวิหาร ซาน ลอเรนโช ในสมัยศตวรรษที่ 16 ของตระกูลเมดิซิ อันเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเมืองฟลอเร้นซ์ อิตาลี

ภาพที่ 6 บริเวณภายในของแกเลอรี่หินอ่อน ในพระราชวัง Ducal ในประเทศอิตาลี ที่ใช้หินอ่อนมาตกแต่งอย่างลงตัว นับเป็นงานชั้นครูที่ยากที่จะหาได้อีก

ภาพที่ 7 ภายในห้องสมุด Malatestiana เมือง Cesena อิตาลี ที่เริ่มสร้างขึ้นและใช้งานขึ้นตั้งแต่เมื่อ 500 ปีก่อน เชื่อได้ว่าเป็นห้องสมุดแรกที่อนุญาตให้สามัญชนได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ในยุคศักดินา

ภาพที่ 8 ภายในห้องที่ดูเปล่าเปลี่ยวในพระราชวัง Palazzo Martelli ที่เมืองฟลอเร้นซ์ อิตาลี ยังคงมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียกในสภาพที่สมบูรณ์มากหลงเหลืออยู่บนฝาผนังและเพดานกับโต๊ะไม้เพียงหนึ่งตัวเท่านั้น

ภาพที่ 9 ทางเดินในพิพิธภัณฑ์แห่ง แคปิโตลีน ตั้งอยู่บนเนินเขาชื่อเดียวกันในกรุงโรม ซึ่งนำเอางานประติมากรรมหินอ่อนที่ชำรุด ส่วนใหญ่เป็นประติมากรรมของเทพและเทพีที่ปราศจากเศียร แต่จากรายละเอียดต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนเนื้อหิน แสดงให้เห็นถึงฝีมือการแกะสลักที่เชื่อว่า ส่วนใหญ่เป็นผลงานตกสำรวจของอัครมหาศิลปินในยุคเรอเนซองส์ ไมเคิล แองเจโล บัวนาร็อตติ นั่นเอง

ภาพที่ 10 ห้องโถงในปราสาทแห่ง Pierrefonds (ปิแอร์ฟองด์) ในเมือง Oise ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของมหานครปารีส แสดงให้เห็นถึงความงดงามด้วยการนำเอาไม้สีอ่อนและลวดลายที่ชดช้อย จากภาพจิตรกรรมฝาผนังและเพดานที่มีความละเอียดและวิจิตรมาก ขนาดภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ด เลือกเป็นฉากของพระราชวังในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14ในภาพยนตร์เรื่อง Man in The Iron Mask ที่สร้างในปี ค.ศ.1998

ภาพที่ 11 ลวดลายปูนปั้นในยุคบาโรคที่สุดแสนจะวิจิตรงดงาม เป็นงานจากฝีมือของศิลปินชั้นเยี่ยมในยุคของศตวรรษที่ 16 เป็นงานที่ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดของ มหาวิหาร Kresmunster ในประเทศออสเตรีย ซึ่งปัจจุบันเป็นห้องสมุดที่เก็บหนังสือที่มีค่าที่สุดไว้ บางเล่มมีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 9

ภาพที่ 12 งานตกแต่งที่ใช้กระเบื้องเคลือบสีสดใส ที่ยากที่จะเชื่อว่าเป็นผลงานการออกแบบมาตั้งแต่ยุตศตวรรษที่ 16 ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม เป็นลักษณะของศิลปะที่แสดงถึงอิทธิพลของศิลปะในแบบมัวริช ซึ่งอยู่ที่ พระราชวัง Sammezzano ในแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี

ภาพที่ 13 งานสถาปัตยกรรมและมัณฑณศิลป์ด้วยหินอ่อนหลากสี และงานประติมากรรมหินอ่อน ของห้องโถงบันใดที่ พระราชวัง Caserta ในแคว้นเนเปิล ซึ่งเป็นแคว้นสำคัญทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี นับว่าเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดแห่งในยุโรปที่สร้างขึ้นในยุคศตวรรษที่ 18

และภาพที่ 14 ซึ่งเป็นภาพสุดท้าย เป็นทางเดินในห้องสมุดในเมือง ประเทศสเปน ซึ่งเป็นการก่อหินในรูปโวลท์ สร้างขึ้นใน ค.ศ.1570 ยังคงหลงเหลือปืนใหญ่อยู่เพียงกระบอกเดียว
ใครอยากจะย้อนรอยเพื่อไปสัมผัสกับความงดงามที่ถูกซ่อนเหล่านี้ก็เตรียมแพคกระเป๋าเดินทางได้แล้ว
แต่เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและฉับพลัน งานศิลปะที่งดงามเหล่านี้ บ้างก็ถูกเปลี่ยนแปลง บ้างถูกทอดทิ้ง บ้างก็ยังคงซ่อนเร้นอยู่ในที่ลับตา เพียงชั่วเวลาไม่กี่ศตวรรษที่ความเปลี่ยนแปลงย่างกรายเข้ามา ความงดงามเหล่านี้คงถูกลบเลือนไปสิ้น หากไม่มีช่างภาพผู้นี้ที่บากบั่นเดินทาง ใช้เพียงกล้องถ่ายรูปกับสายตาอันแหลมคม สะสมงานศิลปะเหล่านี้ลงบนรูปถ่าย และนำออกมาให้คนรุ่นใหม่ได้ประจักษ์ ถึงศรัทธาและฝีมือของบรรพบุรุษที่ยังคงเห็นเป็นประจักษ์อยู่บนโลกไปนี้
Massimo Listri หนุ่มอิตาเลียนผู้หลงไหลในความงามของงานศิลปะ ทั้งภาพเขียน ประติมากรรม มัณฑณศิลป์ และสถาปัตยกรรม ได้ออกเดินทางไปทั่วทุกแห่งในยุโรป โดยใช้เวลานานแรมปี ที่จะเก็บภาพของประจักษ์พยานและความรุ่งเรืองของอดีต ซึ่งยังคงยืนหยัดอวดความงดงามของงานศิลปะในแขนงต่างๆ ให้คนรุ่นใหม่ได้รับทราบว่า ยังคงมีสมบัติศิลป์ที่ล้ำค่าหลงหูหลงตาอยู่อีกมากมาย ทั้งควรค่าที่คนรุ่นใหม่จะได้สืบสานรักษางานศิลปเหล่านี้ให้ยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน เพราะงานเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผลงานของบรมมหาศิลปินในอดีต ที่มิอาจหาผลงานของคนในยุคใดๆมาเทียบได้อีกแล้ว
ภาพที่1 ภาพของท้องพระโรงเก่าของพระราชวังในกรุงสต็อคโฮล์ม ที่ยังคงหลงหูหลงตานักท่องเที่ยว เพราะถูกดัดแปลงภายในให้กลายเป็นห้องโถงธรรมดาเพียงเท่านั้น เครื่องเรือนที่แสดงถึงการใช้งานได้ถูกโยกย้ายออกไปจนหมดสิ้น จนไม่เหลือเค้าของท้องพระโรงอีกต่อไป
ภาพที่ 2 ในพระราชวังในกรุงสต็อคโฮล์มเช่นกัน เป็นห้องที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนที่พื้นและเสาที่เรียงรายไปตลอดทั้งห้อง มีสีสันและฝีมือที่ละเอียดอ่อนงดงามมาก คงเหลือเพียงงานประติมากรรมหินอ่อนรูปแม่และลูกนอนเล่นกันอยู่เพียงเท่านั้น
ภาพที่ 3 งานจิตรกรรมในแบบเฟรซโกหรือปูนเปียกตามแบบศิลปะในยุคร็อคโคโค่ ในสมัยศตวรรษที่ 18 ที่พระราชวัง เกอลูซ ประเทศโปรตุเกส แสดงถึงความอลังการของห้องโถงที่แต่งแต้มความอลังการด้วยงานฝีมือตั้งแต่เพดานจนถึงพื้นห้องที่เป็นหินอ่อนแผ่นขนาดใหญ่สีดำสลับขาว
ภาพที่ 4 งานฝีมือในยุคบาโรคที่รุ่มรวยไปด้วยงานฝีมือทั้งปูนปั้น ประติมากรรมหินอ่อน จิตรกรรมฝาผนัง งานกาไหล่ทองที่สุดวิจิตรพิศดาร งานตกแต่งด้วยงานศิลปะชั้นเยี่ยมนี้ทำขึ้นสำหรับโบสถ์ Wiblingen ซึ่งเป็นศาสนสถานของนิกายเบเนดิคทีน แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งเมือง ULM ในประเทศเยอรมนี
ภาพที่ 5 งานที่ใช้หินอ่อนในการประดับและตกแต่งแห่งนี้ เป็นงานในรูปแบบของสีเอกรงค์ เป็นงานตกแต่งวิหาร ซาน ลอเรนโช ในสมัยศตวรรษที่ 16 ของตระกูลเมดิซิ อันเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเมืองฟลอเร้นซ์ อิตาลี
ภาพที่ 6 บริเวณภายในของแกเลอรี่หินอ่อน ในพระราชวัง Ducal ในประเทศอิตาลี ที่ใช้หินอ่อนมาตกแต่งอย่างลงตัว นับเป็นงานชั้นครูที่ยากที่จะหาได้อีก
ภาพที่ 7 ภายในห้องสมุด Malatestiana เมือง Cesena อิตาลี ที่เริ่มสร้างขึ้นและใช้งานขึ้นตั้งแต่เมื่อ 500 ปีก่อน เชื่อได้ว่าเป็นห้องสมุดแรกที่อนุญาตให้สามัญชนได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ในยุคศักดินา
ภาพที่ 8 ภายในห้องที่ดูเปล่าเปลี่ยวในพระราชวัง Palazzo Martelli ที่เมืองฟลอเร้นซ์ อิตาลี ยังคงมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียกในสภาพที่สมบูรณ์มากหลงเหลืออยู่บนฝาผนังและเพดานกับโต๊ะไม้เพียงหนึ่งตัวเท่านั้น
ภาพที่ 9 ทางเดินในพิพิธภัณฑ์แห่ง แคปิโตลีน ตั้งอยู่บนเนินเขาชื่อเดียวกันในกรุงโรม ซึ่งนำเอางานประติมากรรมหินอ่อนที่ชำรุด ส่วนใหญ่เป็นประติมากรรมของเทพและเทพีที่ปราศจากเศียร แต่จากรายละเอียดต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนเนื้อหิน แสดงให้เห็นถึงฝีมือการแกะสลักที่เชื่อว่า ส่วนใหญ่เป็นผลงานตกสำรวจของอัครมหาศิลปินในยุคเรอเนซองส์ ไมเคิล แองเจโล บัวนาร็อตติ นั่นเอง
ภาพที่ 10 ห้องโถงในปราสาทแห่ง Pierrefonds (ปิแอร์ฟองด์) ในเมือง Oise ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของมหานครปารีส แสดงให้เห็นถึงความงดงามด้วยการนำเอาไม้สีอ่อนและลวดลายที่ชดช้อย จากภาพจิตรกรรมฝาผนังและเพดานที่มีความละเอียดและวิจิตรมาก ขนาดภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ด เลือกเป็นฉากของพระราชวังในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14ในภาพยนตร์เรื่อง Man in The Iron Mask ที่สร้างในปี ค.ศ.1998
ภาพที่ 11 ลวดลายปูนปั้นในยุคบาโรคที่สุดแสนจะวิจิตรงดงาม เป็นงานจากฝีมือของศิลปินชั้นเยี่ยมในยุคของศตวรรษที่ 16 เป็นงานที่ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดของ มหาวิหาร Kresmunster ในประเทศออสเตรีย ซึ่งปัจจุบันเป็นห้องสมุดที่เก็บหนังสือที่มีค่าที่สุดไว้ บางเล่มมีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 9
ภาพที่ 12 งานตกแต่งที่ใช้กระเบื้องเคลือบสีสดใส ที่ยากที่จะเชื่อว่าเป็นผลงานการออกแบบมาตั้งแต่ยุตศตวรรษที่ 16 ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม เป็นลักษณะของศิลปะที่แสดงถึงอิทธิพลของศิลปะในแบบมัวริช ซึ่งอยู่ที่ พระราชวัง Sammezzano ในแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี
ภาพที่ 13 งานสถาปัตยกรรมและมัณฑณศิลป์ด้วยหินอ่อนหลากสี และงานประติมากรรมหินอ่อน ของห้องโถงบันใดที่ พระราชวัง Caserta ในแคว้นเนเปิล ซึ่งเป็นแคว้นสำคัญทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี นับว่าเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดแห่งในยุโรปที่สร้างขึ้นในยุคศตวรรษที่ 18
และภาพที่ 14 ซึ่งเป็นภาพสุดท้าย เป็นทางเดินในห้องสมุดในเมือง ประเทศสเปน ซึ่งเป็นการก่อหินในรูปโวลท์ สร้างขึ้นใน ค.ศ.1570 ยังคงหลงเหลือปืนใหญ่อยู่เพียงกระบอกเดียว
ใครอยากจะย้อนรอยเพื่อไปสัมผัสกับความงดงามที่ถูกซ่อนเหล่านี้ก็เตรียมแพคกระเป๋าเดินทางได้แล้ว